งดงาม
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
ช้างสารชนกัน (ตอนที่ ๒)
ในธรรมะใกล้ตัวฉบับที่ ๒๑๕ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา
ผมได้เขียนบทความเรื่องช้างสารชนกัน
โดยได้คุยถึงแนวโน้มของสงครามเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๘ นี้
ซึ่งอาจจะพัฒนาไปถึงสงครามอาวุธร้ายแรง จนกระทั่งเป็นสงครามโลกครั้งที่ ๓ ก็ได้
http://www.dharmamag.com/mag/index.php/dhammajaree-issues/1144-2015-01-05-05-09-09
หากพิจารณาสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นนะครับ
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าอเมริกายังคงหาเรื่องก่อกวนรัสเซียไม่เลิก
โดยอเมริกาพยายามจะนำอาวุธไปติดตั้งในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก
ซึ่งอยู่ใกล้กับรัสเซีย จนทำให้รัสเซียต้องออกมาประกาศว่า
นี่คือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับแต่สมัยสงครามเย็น
http://www.dailynews.co.th/foreign/328554
http://www.reuters.com/article/2015/06/15/us-usa-military-europe-idUSKBN0OT0TR20150615
แม้ว่าอเมริกาจะพยายามอ้างว่าอาวุธที่จะนำไปติดตั้งในประเทศยุโรปตะวันออกเหล่านี้
เป็นอาวุธเพื่อป้องกันประเทศยุโรปตะวันออกจากการรุกรานของรัสเซีย
แต่เราต้องเข้าใจว่าอาวุธที่ใช้ป้องกันนั้น ก็สามารถนำมาใช้โจมตีได้เช่นกันนะครับ
รัสเซียจะเชื่อได้อย่างไรว่าอเมริกาจะไม่นำอาวุธเหล่านี้ไปโจมตีรัสเซียในระยะเผาขน
ซึ่งในเมื่อจะนำจรวดไปติดตั้งอยู่ในประเทศติดกับรัสเซียอย่างนี้แล้ว
จะไม่ทำให้รัสเซียต้องวิตกกังวลได้อย่างไร
รัสเซียจึงต้องออกมาประกาศไว้ก่อนว่าประเทศไหนหรือตรงจุดไหน
ที่มีการติดตั้งอาวุธของอเมริกาดังกล่าว จะถือเป็นเป้าหมายที่ต้องโดนถล่มก่อน
http://www.wsj.com/articles/russia-threatens-nato-over-missile-shield-1429185058
บางท่านอาจจะสงสัยว่าอเมริกาไปหาเรื่องรัสเซียจริงหรือ
อเมริกาเป็นประเทศประชาธิปไตย และเป็นตำรวจโลกที่คอยช่วยเหลือประเทศอื่นมิใช่หรือ
ในเรื่องที่ว่าอเมริกาเป็นประชาธิปไตย หรือเป็นประเทศที่ดีเลิศนั้น
เป็นภาพลวงตาที่บรรดาภาพยนตร์ฮอลลิวูด หรือสื่อต่าง ๆ สร้างมาหลอกคนในโลกเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ค้าขายอาวุธมากที่สุดในโลก
และเป็นประเทศที่ก่อสงครามกับประเทศอื่น ๆ ไปทั่วมากที่สุดในโลกเช่นกัน
ยกตัวอย่างว่า อเมริกาพยายามจะโฆษณาชวนเชื่อว่า เกาหลีเหนือ หรืออิหร่าน
เป็นประเทศที่พยายามจะสร้างนิวเคลียร์ และเป็นประเทศอันตราย
แต่เราพิจารณาข้อมูลนะครับว่า ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองปี ค.ศ. ๑๙๔๕ แล้ว
เกาหลีเหนือ และอิหร่านได้เคยไปราวีหรือเอาระเบิดไปทิ้งใส่ประเทศไหนบ้าง
ซึ่งก็มีแค่เกาหลีเหนือเคยรบกับเกาหลีใต้ และอิหร่านเคยรบกับอิรัก
แต่หากลองเทียบกับอเมริกาแล้ว เราจะเห็นได้ว่า
อเมริกานำระเบิดไปทิ้งประเทศอื่นมากมายต่างกันสิ้นเชิง ดังต่อไปนี้
