Print

ยารักษาใจ - ฉบับที่ ๒๐๗

กลับหลังหัน

wilasinee2
โดย วิลาศินี
 

 


ความเดิมตอนที่แล้ว

ผ่านไปร่วม 10 เดือนของการลงเรื่องสั้น ‘คนเทวดา’
ในนิตยสารธรรมะใกล้ตัวฉบับที่ ๑๘๗ หลายคนอาจจะลืมไปแล้ว
บางคนอาจจะยังพอจำได้ เรื่องราวของ “ภูภูมิ” วิศวกรหนุ่ม
ที่ถูกมอบหมายให้ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ที่เชียงใหม่
แล้วได้พบกับ “นภัสสร” ซึ่งเปรียบเสมือนนางฟ้ามาช่วยในคราวคับขัน
ทำให้เขาอยากพัฒนาตัวเองให้เหมาะกับหญิงสาวขึ้นมา

เรื่องเต็ม ๆ อ่านได้ใน link นี้นะคะ
http://www.dharmamag.com/mag/index.php/heal-issues/969-2013-12-04-09-23-27

ส่วนในวันนี้ ภูภูมิหลบไป ถึงคราว “ปฏิภาณ” เพื่อนรักที่รับสาย
แต่แล้วก็ปล่อยให้ภูภูมิเผชิญชะตากรรมอย่างโดดเดี่ยวบ้าง
(พฤติกรรมจากความเดิมเป็นเสียอย่างนี้ แล้วนี่จะเป็นพระเอกกับเขาไหวไหม)

สมทบด้วยนางเอก “ดรีม” หรือ “พาฝัน”
ซึ่งเป็นชื่อที่คุณยายตั้งชื่อให้ตามการ์ตูนยอดฮิต
(ตั้งแต่สมัยคุณยายเลยนะ!) และเจ้าตัวก็ยังเป็นคนช่างฝันสมชื่อ
เธอชอบเรื่องรักโรแมนติกหวาน ๆ มาแต่ไหนแต่ไร
ว่าแต่ชีวิตจริงจะมีเจ้าชายไหม แล้วถ้าเจอเจ้าชายจริง ๆ ควรจะทำอย่างไร

ถ้าเรื่องราวจบลงง่าย ๆ เหมือนนิทานก่อนนอนก็ดีสินะ แต่ว่า ๆ
ถ้ามันตรงกันข้ามล่ะ จะกลับหลังหัน หรือไปกันต่อดี ?

มาติดตามกันได้ในตอน “กลับหลังหัน” กันได้เลยค่ะ :)
....
....
....
uturn 207

การจราจรเบื้องหน้าเหมือนคนหายใจติดขัด ปฏิภาณรู้สึกราวกับอยู่ในขบวนรถคาร์นิวัลที่มีรถคันหน้าสุดบรรทุกเวทีนางเงือกน้อยซึ่งค่อย ๆ โบกมือโปรยยิ้มให้กับฝูงชนอย่างพริ้มเพรา ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้เคาะพวงมาลัยเบา ๆ พลางจินตนาการให้นางเงือกน้อยกลายเป็นฟองสบู่ แล้วขบวนคาร์นิวัลแตกฮือเปิดทางให้เขาในพริบตา แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น แถมโหดร้ายกว่านั้น คาร์นิวัลในสวนสนุกจัดเพียงบางรอบบางวัน แต่รถติดในเมืองหลวงเป็นอยู่ทุกวันและเกือบทุกเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตื้ด...

เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้น ๑ ครั้ง ปฏิภาณยังไม่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาอ่าน ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ เสียงตื้ด ตื้ด ก็ดังขึ้นอีกซ้ำ ๆ ร่วม ๑๐ ข้อความ

ตื้ด... ตื้ด...


สมาร์ทโฟนเจ้ากรรมที่เปิดหน้าจอค้างไว้แต่เจ้าของไม่ได้อ่าน ข้อความเริ่มจาก

ดรีม : ถึงไหนแล่ว


ตามด้วยสติกเกอร์นานาชนิดส่งมาทักทาย ข้อความล่าสุดกลายเป็นตัดพ้อ

ดรีม : คุยกับใครอยู่ป่ะ

ปฏิภาณถอนใจ ปรับเกียร์ว่างแล้วมองไปรอบตัว ไม่มีตำรวจจราจรและรถคันหน้าทุกคันจอดติดไฟแดงอย่างสงบนิ่งและไม่มีทีท่าว่าจะขยับ จึงค่อยเอื้อมมือไปจับสมาร์ทโฟนและพิมพ์ตอบ

ติ : เปล่านะ ขับรถ เดี๋ยวโดนตำรวจจับ
ดรีม : อ้าว งั้นอย่าตอบดิ
ติ : ก็อย่าชวนคุยดิ ไม่ตอบก็งอนอีก
ดรีม : ไม่ชวนคุยแล้ว แต่มาให้ทันนัดนะ
ติ : ครับ see you

ปฏิภาณเลื่อนหน้าจอปิดเมื่อเห็นรถคันหน้าเริ่มขยับ ขณะที่การจราจรเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เขายังรู้สึกว่าฟองสบู่นางเงือกน้อยเพิ่งลอยคลุ้งมาจากสมาร์ทโฟนที่วางลงไป...

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

พาฝันปัดนิ้วเลื่อนปิดหน้าจออุปกรณ์สื่อสารในมือ เป็นเวลาเดียวกันกับคนขับแท็กซี่หันมาถามว่าจะให้เลี้ยวไปทางไหน

“คะ? เอ่อ ขวาค่ะ มะ ไม่สิ ต้องทางซ้ายค่ะ”

ไม่ทันขาดคำว่า ‘ซ้าย’ พาฝันได้ยินเสียง ตึง! พร้อมกับแรงผลักให้กระเด็นไปติดประตูด้านหลังฝั่งซ้ายมือ จากนั้นตามมาด้วยเสียงบีบแตรดังอยู่ลั่นถนน

“เหี้...... เอ๊ย!”

คนขับแท็กซี่สบถเสียงดัง พาฝันเกาะประตูตัวสั่น ค่อย ๆ โผล่ศีรษะเอามือจับหน้าต่างดูเหตุการณ์ ข้างหน้าเป็นรถยี่ห้อหรู 1 คันชะลอตัวอยู่ด้านหน้าโดยมีกันชนด้านหลังบุบเล็กน้อย เมื่อชะโงกดูรถแท็กซี่ กันชนด้านหน้าก็บุบเช่นกัน ต่างคันต่างไม่เป็นอะไรมากนัก แต่คนขับแท็กซี่มีสีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด

“ปะ เป็นอะไรมากไหมคะ”

คนขับแท็กซี่กัดฟันก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนจะระงับความหัวเสียได้บ้างแล้วค่อยหันมาตอบคำ

“ก็เพราะคุณบอกทางซ้ายทีขวาทีนั่นแหละ ผมเบี่ยงขวาออกมาแล้ว พอเปลี่ยนเลนจะมาทางซ้ายก็เลยไปชนตูดเขาเข้า แล้วทีนี้จะทำยังไงกันดี”

“ฉันจะออกไปขอโทษเขาให้ค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง ที่บอกทางคุณน้าผิดไป”

ไม่พูดเปล่า พาฝันกระโดดลงจากรถแล้วปรี่ไปประกบตัวคนขับรถด้านหน้า ทั้งยกมือไหว้และก้มตัวขออภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า หญิงสาวยืนขอโทษขอโพยอยู่กลางสี่แยกเปลวแดดร้อนแรงพอ ๆ กับเสียงบีบแตรดังสนั่น ส่วนคนขับแท็กซี่เดินลงจากรถด้วยท่าทางหงุดหงิดรำคาญใจ คนขับรถหรูเป็นชายหนุ่มหน้าตาคมสันท่าทางเงียบขรึมนิ่งฟังอยู่นาน ก่อนจะเดินลงมาจากรถด้วยท่วงท่าสง่างาม หน้าตาของชายหนุ่มคนดังกล่าวคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นในรายการโทรทัศน์ในละครสักเรื่อง พาฝันจ้องมองอย่างตะลึงพรึงเพริด แต่ชายผู้นั้นกลับไม่พูดไม่จาลงจากรถไปเปิดประตูให้ผู้โดยสารด้านหลังลงมาดูเหตุการณ์

และสิ่งที่พาฝันรู้สึกได้นับจากผู้โดยสารตรงเบาะหลังก้าวเท้าลงมาจากรถคันงาม ยิ่งทำให้ความตะลึงเพิ่มขึ้นอีกเป็นสิบยกกำลังพัน ด้วยลำแสงที่มองไม่เห็นทอประกายเจิดจ้าอยู่รอบตัวบุรุษที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ชุดสูทหรูหราภูมิฐานกับหุ่นมาตรฐานชายไทย คือไม่สูงใหญ่เกินไปนักแต่ตัวโตพอจะบังเงาแดดให้ผู้หญิงได้ ทรงผมเรียบแปล้ ใบหน้าคมสันแต่ทอประกายโอบเอื้อการุณย์อยู่ในที เขาเดินตรงมาที่เธอพร้อมกับเอ่ยคำว่า...

“คุณครับ ผ้าเช็ดหน้า”

ชายหนุ่มคนนั้นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้พาฝันด้วยกิริยาอ่อนโยนจนพาฝันงุนงง

“คะ?”

พูดพลางหยดน้ำข้น ๆ ก็หยดแหมะเข้าปาก พาฝันรีบเอามือประกบแล้วพบว่ามันคือเลือดกำเดาที่จู่ ๆ ก็ไหลออกมาโดยไม่มีปีไม่มีขลุ่ย หญิงสาวรีบรับผ้าเช็ดหน้าจากชายผู้เปล่งปลั่งไปด้วยออร่าแล้วก้มหน้าก้มตาเช็ดเลือดกำเดาของตน ขณะที่ชายผู้นั้นเดินตรงไปเจรจากับคนขับแท็กซี่ด้วยประโยคสั้น ๆ

“ไม่เป็นไรครับ รถผมมีประกันแบบไม่ต้องตามหาคู่กรณี อย่าให้การจราจรติดขัดเพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เลยครับ และผมขอชำระค่าโดยสารให้คุณผู้หญิงคนนี้รวมกับค่าซ่อมรถของคุณเลยนะครับ”

ทันใดนั้นเอง คุณน้าหน้าบูดกลายเป็นหน้าตื่น ตาโตขึ้นมาทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในซอง เขารีบผละไปเปิดประตูรถแท็กซี่แล้วรีบหอบกระเป๋าถือและเอกสารที่พาฝันวางทิ้งไว้ที่เบาะมาคืนให้หญิงสาวก่อนที่พาฝันจะทันนึกได้เสียอีก

“ขะ ขอบคุณค่ะ”

พาฝันรับมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ชายผู้มีแสงสว่างที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัวเสียอีกที่เข้ามาช่วยรับและพยุงตัวเธอไปที่รถของเขา พาฝันเดินตามชายผู้นั้นอย่างว่าง่าย จนกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกไป คนขับรถใบหน้าหล่อเหลาค่อยหันมาถาม

“คุณผู้หญิงตั้งใจจะไปที่ไหนครับ”

พาฝันเลือดกระฉูดออกมาอีกครั้งหนึ่ง การถูกผู้ชายหล่อ ๆ สองคนมารุมจ้องหน้าในรถคันงามแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เธอคุ้นเคยนัก

“ละ เลี้ยวเข้าซอย ๓๑ ค่ะ มีร้านกาแฟน่ารัก ๆ อยู่ร้านนึงชื่อร้าน...”

“ร้านยูเทิร์นใช่ไหมครับ ผมพอรู้จักล่ะ”

“ใช่ค่ะ ๆ โอ... ไม่สิ พวกคุณไม่จำเป็นต้องมาส่งฉันนี่คะ ก็ฉันทำให้แท็กซี่มาเสยรถคุณ”

พาฝันนึกขึ้นได้จึงรีบปฏิเสธไมตรีทั้งที่บอกทางไปเสร็จสรรพเรียบร้อยและนั่งรถมากับคนแปลกหน้าโดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลยสักนิด หญิงสาวเชิดจมูกส่องกระจกหน้าเพื่อเช็ดคราบกำเดาที่ติดอยู่เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยอย่างทระนง

“ดิฉันขอลงข้างหน้านี้เลยดีกว่านะคะ”

คนขับรถรูปหล่อชะลอความเร็วลงและหันไปมองหน้าชายผู้มีแสงสว่างที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัว ชายผู้นั้นพยักหน้าน้อย ๆ แล้วรถคันงามก็ค่อย ๆ เลียบเลาะไปจอดในบริเวณที่อนุญาตให้จอดรถได้

เมื่อพาฝันลงจากรถ ป้ายบ่งชี้ข้างหน้า ก็คือร้านกาแฟที่เธอตั้งใจจะมานั่นเอง

พาฝันหลุดกรี๊ดเบา ๆ และหันกลับไปที่รถคันงามที่มาส่งอย่างงุนงง ประตูหน้าต่างเลื่อนลงและชายผู้มีแสงสว่างที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัวมิวายเดินลงมาส่ง เขายื่นนามบัตรให้ด้วยท่วงทีของอัศวินที่ยื่นดอกไม้ให้กับเจ้าหญิง

“ผม ทวนธง เสนาพิทักษ์ธราดร ครับ”

“คะ ค่ะ คุณ... ธงธง”

พาฝันยิ้มดีใจ ในที่สุด เธอก็มีชื่อสำหรับเรียกเขาสั้น ๆ แล้ว

“ไม่ใช่ครับ ทวนธง”

“ธงธงจำง่ายกว่าอีกนะคะ”

พาฝันพยายามต่อรอง

“ครับ แล้วแต่คุณครับ”

“แหะ ๆ ล้อเล่นค่ะ คุณทวนธง ฉันชื่อพาฝันค่ะ เรียกสั้นลงอีกหน่อยก็เรียก...”

“ดรีม ! โหย มาช้าจัง ไหนบอกว่าใกล้ถึงแล้ว ปล่อยให้เรารออยู่ตั้งนาน”

ปฏิภาณเดินออกมาจากในร้านและปรี่เข้ามาทัก พาฝันทำหน้าเหวอเป็นกระต่ายถูกเคาะกรง

“เอ่อ คือ เราเจออุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ นี่คุณธงธง เอ้ย คุณทวนธง มาช่วยเราไว้ คุณทวนธงคะ นี่ปฏิภาณ เป็นเอ่อ...”

“อ้าว คุณทวนธง สวัสดีครับ ผมปฏิภาณ เป็นวิศวกรฝ่ายซ่อมบำรุง คุณทวนธงเป็นกรรมการผู้จัดการควบสองบริษัทนี่ครับ”

“ครับ คุณปฏิภาณคงจะอยู่ในส่วนของคิวไลน์สินะครับ หากอยู่ในส่วนของพีไลน์ผมจะรู้จักทุกคนเพราะดูแลที่นั่นเป็นหลัก คงต้องไปเยี่ยมฝั่งคิวไลน์ให้บ่อยขึ้น”

“ส่วนเค้า อยู่พีไลน์”

พาฝันแทรกตัวเข้าไปมีส่วนร่วมบ้าง

“เอ๋?”

สองหนุ่มกล่าวพร้อมกัน

“เอ่อ ก็เพิ่งสอบผ่านสัมภาษณ์ไปช่วยฝ่ายบุคคลในฝั่งพีไลน์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เริ่มงานพรุ่งนี้ไงคะ เราก็เลยยังไม่รู้จักกัน แหะ ๆ ”

“อ้อ...”

สองหนุ่มอุทานพร้อมกันอีกเช่นกัน

“ขอตัวไปนั่งในร้านก่อนนะคะ ถ้าคุณสองคนจะคุยกันต่อก็เชิญค่ะ แหะ ๆ “

“เอ๊ออ...”

พาฝันเดินตัวปลิวเข้าร้าน ทิ้งให้สองหนุ่มยืนอึ้งอยู่เคียงข้างกัน

“ผมว่า เธอดูรั่ว ๆ แต่ก็น่ารักดีนะครับ”

ทวนธงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“ครับ แต่เผอิญ วันนี้เธอมีนัดกับผม”

“งั้นไม่เป็นไรครับ ยังไง วันพรุ่งนี้ผมเข้าไปในไลน์ ก็ต้องได้เจอกับเธออยู่ดี”

“อ่า ครับ”

ปฏิภาณได้ฟังประโยคตอบรับแล้วกัดฟัน นึกโกรธตัวเองว่าทำไมไม่บอกไปตรง ๆ ว่าพาฝันคบกับเขาอยู่เสียตั้งแต่แรก แต่จะให้ทำอย่างไรได้ พาฝันเพิ่งนั่งแท็กซี่คันที่ไปชนรถเขามา แล้วในวันข้างหน้า เธอต้องเป็นพนักงานภายใต้การดูแลของผู้ชายที่ดูดีพร้อมทุกอย่างตรงหน้า

ปฏิภาณโค้งคำนับเมื่อรถคันงามกันชนหลังบุบเล็กน้อยเคลื่อนตัวผ่านไป เมื่อเดินเข้าร้าน ก็พบว่าพาฝันสั่งกาแฟถ้วยโปรดไว้ให้ตนแล้ว ส่วนของตัวเธอเองมีชาถ้วยเล็ก ๆ และขนมเค้กชิ้นงามอยู่ตรงหน้า หญิงสาวยิ้มเผล่เหมือนไม่ได้มีอะไรใด ๆ เกิดขึ้น

รอยยิ้มของพาฝันและกระดิ่งกรุ๋งกริ๋งจากประตูหน้าร้าน เป็นเสมือนคลื่นโซนิคที่ทำลายฟองสบู่นางเงือกน้อยที่ลอยอบอวลอยู่รอบตัวปฏิภาณให้ร่วงเปาะแปะลงไปพร้อมกัน...

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

เมื่อรถคันงามเคลื่อนตัวออกจากร้านกาแฟ คนขับรถหนุ่มรูปงามหลุดหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับมองทวนธงซึ่งนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ด้านหลัง

“คนขับรถ ห้ามแอบมองเจ้านาย”

“แต่เจ้านายครับ ผมเป็น...”

