"ในร่มกาสายะ"
ในร่มกาสายะ
ตอนที่ ๕ บิณฑบาต สร้างวัด ภาวนา เป็นพระใครว่าสบาย
เล่าชีวิตพระมาก็หลายตอน ยังไม่ได้เล่าเลยครับ ว่าอาชีพพระเขาทำอะไรกันบ้าง
อย่างที่หลายๆคนทราบครับว่า
พระพุทธเจ้าท่านไม่อนุญาตให้พระรับทองและเงิน
สิ่งที่ท่านอนุญาตให้สาวกของท่านใช้เป็นเครื่องมือในการเลี้ยงชีพ คือ “บาตร”นี่แหละครับ
ที่วัดประชาสันตินั้น ถ้าพระไม่อาพาธ อย่างไรเสียก็ต้องออกบิณฑบาตครับ
พระต้องตื่นแต่เช้ามาภาวนา
จากนั้นก็ออกมาช่วยกันจัดโรงฉัน และเตรียมตัวบิณฑบาต
การตื่นแต่เช้ามาจัดโรงฉันและเตรียมตัวบิณฑบาตนี้ ทำให้คนเป็นพระต้องตื่นตัวอยู่เสมอ
เป็นที่รู้กันในหมู่พระ...วันไหนไม่บิณฑบาต แปลว่าอาพาธ
ถ้าสบายดี แต่ไม่บิณฑบาต แสดงว่าวันนั้นไม่(มี)ฉัน
•..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *
พูดถึงเรื่องบิณฑบาต ก็อดเล่าให้ฟังเรื่องบาตรไม่ได้
บาตรของพระนี่ท่านอนุญาตไว้ชัดเจนนะครับ ว่าให้ใช้บาตรที่ทำจากวัสดุอะไรได้บ้าง
พระศาสดาทรงห้ามไม่ให้ภิกษุสามเณรใช้บาตรที่ทำจากโลหะมีค่า
เนื่องจากอาจทำให้พระได้รับอันตรายจากโจรผู้ร้ายที่มาแย่งชิงบาตร
เพราะในสมัยพุทธกาลนั้น นอกจากพระจะออกบิณฑบาตเพื่อนำอาหารมาขบฉันแล้ว
ก็ยังต้องออกธุดงค์ไปตามเมืองต่างๆ เพื่อเผยแผ่ธรรมะอีกด้วย
การใช้บาตรที่ทำจากวัสดุที่มีค่ามากๆอย่างเงินหรือทองคำ
อาจทำให้พระเกิดความโลภได้ง่าย ทั้งยังไม่เหมาะแก่ฐานะด้วย
จึงทรงอนุญาตให้ใช้เพียงบาตรเหล็กหรือบาตรดิน
•..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *
นอกจากเรื่องวัสดุที่ทรงห้ามใช้ของมีค่ามาทำบาตรแล้ว
พระพุทธองค์ยังให้ความสำคัญกับขนาดของบาตรด้วยครับ
คือทรงไม่อนุญาตให้พระภิกษุใช้บาตรที่มีขนาดเกิน ๑๑ นิ้ว
เนื่องจากในสมัยพุทธกาลมีภิกษุรูปหนึ่งใช้บาตรลูกใหญ่ในการบิณฑบาต
หากบิณฑบาตได้อาหารดีๆ ก็จะนำไปซ่อนไว้ใต้บาตร เพื่อที่จะได้ฉันคนเดียว
ในขณะที่พระบางรูปไม่มีอาหารจะฉัน
พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติห้ามไม่ให้ใช้บาตรที่มีขนาดใหญ่เกินไป
ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันความโลภที่อาจเกิดจากการสะสมอาหารนั่นเอง
•..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *
นอกจากนี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติพระธรรมวินัย
เกี่ยวกับการใช้บาตรไว้อีกหลายประการ
เช่น ในการบิณฑบาตให้พระภิกษุรับบาตรได้ไม่เกิน ๓ บาตร
เวลาบิณฑบาต ห้ามสะพายบาตรไว้ด้านหลัง เพื่อป้องกันบาตรกระทบแตกหักเสียหาย
ห้ามเปิดประตูขณะที่มือถือบาตรอยู่
เพราะอาจทำให้บาตรหล่นและแตกหักได้
ขณะที่ถือบาตรอยู่ห้ามห่มจีวร
ต้องวางบาตรให้เรียบร้อยก่อนจึงจะทำการขยับหรือนุ่งห่มจีวร
ห้ามวางบาตรชิดขอบโต๊ะ
ต้องวางให้ห่างจากขอบโต๊ะอย่างน้อย ๑ ศอก เพื่อป้องกันบาตรตกแตกเสียหาย เป็นต้น
ดูเผินๆ เหมือนข้อบังคับจุกจิกไร้เหตุผลนะครับ
แต่ถ้าพิจารณาดีๆจะเห็นว่า เครื่องบริขารทั้งหลายที่ใช้ขณะเป็นพระ เราถือกันว่าเป็นของสงฆ์
ไม่ใช่ของพระรูปใดรูปหนึ่ง
เราเพียงแค่ยืมใช้ชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อบริขารเป็นของส่วนรวมเช่นนี้ จึงต้องช่วยกันรักษา