ค.ศ. ๒๐๑๔ – ปัจจุบัน | ประเทศอิรัก และประเทศซีเรีย |
ค.ศ. ๒๐๑๑ – ปัจจุบัน | ประเทศโซมาเลีย |
ค.ศ. ๒๐๑๑ | ประเทศลิเบีย |
ค.ศ. ๒๐๐๔ – ปัจจุบัน | ประเทศเยเมน |
ค.ศ. ๒๐๐๔ – ปัจจุบัน | ประเทศปากีสถาน |
ค.ศ. ๒๐๐๓ – ๒๐๑๑ | ประเทศอิรัก |
ค.ศ. ๒๐๐๑ – ปัจจุบัน | ประเทศอัฟกานิสถาน |
ค.ศ. ๑๙๙๙ | ประเทศยโกสลาเวีย – เซอร์เบีย |
ค.ศ. ๑๙๙๘ | ประเทศอัฟกานิสถาน |
ค.ศ. ๑๙๙๘ | ประเทศซูดาน |
ค.ศ. ๑๙๙๘ | ประเทศอิหร่าน |
ค.ศ. ๑๙๙๕ | ประเทศบอสเนีย |
ค.ศ. ๑๙๙๒ – ๑๙๙๔ | ประเทศโซมาเลีย |
ค.ศ. ๑๙๙๑ | ประเทศคูเวต |
ค.ศ. ๑๙๘๙ – ๑๙๙๐ | ประเทศปานามา |
ค.ศ. ๑๙๘๙ | ประเทศลิเบีย |
ค.ศ. ๑๙๗๙ – ๑๙๘๘ | ประเทศอิหร่าน |
ค.ศ. ๑๙๗๙ | ประเทศนิคารากัว |
ค.ศ. ๑๙๘๑ – ๑๙๙๒ | ประเทศเอลซาวาดอร์ |
ค.ศ. ๑๙๘๖ | ประเทศลิเบีย |
ค.ศ. ๑๙๘๓ | ประเทศเกรเนดา |
ค.ศ. ๑๙๘๒ – ๑๙๘๔ | ประเทศเลบานอน |
ค.ศ. ๑๙๖๙ – ๑๙๗๐ | ประเทศกัมพูชา |
ค.ศ. ๑๙๖๑ – ๑๙๗๓ | ประเทศเวียดนาม |
ค.ศ. ๑๙๖๔ – ๑๙๗๓ | ประเทศลาว |
ค.ศ. ๑๙๖๕ | ประเทศเปรู |
ค.ศ. ๑๙๖๕ – ๑๙๖๖ | ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน |
ค.ศ. ๑๙๖๔ | ประเทศกัวเตมาลา |
ค.ศ. ๑๙๖๔ | ประเทศคองโก |
ค.ศ. ๑๙๖๑ | ประเทศคิวบา |
ค.ศ. ๑๙๖๐ | ประเทศกัวเตมาลา |
ค.ศ. ๑๙๖๙ – ๑๙๖๐ | ประเทศคิวบา |
ค.ศ. ๑๙๕๘ | ประเทศอินโดนิเซีย |
ค.ศ. ๑๙๕๔ | ประเทศกัวเตมาลา |
ค.ศ. ๑๙๕๐ – ๑๙๕๓ | ประเทศจีน |
ค.ศ. ๑๙๕๐ – ๑๙๕๓ | ประเทศเกาหลี |
ค.ศ. ๑๙๔๕ – ๑๙๔๖ | ประเทศจีน |
https://wikispooks.com/wiki/US_Bombing_campaigns_since_1945
ดังนั้นประเทศที่อันตรายที่แท้จริงนั้น น่าจะเป็นอเมริกามากกว่า
โดยในบางกรณีที่เอาระเบิดไปทิ้งในประเทศคนอื่นนั้น
ก็ทำไปอย่างไม่มีเหตุผลอันสมควร ยกตัวอย่างเช่น
กรณีที่อเมริกาบุกอิรักในปี ค.ศ. ๒๐๐๓
โดยอ้างว่าอิรักมีอาวุธชีวภาพหรืออาวุธเคมีร้ายแรงในครอบครอง
แต่หลังจากที่เอาระเบิดไปทิ้งในอิรัก และยกกองทัพไปถล่มอิรักเสียราบแล้ว
ข้อเท็จจริงก็ปรากฏภายหลังว่า ไม่ปรากฏว่าอิรักมีอาวุธชีวภาพ
หรืออาวุธเคมีร้ายแรงดังที่อเมริกากล่าวอ้างแต่อย่างใด
http://mic.com/articles/101420/no-iraq-didn-t-have-weapons-of-mass-destruction-after-all
http://www.wsj.com/articles/bush-the-truth-and-iraqs-weapons-of-mass-destruction-letters-to-the-editor-1423868736
กรณีจึงเป็นเรื่องที่อเมริกากุเรื่องโกหกหลอกลวงคนทั้งโลก
เพื่อที่อเมริกาจะเข้าไปยึดครองอิรัก ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน
และตนเองจะได้ก่อสงคราม อันจะเป็นประโยชน์แก่บริษัทค้าอาวุธ
เพราะในเมื่ออเมริกาเป็นประเทศที่ค้าอาวุธแล้ว
สิ่งที่บริษัทค้าอาวุธต้องการก็คือ ความวุ่นวาย และสงครามระหว่างประเทศ
ยิ่งมีสงครามมากเท่าไร ก็ยิ่งขายอาวุธได้มากเท่านั้น
โดยที่ในเมื่ออเมริกากุเรื่องอิรักมาหลอกคนทั้งโลกแล้ว เรื่องอื่น ๆ ก็ย่อมมีครับ