“ไหนบอกว่าจะไม่อ้างสิทธิ์ความเป็นน้องชาย”

“ก็ได้ครับ เป็นลูกคนเล็กของตระกูลเสนาพิทักษ์ธราดรที่คิดจะมาทำธุรกิจตามพี่ชาย ต้องฝึกงานเป็นคนขับรถให้คล่องก่อนจะเลื่อนไปทำอย่างอื่น ว่าแต่... ผู้หญิงที่นั่งมากับเราเมื่อครู่ หน้าตาคล้าย ๆ พี่ปลายฟ้าเหมือนกันนะครับ ขอโทษที่พูดถึง เอ่อ วันนี้ครบรอบพี่ปลายฟ้าจากไปครบห้าปีพอดี”

“ไม่เป็นไร นายพูดเรื่องนี้ได้เสมอ”

“ครับ ตอนที่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้โผล่เข้ามา ผมล่ะตกใจ นั่งดูเธอขอโทษขอโพยอยู่หน้ารถตั้งนาน พอเหลียวมองข้างหลัง ผมเห็นพี่ เอ่อ เจ้านาย จ้องเธอไม่วางตา”

“ฉันก็คิดเหมือนกันว่าเหมือน แต่ปลายฟ้าไม่รั่วและเปิ่นขนาดนี้”

“ของอย่างนี้มันปรับปรุงกันได้นี่ครับ ได้ข่าวว่าเธอจะมาเป็นพนักงานของบริษัทเราซะด้วย”

น้องชายตัวแสบทั้งรู้งาน ทั้งตาไว หูไว ไปเสียทุกเรื่อง

“แล้วรู้ด้วยไหมว่าเธอมีคนรักแล้ว”

“ใช่เหรอครับ ผู้ชายคนนั้น ไม่เห็นเขาจะแสดงความเป็นเจ้าของอะไรเลย อาจจะแค่ดู ๆ กันอยู่ก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องแรกที่ฉันจะสอนนายก็คือ การเป็น CEO ที่ดี ต้องมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพงาน ศักยภาพคน คนบางคนอาจจะไม่รู้จักตัวเองดีพอ ทำให้ดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้ไม่ดีนัก แต่ถ้าเราทำให้เขารู้จักตัวเองได้ เขาก็จะดึงศักยภาพออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ตัดความสัมพันธ์อย่างอื่นออกไปแล้วตรงไปให้ถูกทาง แล้วนายจะได้คน ได้งานที่มีประสิทธิภาพ”

“ครับ เรื่องนั้นผมเข้าใจ แต่ผมกำลังหมายถึง พี่ก็มีคน มีงาน ที่มีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว พี่ปลายฟ้าก็จากไปนานแล้ว พี่ควรจะ...”

“พี่ควรจะจำได้ว่าพี่มีคนที่รักพี่มาก แต่พี่ไม่ทันได้ให้อะไรเขาเลย การได้มีชีวิตยืนยาวต่อมาของพี่ ควรจะทำให้มีคุณค่า ให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นบ้าง เช่นนาย เช่นพนักงานที่พี่ดูแล”

“ครับ ก็ได้ครับ”

เมื่อเห็นน้องชายพยักหน้าอย่างจำนน ทวนธงจึงนิ่งเงียบปิดบทสนทนา ก่อนจะดึงกระเป๋าเอกสารขึ้นมานั่งพิจารณาและไม่เอ่ยความอันใดต่อ ชายหนุ่มผู้กำลังฝึกหัดเป็นพนักงานขับรถเห็นเจ้านายกำลังใช้สมาธิจึงไม่รบกวนอีกต่อไป เขาตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างดีจนถึงปลายทาง

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

๑ เดือนต่อมา

ปฏิภาณมานั่งรอพาฝันที่ร้านกาแฟหน้าที่ทำงาน นึกถึงวันที่เขารู้จักกับเธอครั้งแรกในร้านเช่าซีดีที่ไปทำงานพิเศษช่วงที่มหาวิทยาลัยปิดภาคฤดูร้อน พาฝันทำผลัดกลางวันส่วนเขาทำผลัดกลางคืน บางวันพาฝันเลิกช้าเพราะมัวแต่ดูหนังแผ่นที่ร้านเปิดต่อจนถึงค่ำมืด และหนังเหล่านั้นก็มักจะเป็นเรื่องราวของเจ้าชาย เจ้าหญิง หรือเรื่องรักโรแมนติกที่เมื่อเขาเข้าผลัดแล้วเปลี่ยนเป็นหนังซอมบี้อัตโนมัติ เธอจะหันขวับและมองเขาอย่างปวดร้าวทันที

“คุณมันใจดำ”

พาฝันกล่าวด้วยประโยคของโสรยาในละครจำเลยรัก

“ผลัดผม ผมเลือกหนังได้”

ปฏิภาณไม่รู้จักนายหัวหฤษฎิ์ แต่ก็ทำกิริยาได้เหมือนยิ่ง

“ฉันจะเป็นแคชเชียร์ให้คุณโดยไม่คิดค่าแรง แต่คุณต้องให้ฉันดูหนังเรื่องเมื่อกี้ต่อ”

“โอเค ได้เลย”

เป็นข้อเสนอที่หาได้ยากยิ่ง ปฏิภาณปล่อยให้พาฝันได้เลือกหนังที่ตัวเองอยากดู ขณะเดียวกันก็เธอก็คอยเป็นแคชเชียร์ให้เขาอย่างไม่มีข้อบกพร่อง ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงช่างฝันแบบ multitask คือฝันไปด้วย ทำงานอย่างจริงจังไปด้วย ปฏิภาณลอบสังเกตลอบมองอย่างเพลินตา ทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนกันจนหนังจบ พาฝันก็กลับรถเมล์ เป็นอย่างนี้หลายวันจนมหาวิทยาลัยใกล้เปิด ปฏิภาณเลิกทำงานพิเศษแล้วแต่ยังทำทีมาเข้าผลัด ปล่อยให้พาฝันดูหนังจนจบแล้วเดินตามไปขึ้นรถเมล์ด้วย

“นี่ นาย กลับบ้านทางนี้เหมือนกันเหรอ แล้วทำไมวันนี้กลับไวได้อะ”

พาฝันเริ่มใช้สรรพนามที่สนิทชิดเชื้อขึ้น หลังจากปฏิภาณตามใจบ่อย ๆ

“วันนี้ไม่ได้เข้างาน ตั้งใจมา”

“อืม เหมือนกันเลย แหะ ๆ ”

“เอ้ย จริงดิ”

พาฝันอายม้วน พยักหน้ายิ้มเขิน

“แสดงว่าเปิดเทอมและเลิกรับงานแล้วเหมือนกันอะดิ”

“อื้อ”

คำตอบสั้น ๆ ต่างคนเสมองไปทางอื่น ปฏิภาณไม่ปล่อยให้ความเงียบเข้าแทรกกลางอยู่นานนัก

“เจอกันอีกได้ป้ะ”

“อื้อ”

ปฏิภาณจำรอยยิ้มในวันนั้นได้ชัดเจน เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นหน้ายิ้มเขิน ๆ อาย ๆ นั้นบ่อย ๆ ความคาดหวังนั้นเพิ่มขึ้นวันละเล็กละน้อย ไม่เพิ่มขึ้นรวดเร็วนัก แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ลดลง เขาตั้งใจจะทำงานเก็บเงินอีกสัก 2-3 ปีเพื่อจะมีฐานะมั่นคงมากพอที่จะกล้าขอเธอหมั้น แล้วค่อยขยับไปแต่งงานในเวลาที่เหมาะสม

พาฝันลงมาจากตึกที่ทำงานแล้ว เธอยิ้มสดใส เขินอาย คล้ายวันที่เขาตามขึ้นรถเมล์ไปด้วย แต่เวลานี้ประกายอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาคือความมั่นใจและท่วงท่าที่ทะมัดทะแมงขึ้น เธอเดินยืดไหล่ตัวตรงเคียงข้างมากับ CEO บริษัทผู้สง่างามชายผู้นั้นเอ่ยปากไม่กี่คำพาฝันก็ยิ้มรับอย่างพึงพอใจ ก่อนแยกกันพาฝันยืนส่งทวนธงขึ้นพาหนะคันงามอยู่หน้าตึกจนลับสายตา

ปฏิภาณดื่มกาแฟที่เหลืออยู่ในแก้วพรวดเดียวหมด จากนั้นเขาเรียกพนักงานเก็บเงินแล้วลุกออกจากร้านกาแฟโดยไม่สนใจข้อความแจ้งเตือนในสมาร์ทโฟนที่เด้งแล้วเด้งอีก

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

พาฝันส่งข้อความหาปฏิภาณหลายประโยค เขาไม่ตอบกลับ อาจจะยุ่งกับงาน หรือคุยกับใคร หรือว่า หรือว่า เขาอาจจะเจออุบัติเหตุ

“ทำไงดี ทำไงดี”

พาฝันหันซ้ายหันขวา บรรยากาศหน้าตึกค่อย ๆ มืดลง วันนี้เป็นวันที่ปฏิภาณรับปากว่าจะมารับพาไปหาของกินอร่อยทานก่อนกลับที่พัก งานใหม่ที่ได้เพื่อนร่วมงานเก่ง ๆ หัวหน้าและรองหัวหน้าใจดี แถมยังมี CEO มาเอาใจใส่ถึงที่ ทีแรกพาฝันแอบกังวลใจเรื่องค่าซ่อมรถคันงาม เธอคิดหาหนทางเจรจากับทวนธงหลายอย่าง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเพียงขอให้เธอตั้งใจทำงาน และทวนธงยังมีเทคนิคหลาย ๆ อย่างที่จุดประกายความคิดให้เธอนำไปพัฒนาตนเอง เหมือนกับเพลง U-turn ที่พี่นาง รองหัวหน้าที่ดูแลพาฝันอย่างดี เปิดให้เธอฟังตอนพักเที่ยง