แต่จริงๆแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เขียนว่า ท่านกำลังสอนให้เรามีสติ ในทุกอิริยาบถเลยนั่นแหละครับ
ขณะบิณฑบาตก็ต้องลุยทีเดียว เดินอย่างมีสติ และควรรอหมู่คณะ
พระเก่าจะช่วยดูแลพระใหม่ทุกย่างก้าวก็เรื่องออกบิณฑบาตนี่แหละครับ
เพราะท่านรู้ว่าพระใหม่ห่มจีวรไม่ชำนาญ และมักจะหลุดก็ตอนเดินบิณฑบาตนี่แหละครับ ^^”
(ผู้เขียนก็หลุดครับ พระรุ่นพี่ท่านต้องเหลือบมาดูเป็นระยะๆ ระวังทั้งจีวรหลวม สายบาตรหลุด
แต่ตรงนี้เป็นความน่ารักของหมู่สงฆ์ครับ เมื่อเป็นลูกของพระศาสดาด้วยกัน
ก็ดูแลกันอย่างดี เหมือนพี่ดูแลน้อง)
* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *
เมื่อบิณฑบาตมาเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเอาอาหารมาเทรวมกันครับ
เวลาฉัน พระท่านจะให้พระที่มีพรรษาสูงกว่าเป็นผู้รับอาหารก่อน
ซึ่งตรงนี้ ครูบาอาจารย์ท่านก็สอนให้พระพรรษาสูงเอื้อเฟื้อพระที่พรรษาน้อยกว่า
โดยเฉพาะท่านอาจารย์นั้น ท่านมีปกติทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
พวกเราก็ต้องใช้วิธีการสังเกตและทำตามเยี่ยงเอา
ถ้ามีจุดที่สงสัยก็ค่อยไต่ถามท่าน
ฉันอาหารเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์มักจะให้พระในวัดออกไปภาวนาตามจุดต่างๆในวัดครับ
บางท่านก็เดินจงกรม บางท่านก็นั่งภาวนา
บ้างก็ภาวนาโดยการทำความสะอาดวัด
ครูบาอาจารย์ท่านเปิดโอกาสให้ภาวนาได้ตามจริตนิสัย
เพียงแต่จะมีช่วงทำวัตรเช้า และทำวัตรเย็นเท่านั้นที่พระทุกรูปจะมาประชุมพร้อมกัน
เพื่อสวดมนต์และนั่งภาวนา
ดูๆไปข้อวัตรเช่นนี้ ก็เพื่อให้หมู่คณะมีความพร้อมเพรียงกันนั่นเองครับ
* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *
ตกเย็น พระท่านจะทำความสะอาดวัดด้วยการกวาดลานวัดครับ
เริ่มแรกก็การกวาดลานวัดบริเวณกุฏิที่ตนพักอยู่ก่อน
แล้วช่วยกันโกยใบไม้และขยะอื่นๆไปทิ้งในที่อันควร
นอกจากการกวาดลานวัดแล้ว
พระท่านยังช่วยกันขนหิน มาเกลี่ยเป็นถนนหนทางในวัดด้วย
ทั้งนี้เพราะเวลากวาดและโกยใบไม้ เป็นธรรมดาอยู่เองที่หินก้อนเล็กๆจะถูกโกยไปด้วย
ทำให้หินที่ถนนนั้นไม่เรียบเสมอกันเท่าไรนัก
เมื่อโยมศรัทธาถวายหินมาให้เกลี่ยถนน พระท่านจึงออกแรงช่วยกันคนละไม้คนละมือครับ
เวลาขนหินเกลี่ยถนนนั้น ไม่มีการแยกพรรษาครับ
พระเก่า พระใหม่ช่วยกันอย่างพร้อมเพรียง เป็นภาพที่น่ารักมากทีเดียว
นอกจากนี้ การช่วยกันทำงาน ยังช่วยให้พระท่านรักใคร่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกด้วยนะครับ
อ้อ ใครที่สงสัยว่าพระขุดแผ่นดินไม่ผิดพระวินัยหรือ
ต้องบอกไว้ตรงนี้ครับว่า
พระท่านไม่ได้ขุดดินลงไปในแผ่นดินนะครับ ท่านเพียงแต่เอาดินมามาเกลี่ยทำถนน
ดินที่เอามาเป็นแค่กองหิน กองทราย ซึ่งไม่จัดเป็นแผ่นดินครับ
ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ผู้เขียนจะเล่าเกี่ยวกับวีรกรรมของผู้เขียนและจริยวัตรของท่านอาจารย์
อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ
•..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *