ตกลงกับตัวเอง
เวลาสับสน
ยามที่เครียด
จังหวะที่ไปต่อไม่ถูก
อย่างน้อยคุณควรมีสติ
รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
ระหว่างทะเลาะกับตัวเอง
คุยกับตัวเอง
หรือตกลงกับตัวเอง
เพราะเมื่อมีสติรู้ตัว
ก็จะเปลี่ยนร้าย
คลี่คลายกลายเป็นดี
จากโลกความจริงภายใน
สู่โลกความจริงภายนอกได้ในที่สุด
[การทะเลาะกับตัวเอง]
คือการมีเสียงในหัวมั่วไปหมด
คุณแยกภาษาบ๊งเบ๊งไม่ออกว่า
เสียงไหนเป็นเสียงของคุณเอง
เสียงไหนเป็นเสียงของใครอื่น
เสียงไหนเป็นเสียงกดดันจากโซเชียล
สังเกตง่ายๆได้ว่า
ในหัวอึงอลไปด้วยเสียงแห่งความว้าวุ่น
กระโดดไปกระโดดมา
หาเส้นตรงเป็นประโยคสมบูรณ์ไม่ได้
เช่น มีแต่คำถามเป็นวลีสั้นๆว่า
ทำยังไงดี?
แล้วมีคำตอบเป็น
เสียงตัวละครร้ายในหนังบ้าง
เสียงคนที่วิพากษ์วิจารณ์คุณเสียๆหายๆบ้าง
เสียงคนที่ห่วงใยคุณจากหัวใจบ้าง
พอจะมีเสียงแห่งความคิดอ่านของตัวเองขึ้น
ก็โดนเสียงอื่นกลบทับไปเสียหมด
ยิ่งทะเลาะกับตัวเองมาก
คุณยิ่งรู้สึกเหมือนจิตใจคลุ้มคลั่งอยู่ข้างใน
ไม่อยากรับรู้เสียงภายนอกเพิ่ม
แต่ก็พะอืดพะอม กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เพราะเสียงภายในก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีเช่นกัน
[การคุยกับตัวเอง]
คือการมีเสียงในหัวที่แยกได้ว่า
อันไหนเป็นเสียงของอารมณ์
อันไหนเป็นเสียงของเหตุผล
เสียงของอารมณ์
เป็นเสียงที่มีความวกวน
หนักบ้างเบาบ้าง
มีความร้อนรนมากบ้างน้อยบ้าง
ซึ่งถ้าได้เสียงนี้เป็นข้างมาก
คุณจะอยากปรึกษาใครสักคน
มากกว่าคุยกับตัวเอง
ส่วนเสียงของเหตุผล
คือเสียงที่พยายามเดินเป็นเส้นตรงเข้าเป้า
มีความสม่ำเสมอ
มีความเยือกเย็นมากบ้างน้อยบ้าง
ซึ่งถ้าได้เสียงนี้เป็นข้างมาก
คุณจะอยากคุยกับตัวเอง
มากกว่าปรึกษาใคร
[การตกลงกับตัวเอง]
คือการมีเสียงโมโนโทน
ไม่ต่ำ ไม่สูง ไม่โดด ไม่วกวน
แต่ราบเรียบ สม่ำเสมอ เป็นเส้นตรง
รู้สึกถึงความใจเย็นคงเส้นคงวา
แม้กระเพื่อมบ้างก็ไม่นาน
ยิ่งในหัวมีเสียงโมโนโทนชัดขึ้นเท่าใด
แนวโน้มคือคุณยิ่งใกล้
จะได้คำตอบมากขึ้นเท่านั้น
ในสายตาคนอื่น
คุณอาจเหมือนคนบ้าพลัง
ชอบเผชิญหน้ากับปัญหา
พอแก้ปัญหาให้ตัวเองจบ
ก็ขวนขวายแก้ปัญหาให้คนอื่นต่อ
[สรุป]
การมีสติรู้ตัวว่าอยู่กับตนเองแบบไหน
อย่างน้อยช่วยให้แยกแยะถูกว่า
ควรฝึกอย่างไรต่อ
เช่น บางคนตกลงกับตัวเองได้แล้ว
แต่หวนย้อนกลับไปทะเลาะกับตัวเองอีก
ก็ควรหาทางทำให้ภาวะตกลงกับตัวเอง
เกิดขึ้นบ่อย เกิดขึ้นถี่
จนกว่าจะเป็นสมาธิ
มีจิตเป็นปกติ
ตกลงกับตัวเองได้ตลอดเข้าสักวัน!
ดังตฤณ
สิงหาคม ๖๔