“พี่ว่าเพลงนี้เหมาะกับเธอดีนะ ลองฟังสิ”


นี่ก็ซ้ายหัน นั่นก็ขวาหัน แล้วตัวฉัน จะไปทางไหนดี
เหนื่อยแล้ว อ่อนเพลีย ขอโปรดเคลียร์ เปิดทางให้ฉันที

ขอโปรดเคลียร์ เปิดทางให้ฉันที
ศักยภาพมันอยู่ที่ใจ ดึงออกมาใช้กันได้ทุกคน
พลังใจเหมือนเป็นเวทย์มนตร์ เสกให้ทุกคนกลับตนสู่ชัย

“โหย เป็นที่ทำงานที่แปลกดีนะคะ ให้ฟังเพลงตอนพักกลางวันได้ด้วย”

“เป็นนโยบายของ CEO ที่อยากให้พนักงานได้ผ่อนคลาย ขณะเดียวกันก็มีแรงกระตุ้นให้เกิดความริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำงานน่ะจ้ะ ไหวไหม”

“ไหวสิคะ”

พาฝันรีบรับคำอย่างเต็มใจ ถ้าเธอตั้งใจทำงาน ถ้าเธอมีตำแหน่งงานที่มั่นคงขึ้น ปฏิภาณก็จะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วง ไม่ต้องคอยเลี้ยงดู เธอจะสามารถดูแลเขาได้อีกแรงด้วย พาฝันตั้งใจจะบอก จะเล่าให้เขาฟังตั้งหลายเรื่อง แต่ทำไมจู่ ๆ ก็หายไป ไม่มารอรับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ

พาฝันพ่นลมออกจากปากและตัดสินใจโทรศัพท์เรียกหา

ตื๊ดดดด ตื๊ดดดดดด

.........................

.........................

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

ที่จริงปฏิภาณไม่ได้หายไปไหน เขาเดินออกจากร้านกาแฟ เดินอ้อมตึกแล้วข้ามสะพานลอยไปถนนอีกฝั่งที่มีร้านขายซีดีหนัง พาฝันชอบเรื่องไหนบ้างนะ เขาต้องทบทวนเสียหน่อย แล้วทำตัวแบบในหนัง เธออาจจะจำได้ เธออาจจะหันมายิ้มให้เขาได้แบบเดิม ปฏิภาณเริ่มคิดวนลูปไปมา ซินเดอเรลล่า, Notting Hill, Twilight, ไม่สิ 50 First dates แม่นาคพระโขนง ไม่ ๆ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ อะไรอย่างนี้ดีไหม

‘นี่แกกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย ถ้าหึงเธอ ก็ควรจะเดินไปบอกเธอ ไม่ใช่มาเดินหาหนังอยู่แบบนี้’

ปฏิภาณภาคโหดกรรโชกถามตัวเอง

‘ไม่ ๆ เราต้องวางแผนให้รอบคอบ เราเจอคู่แข่งที่หนักหนามาก รายนั้นเป็นถึง CEO บริษัท ยังกับเจ้าชายมาเทคแคร์เจ้าหญิง พาฝันต้องหวั่นไหวไปแล้วแน่ ๆ เราต้องศึกษากลเม็ดในการดึงดูดเธอกลับด้วยหนังพวกนี้’

ปฏิภาณภาคหยุมหยิมพยายามให้คำอธิบาย

ตะลึงตึงๆ ตะลึงตึงๆ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในกระเป๋ากางเกง
ใช่สิ จริงด้วย เขามีนัดกับพาฝัน แต่จู่ ๆ เขาก็ผละมา ไม่ใช่ป่านนี้เธอยืนร้องไห้อยู่หน้าตึกทำงานแล้วเหรอ ปฏิภาณรีบยกหูรับ

“ครับ!”

“เฮ้ย ติ กระเป๋าตังผมหาย คุณช่วยมารับผมหน่อย”

ปลายสายกลับเป็นภูภูมิเพื่อนรัก วิศวกรฝ่ายไอทีที่ไปทำหน้าที่วางระบบตามเครือข่ายต่างจังหวัด

“หือ แล้วคุณอยู่ไหนครับ”

เอาน่า สนใจเพื่อนหน่อย

“อยู่เชียงใหม่”

“ชิบหายสิครับ ผมอยู่กรุงเทพฯ คุณอยู่เชียงใหม่ รอสามวันแล้วกันนะครับ ผมต้องลางานก่อน แล้วจะนั่งรถไฟไปรับ”