อเมริกาได้เข้าไปวุ่นวายในยูเครนโดยสนับสนุนให้ยูเครนแตกแยกกับรัสเซีย
โดยยูเครนเองไม่มีเงินที่จะซื้ออาวุธมารบ ก็ให้ IMF ปล่อยเงินกู้ให้แก่ยูเครน
http://russia-insider.com/en/2015/03/16/4531
ยูเครนได้เงินกู้มา แทนที่จะนำไปพัฒนาประเทศให้เจริญ
หรือนำเงินช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากความอดยาก
แต่กลับนำเงินกู้มาซื้ออาวุธจากกลุ่มประเทศ NATO รวมทั้งอเมริกาด้วย
http://www.theguardian.com/world/2015/feb/11/us-weapons-to-ukraine-would-be-matched-by-russian-arms-to-rebels
http://www.rt.com/news/240705-ukraine-poroshenko-weapons-europe/
http://www.wsj.com/articles/ukraine-president-meets-u-a-e-officials-to-secure-weapons-purchase-1424788248
ซึ่งท้ายสุดแล้ว คนที่ได้เงินจากสงครามนี้ก็คือบริษัทค้าอาวุธ
แต่ประชาชนยูเครนเองไม่ได้อะไร มีแต่สงครามภายในประเทศ และหนี้สิน
การที่อเมริกาไปสร้างความวุ่นวายในประเทศติดกับรัสเซีย
และพยายามไปติดตั้งอาวุธร้ายแรงในประเทศใกล้กับรัสเซียเช่นนี้
ย่อมเป็นการยุแหย่รัสเซียอย่างชัดเจน ซึ่งรัสเซียต้องใช้ความอดทนอย่างมาก
หากเทียบกับสมัยอดีตก็คล้ายกับวิกฤตการณ์ที่สหภาพโซเวียตจะติดตั้งอาวุธให้คิวบา
ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับอเมริกา ทำให้อเมริกาออกมาประกาศว่า
หากสหภาพโซเวียตติดอาวุธให้กับคิวบาเท่ากับประกาศสงครามกับอเมริกาในทันที
https://en.wikipedia.org/wiki/Cuban_Missile_Crisis
แต่ในปัจจุบันอเมริกากลับพยายามจะติดตั้งอาวุธในประเทศติดกับรัสเซียเสียเอง
ในทางฝั่งเอเชียเอง อเมริกาก็พยายามยุแหย่หาเรื่องจีน
โดยพยายามเข้ามาวุ่นวายและยุ่งเกี่ยวในเรื่องหมู่เกาะทะเลจีนใต้
ซึ่งจีนกำลังมีปัญหาพิพาทกับหลายประเทศในแถบทะเลจีนใต้
โดยอเมริกาพยายามเข้ามาเรียกร้องให้จีนถอนกำลังและสิ่งปลูกสร้างออกจาก
หมู่เกาะทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนยอมรับไม่ได้
แต่อเมริกาก็ยังพยายามเข้ามาวุ่นวายไม่เลิก
ซึ่งหลายฝ่ายได้ให้ความเห็นว่ากรณีนี้สามารถนำไปสู่สงครามระหว่างอเมริกากับจีนได้
http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/asia/china/11630185/US-China-war-inevitable-unless-Washington-drops-demands-over-South-China-Sea.html
http://www.theage.com.au/comment/south-china-sea-the-tiny-islands-that-could-lead-to-war-20150601-gheecs.html
http://time.com/3904129/south-china-sea-spratlys/
ในทางด้านเศรษฐกิจเอง สงครามเศรษฐกิจเต็มรูปแบบก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
โดยฝ่ายอเมริกาได้ถล่มขายหุ้นในตลาดหุ้นของจีนทำให้หุ้นตกกว่า ๓๐%
และมูลค่าในตลาดหุ้นจีนหายไปกว่า ๓ ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
http://geopolitics.co/2015/07/18/wall-street-attack-on-chinese-stock-market-confirmed-by-us-ceos/
http://www.economist.com/blogs/freeexchange/2015/07/chinas-stockmarket-crash
ในส่วนของประเทศไทยเอง ซึ่งไทยเราก็คงไม่อยากจะไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย
ในความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจเหล่านี้
แต่ประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ก็จะต้องหาพวก และย่อมจะต้องหาทางมาวุ่นวายกับไทยเรา
อย่างเช่นใน ค.ศ. ๒๐๑๒ ที่ผ่านมา ทาง NASA ก็จะมาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของไทย
โดยอ้างว่าจะใช้เพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และไม่เกี่ยวกับเรื่องการทหาร
แต่ถามว่าใครจะเชื่อบ้างว่าจะไม่เกี่ยวกับเรื่องการทหารจริง ๆ
แล้วทำไม NASA จะต้องมาใช้สนามบินอู่ตะเภาของไทยด้วย
ในเมื่อสนามบินอื่นในประเทศอื่นก็มีเยอะแยะ
http://www.bangkokpost.com/news/politics/296312/nasa-sets-sights-on-u-tapao-for-study-base
ถึงปัจจุบันนี้ อเมริกาก็ยังไม่เลิกที่จะต้องการใช้ไทยเป็นฐานทัพ
โดยอ้างเรื่องผู้อพยพชาวโรฮีนจา (หรือโรฮิงญา) ที่อพยพกันทางทะเล
ว่าต้องการขอใช้สนามบินอู่ตะเภา หรือสนามบินภูเก็ตของไทย
เพื่อตั้งฐานช่วยเหลือผู้อพยพทางทะเลเหล่านี้
http://www.phuketgazette.net/phuket-news/Phuket-Airport-possible-base-US-military-support/59215
ถ้าอเมริกาต้องการจะช่วยเหลือผู้อพยพจริง ๆ แล้ว
ทำไมอเมริกาไม่นำเรือไปรอช่วยผู้อพยพที่น่านน้ำแถบพม่าหรือบังคลาเทศเสียเลย
แล้วก็ให้เรือขนหรือช่วยผู้อพยพไปที่อื่นได้เลย
จะเอาเครื่องบินมาใช้ที่สนามบินของไทยทำไม (ในเมื่อผู้อพยพนั้นลอยมาทางเรือ)
ซึ่งถ้ารูปเรื่องมันมาแนวนี้แล้ว เราก็ย่อมพอจะเห็นได้นะครับว่า
การที่มีปัญหาชาวโรฮีนจาอพยพเหล่านี้เกิดขึ้น
ใครจะได้ประโยชน์ และใครที่น่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้
ทีนี้ ในเมื่อฝ่ายไทยไม่ยอมฝ่ายอเมริกาในหลาย ๆ เรื่อง
ก็เป็นธรรมดาที่เราจะต้องโดนอเมริกาเล่นงานและบีบบังคับในหลาย ๆ ทาง
อย่างเมื่อไม่นานมานี้ อเมริกาก็ประกาศให้ไทยอยู่ใน Tier 3
ในกลุ่มประเทศที่มีปัญหาการค้ามนุษย์
ทั้ง ๆ ที่ในขณะเดียวกัน อเมริกาปรับมาเลเซีย และคิวบาไปอยู่ใน Tier 2
(ซึ่งแม้องค์กรสิทธิมนุษยชนสากลก็รับไม่ได้ที่มาเลเซียหลุดไปอยู่ที่ Tier 3)
โดยอเมริกาให้มาเลเซีย และคิวบาไปอยู่ใน Tier 2 ได้
เพราะว่ามาเลเซียได้บรรลุผลเจรจาข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนรวมชาติแปซิฟิก
หรือทีพีพี (Trans-Pacific Partnership) กับอเมริกาแล้ว
ในขณะที่กรณีประเทศคิวบาที่อยู่ใน Tier 3 มาตลอด ๑๒ ปี
แต่ก็หลุดจาก Tier 3 ทันทีที่อเมริกาประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบา
http://www.bangkokbiznews.com/mobile/view/news/658551
ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ใน Tier 3 ก็เช่น รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ ลิเบีย และซีเรีย เป็นต้น
ซึ่งก็คือประเทศที่มีความขัดแย้งและไม่ยอมตกเป็นอาณานิคมให้อเมริกานั่นแหละครับ
สรุปแล้วเรื่องเหล่านี้ ผมเห็นว่าไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชนจริง ๆ หรอก
แต่ทั้งหมดคือเกมการเมืองและผลประโยชน์ระหว่างประเทศทั้งนั้นแหละ
หากไทยยอมเป็นอาณานิคมให้อเมริกา โดยยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในไทย
หรือยอมเข้าทำข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนรวมชาติแปซิฟิก
หรือทีพีพี (Trans-Pacific Partnership) กับอเมริกาแล้ว ไทยก็หลุด Tier 3 ได้ไม่ยากหรอกครับ
แต่ในเมื่อเราไม่ยอมเป็นอาณานิคม และไม่ยอมเป็นทาสเขา เราก็ต้องถูกกดดันเช่นนี้ไปเรื่อย
เรื่องการพยายามกดดันไทยนี้ก็จะมีในหลาย ๆ ทาง และหลายรูปแบบนะครับ
อย่างเช่น ในฝั่งสหภาพยุโรปก็จะพยายามกดดันไทยในเรื่องของประมง
โดยอ้างว่าไทยทำประมงผิดกฎหมาย และพยายามจะกีดกันสินค้าของไทย
เพื่อให้ไทยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
http://www.bangkokpost.com/news/general/626108/eu-warns-thailand-still-not-doing-enough-to-end-illegal-fishing
รวมถึงเรื่องการพยายามทำลายเศรษฐกิจไทยในทางอื่น ๆ เช่น ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินบาทได้อ่อนตัวลงไปถึง ๓๔.๙๑ บาทต่อดอลลาร์
ซึ่งเป็นการอ่อนตัวมากที่สุดในรอบ ๖ ปี
และบางสำนักวิจัยได้คาดการณ์ว่าอาจจะไหลไปถึง ๓๕ บาทต่อดอลลาร์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1437887378
ในเรื่องของการเปิดตลาดการเงินเสรีในลักษณะนี้
หากไทยเราอยู่ในตลาดการเงินเสรีก็มีแต่เสียเปรียบประเทศมหาอำนาจ
เพราะอเมริกาสามารถพิมพ์เงินดอลลาร์ได้ไม่จำกัด โดยไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง
เราลองพิจารณาตัวอย่างกันง่าย ๆ นะครับ
อเมริกาสามารถพิมพ์เงินดอลลาร์เข้ามาลงทุนในไทยได้เท่าที่อเมริกาต้องการ
เมื่อเงินตราต่างประเทศไหลเข้าไทยเยอะ เงินบาทก็แข็งค่า
หากอเมริกานำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นก็ขึ้น
พอเงินบาทแข็งค่าขึ้น และตลาดหุ้นขึ้น อเมริกาสามารถดึงเงินลงทุนออกจากไทย
นอกจากเขาจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว (จะเป็นดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรก็ดี
หรือจะเป็นเงินปันผล หรือส่วนเกินทุนในตลาดหุ้นก็ดี) เขายังได้กำไรค่าเงินอีก
โดยตอนแรก ดอลลาร์ที่นำเข้ามานั้นแลกเงินบาทได้มาก เพราะเงินบาทอ่อน
แต่ขานำเงินกลับ เงินบาทแข็ง เขาก็นำเงินบาทแลกเงินดอลลาร์กลับได้มากขึ้น
ประเทศไทยเรากว่าจะได้เงินตราต่างประเทศมานั้นยากแสนยาก
ต้องลงทุนทำเกษตรกรรมเหนื่อยยากลำบาก หรือต้องให้บริการแสนเหนื่อยยาก
แต่ก็ต้องมาเสียเงินตราต่างประเทศให้แก่อเมริกาอย่างง่าย ๆ
โดยที่เขาพิมพ์เงินเข้ามาลงทุน แล้วก็ปั่นตลาดหุ้น หรือค่าเงินไทยเราได้ง่าย ๆ
และจะทำเช่นนี้กี่รอบก็ได้ ซึ่งกรณีเช่นนี้ ไม่ใช่ตลาดเงินเสรีที่ยุติธรรมแล้ว
แต่เป็นกรณีนี้ที่ประเทศมหาอำนาจปั่นตลาดหุ้น และปั่นค่าเงินของประเทศเล็ก
ซึ่งหากเราเดินตามเกมนี้ไปเรื่อย ก็มีแต่เสียเปรียบให้เขาไปเรื่อย
ทีนี้ ลองพิจารณาหากเราต่อต้านหรือไม่ยอมเป็นอาณานิคมให้เขาแล้ว เราก็โดนกดดัน
เช่นนี้แล้ว เราจะยอมเดินตามและเป็นอาณานิคมให้เขาดีหรือเปล่า
เราลองดูตัวอย่างของประเทศกรีซที่อยู่ในกลุ่ม NATO นะครับ
ซึ่งประเทศกรีซได้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจทำให้ประชาชนเดือดร้อนมาหลายปีแล้ว
หากจะย้อนรอยไปว่ากรีซเกิดวิกฤติเช่นนี้ก็คงจะมีหลายสาเหตุ
ซึ่งบางข้อมูลก็กล่าวว่าเพราะปัญหาคอรัปชั่นและโครงการประชานิยม
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/634959
แต่มีประเด็นสำคัญที่ต้องการจะชี้ให้เห็นก็คือ
ที่ผ่านมานั้น กรีซได้เคยใช้เงินจำนวนมาก เพื่อซื้ออาวุธมูลค่าสูงมาก
จากอเมริกา เยอรมนี และฝรั่งเศส ซึ่งการซื้ออาวุธดังกล่าวไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อกรีซ
แต่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่ม NTAO เอง และประเทศที่ขายอาวุธเหล่านั้น
แต่ประชาชนกรีซกลับจะต้องมารับเคราะห์เดือดร้อนและรับปัญหาเรื่องหนี้สินที่เกิดขึ้น
http://www.thairath.co.th/content/509929
จริง ๆ แล้ว ปัญหาของประเทศกรีซจะไม่ลุกลามบานปลายขนาดนี้
และกรีซจะสามารถแก้ไขปัญหาตนเองได้ง่ายกว่านี้
หากกรีซไม่นำตนเองไปเข้าร่วมใช้เงินยูโร
เพราะการที่กรีซไปเข้าร่วมใช้เงินยูโรนี้
ทำให้ตนเองสูญเสียอธิปไตยทางการเงินให้แก่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)
เราลองพิจารณาถึงกรณีปกติของประเทศอื่นที่ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ
ประเทศเหล่านั้นย่อมสามารถใช้มาตรการดอกเบี้ยช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
และค่าเงินที่อ่อนตัวลงของประเทศนั้น ย่อมทำให้ประเทศนั้นสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น
แต่ในกรณีของกรีซที่ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจแล้ว
กรีซก็ไม่สามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยได้ เพราะต้องอิงกับธนาคารกลางยุโรป
ในส่วนของค่าเงินก็ต้องใช้เงินสกุลยูโร ซึ่งเป็นสกุลแข็งค่า
จึงไม่ได้ช่วยให้ทำให้กรีซแข่งขันได้ดีขึ้น
กรีซก็เหลือเพียงทางเลือกที่จะต้องขายรัฐวิสาหกิจดี ๆ หรือทรัพย์สินดี ๆ
เพื่อนำเงินมาจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ และก็ยังไม่เห็นอนาคตว่าจะชำระหนี้หมดได้อย่างไร
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000082435
ในเรื่องที่กรีซเข้าร่วมใช้เงินยูโรแล้วประสบปัญหาเช่นนี้
ประธานธนาคารกลางโปแลนด์ได้ออกมาประกาศว่า
โปแลนด์ไม่ปรารถนาจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มยูโรโซนและใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน
โดยโปแลนด์จะไม่เข้าร่วมกับกลุ่มยูโรโซน ไม่ว่าจะในเวลานี้ หรือในอนาคตข้างหน้า