“โอย ครับ ๆ ผมโทรหาผิดคน ผมควรจะโทรหาคนที่อยู่เชียงใหม่แต่ผมไม่รู้จักใครเลยและแบตผมกำลังจะหมด คุณช่วยหาคนมารับผมหน่อย”

ตื๊ดดดด ตื๊ดดดดดด

สัญญาณเรียกว่ามีสายซ้อน ปฏิภาณพลิกหน้าจอดู พาฝันโทรหาเขาจริง ๆ ด้วย

“ครับ ๆ เดี๋ยวหาคนไปช่วย คุณไปยืนที่ป้ายบอกทางแล้วก็เช็คอินบอกที่รอคนไปรับไว้นะครับ ผมจะตามเพื่อนที่อยู่ในเชียงใหม่ให้ไปช่วย แค่นี้ก่อนนะครับ แฟนผมโทรมา ถ้าผมรับช้า เธอจะหาว่าผมมีกิ๊กครับ”

ปฏิภาณจำเป็นต้องปฏิเสธเพื่อน เวลานี้พาฝันสำคัญกว่า น่าเป็นห่วงกว่า ชายหนุ่มรีบตัดสายและหันไปรับโทรศัพท์จากคนรักอย่างรีบร้อน

“ครับ!”

“นายมันใจร้าย ใจดำ ทำไมต้องปล่อยให้เราเป็นห่วงขนาดนี้”

“ผม... เอ่อ ผม....”

ปฏิภาณแก้ตัวขณะที่มือไม้สั่น เขาพูดพลางเดินหอบหิ้วกล่องซีดีไปพลาง ท้ายสุดตัดสินใจโกยทุกแผ่นในมือไปที่โต๊ะชำระเงิน เขาจ่ายเงินแล้วเดินลิ่ว ๆ ออกจากร้าน วิ่งข้ามสะพานลอยไปหาพาฝันที่หน้าตึก

“ว่าไง แก้ตัวมา แก้ตัวมาเดี๋ยวนี้เลย”

นึกหน้าพาฝันเวลานี้ เธอคงเหมือนกระต่ายโมโหหิวเตรียมขย้ำแครอทเต็มที่

“ผมอยู่ข้างหลังคุณ ผมไปหาซื้อซีดีหนังรักมาหาทางทำให้คุณกลับมารักผม ผมทำไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง คุณหันหลังมาดูสิ”

พาฝันรีบหันหลังทันที ทำหน้าเหมือนกระต่ายสลัดแครอทเตรียมพุ่งไปกินผักบุ้ง มองเห็นชายหนุ่มเดินถือถุงซีดีเก้ ๆ กัง ๆ พาฝันยิ้มกว้างและหัวเราะอย่างเริงร่า หญิงสาวดึงกระเป๋ากระชับมือแล้วเดินตรงไปหาคนรักอย่างมุ่งมั่น เธอมีเพื่อนร่วมงานที่เอาใจใส่ มีผู้บริหารที่วิสัยทัศน์กว้างไกล และยังมีคนรักที่เอาใจไม่เก่งแต่ใส่ใจเธอที่สุดขนาดนี้ อะไรจะดีไปกว่านี้อีก

การจราจรบนท้องถนนดูติดขัด แต่เส้นทางชีวิต ความรัก และการงานของใครหลายคนคงไม่ยุ่งเหยิงจนเกินไปนัก หากรู้จักทางเดินของตัวเองและก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยพลังใจของตัวเอง

แบบนี้ ก็ไม่ต้อง กลับหลังหัน กันหลายรอบแล้วสินะ :)

(The end.)

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *


เรื่องสั้นจบแล้ว แต่อย่าเพิ่งลุกจากที่นั่งกันค่ะ :)

เพลงที่นภัสสรเปิดให้พาฝันฟังในเรื่อง ฟังกันเต็ม ๆ ได้ที่

เท่านั้นยังไม่พอ เรื่อง ‘กลับหลังหัน’ ที่ได้อ่านกันในวันนี้ ยังมีตัวละครใหม่โผล่เข้ามา
นั่นคือ CEO หนุ่มรูปงาม กับคนขับรถสุดเท่ ซึ่งคงจะไม่โผล่มาแค่เป็นตัวประกอบเฉย ๆ
อย่ากระนั้นเลย เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เศร้าซึ้งหรือโลดโผนขนาดไหน
มาติดตามกันต่อในคอลัมน์ยารักษาใจในอีก ๒ สัปดาห์ข้างหน้านะคะ
และขอเชิญร่วมเป็นสมาชิก Fanpage ชมรมสัมมาทิฏฐิ( Right View)
ต้นสังกัดเพลง เรื่องสั้น และรับข้อคิดธรรมะดี ๆ กันต่อ ที่ link นี้ค่ะ :)

 

https://www.facebook.com/pages/Right-View/399444403436900