เนื่องจากไม่ต้องการเผชิญกับความเสี่ยงใด ๆ ที่จะนำมาซึ่งวิกฤตทางเศรษฐกิจและการเงิน
กลุ่มยูโรโซนเวลานี้มีสภาพที่ไม่ต่างจากองค์กรความร่วมมือ ที่เสี่ยงจะถูกเผาจนมอดไหม้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับชาติสมาชิกยูโรโซนอย่างกรีซนั้น ทำให้โปแลนด์เข็ดขยาด
และไม่ปรารถนาจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตที่ยังคุกรุ่นนี้
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000084592
โดยสรุปแล้ว หากเรายอมเป็นอาณานิคมแก่ตะวันตก และเดินตามตะวันตกไปเรื่อย
ก็อย่าคิดว่าไทยเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อนะครับ
เพราะว่าแม้แต่ประเทศในยุโรปด้วยกันเอง เขาก็ยังเชือดและกอบโกยกันหน้าตาเฉย
สรุปแล้วไทยเราก็ต้องเหนื่อยและลำบากในสถานการณ์เช่นนี้
เปรียบเสมือนว่าช้างสารชนกันแล้ว หญ้าแพรกก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย
จะให้สบายและลอยตัวได้ง่าย ๆ นั้น คงไม่มีหรอกครับ
หากไทยไปต่อต้านหรือขัดขืนเขา ไทยเราก็จะโดนกดดันและโดนโจมตีทางเศรษฐกิจ
แต่หากไทยไปยอมเป็นทาสเขา เขาก็จะมาตั้งฐานทัพในไทย
และก็จะมาเอารัดเอาเปรียบทางเศรษฐกิจเราในทางอื่น ๆ อยู่ดี
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าเราต่อต้านและขัดขืนเขาย่อมจะปลอดภัยว่า
เพราะแม้ว่าจะโดนโจมตีหรือโดนถล่มเศรษฐกิจอย่างไรก็ตาม
แต่ประเทศไทยเราก็ยังอยู่ได้ เพราะประเทศเราเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ
ในอีกทางหนึ่ง หากเรายอมเป็นทาสเขา และให้เขามาตั้งฐานทัพในไทยแล้ว
ไทยเราจะเป็นเป้าหมายของจรวดนิวเคลียร์ของฝ่ายตรงข้าม
ซึ่งระดับความอันตรายและความเสี่ยงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในเรื่องสงครามนี้ก็ไม่ใช่ว่าไทยเราจะไม่เห็น และไม่เตรียมพร้อมนะครับ
สังเกตได้ว่า ไทยเราก็อยู่ระหว่างออกกฎหมายในการฝึกกำลังพลสำรอง
โดยเหตุผลก็เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย
และบูรณภาพแห่งเขตอำนาจรัฐ โดยต้องจัดให้มีกำลังทหารยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย
จำเป็นเพียงพอเพื่อรักษาเอกราชอธิปไตยและความมั่นคงของรัฐ
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000076892
ดังนั้นแล้วก็ไม่ใช่ว่าไทยจะไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย
ในท้ายนี้ ขอเรียนว่าในสถานการณ์ปกติที่มีสันติภาพแล้ว เราก็ยังไม่ควรประมาทในชีวิต
แต่ในสถานการณ์ที่เห็นเส้นทางไปสู่สงคราม เรายิ่งไม่ควรประมาทในชีวิตครับ
โดยหากภาวนาได้ก็ควรรีบหมั่นภาวนา
แต่หากภาวนาไม่ได้แล้ว ก็มุ่งรักษาศีล ๕ ให้แข็งแรงก็ยังดีครับ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
หมายเหตุ ในเรื่องการอัพเดทการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม
อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์นั้น ขอไปอัพเดทต่อในตอนหน้านะครับ
เพราะเนื้อหาบทความยาวมากแล้ว