ตะลอน "กาฬสินธุ์" ถิ่นไดโนเสาร์
โดย ดาวชล
หรือว่าจะเป็นเพราะระยะทางที่แสนใกล้เพียง ๗๐ กิโลเมตร ที่จังหวัดกาฬสินธุ์
ห่างไกลจากจังหวัดขอนแก่นที่ฉันอยู่ จึงทำให้ละเลยที่จะไปเยี่ยมเยือน
แต่ในที่สุด เมื่อโอกาสมาเคาะประตูรถ ว่างจากการงานที่ต้องทำงาน
รองเท้าผ้าใบคู่เก่งที่เพิ่งซักสะอาด บวกกับกล้องคู่ใจที่เพิ่งชาร์ตแบตฯ มาจนเต็ม
เช้าวันหนึ่งในฤดูฝนจึงได้ฤกษ์เดินทางท่ามกลางท้องฟ้าที่แสนจะแจ่มใส
ระหว่างสองข้างทาง เป็นพื้นที่ราบน้ำชุ่ม เนื่องจากมีระบบชลประทานที่ทั่วถึง?
จึงทำให้ได้เห็นการทำงานของชาวบ้านท่ามกลางนากุ้งและทุ่งข้าว?
ยามนี้ต้นกล้าที่ชาวนาปักดำไว้เมื่อคราวแรกฝน เริ่มเติบโตเป็นต้นข้าวในวัยหนุ่มสาว
สีเขียวของต้นข้าวตัดฉับกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส จนทำให้อดใจไม่ไหวที่จะต้องแวะ
ระหว่างทางเพื่อลงไปบันทึกภาพ จากนั้นก็เริ่มเดินทางต่อ ป้ายระยะทางบอกว่า
อีกเพียง ๓๐ กิโลเมตร จะถึงตัวเมือง ขับรถมาได้ไม่นานก็รู้เลยว่า ถึงตัวเมืองแล้ว
เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะมีเจ้าบ้านมายืนคอยรับแขกน่ะสิ ไดโนเสาร์ปูนปั้นตัวโต
กับป้ายยินดีต้อนรับมารอฉันอยู่ที่ริมทาง
ฉันนัดกับรุ่นน้องไว้ที่นี่ เมื่อพลพรรคและเสบียงพร้อม เราก็เริ่มเดินทางกันต่อ
จากตัวเมืองไม่ไกลนัก เพียงแค่ชั่วระยะเวลา ๗ เพลง เราก็มาถึงแล้ว
"พิพิธภัณฑ์สิรินธร" จุดหมายปลายทางของวันนี้
เราจอดรถแล้วรีบเดินเข้าพิพิธภัณฑ์กันอย่างรีบเร่ง
เนื่องจากท้องฟ้าที่แสนจะแจ่มใสกลับกลายเป็นฝนที่เริ่มลงเม็ดเปาะแปะ
ยังก่อน... ก่อนเข้าฉันเห็นเจ้าไดโนเสาร์ตัวโตยืนรอต้อนรับที่หน้าพิพิธภัณฑ์
องค์ประกอบภาพเยี่ยมประกอบบรรยากาศขมุกขมัว
ฉันเลยได้แชะ...ได้ภาพครึ้มๆ ถูกใจเสียจริง
ฉันหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เตรียมตัวจ่ายเงินค่าเข้าชม
แต่ที่นี่ไม่มีการเก็บค่าเข้าชมเป็นเงิน
เก็บค่าเช่าชมเป็นการลงชื่อในสมุดผู้มาเยี่ยมเยียนเท่านั้นเอง
จึงเอาเงินใส่ที่กล่องรับบริจาคที่อยู่ตรงบริเวณทางเข้าแทน
แต่ในใจเกิดความคิดว่า น่าจะไว้ตรงทางออกน่าจะได้สตางค์มากกว่านี้นะ
ก็ฉันเป็นกลัวพิพิธภัณฑ์ดีๆ อย่างนี้จะอยู่ไม่รอดน่ะ
เพราะขึ้นชื่อว่าเป็น ๑ ใน ๙ สถานที่ท่องเที่ยวที่ครองใจประชาชน
อยู่ด้วยกันนานๆ นะ ...
จากนั้นฉันก็เริ่มจะก้าวเท้า ก้มลงมองที่พื้น
ก็เจอเจ้ารอยเท้าเล็กๆ ที่มีรอยเท้าเป็นเล็บสามแฉก มานำทาง
เอาล่ะตกลงปลงใจเดินตามรอยเท้าเล็กๆ นั้นไป
จากพื้นเงยหน้าสู่ผนัง เจอข้อความที่อ่านแล้วต้องจดจำ
ผู้อยู่รอด คือผู้ที่รู้จักการปรับตัวเข้าหาสภาพแวดล้อม
ไม่ใช่ปรับสภาพแวดล้อมไปตามความต้องการที่ไม่สิ้นสุด
อ่านแล้วต้องคิดตาม และตั้งคำถามในใจ
ตัวเราเองนี้เหรอคือผู้อยู่รอด???
ระบบการจัดการของพิพิธภัณฑ์ดีเยี่ยม เพียงเดินตามรอยเท้าเล็กๆ ไป
ก็จะเข้าใจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ระบบปรับอากาศเย็นฉ่ำ
แถมด้วยระบบวีดีทัศน์ที่แสนจะทันสมัย
เรียกได้ว่าถึงแม้ไม่มีเจ้าหน้าที่มาคอยชี้แนะ
เราก็จะเข้าใจได้ในสิ่งที่ต้องการสื่อสาร (ยกเว้นการเดินลัดรอยเท้า)
เริ่มต้นที่เกิดโลกได้อย่างไร ผ่านยุคใดมาบ้าง
การเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่พืช สัตว์
และแน่นอนที่สุด ก็ต้องไฮไลท์ของที่นี่ "ไดโนเสาร์"
ฉันเดินตามรอยเท้ามาเรื่อยๆ จึงได้รับรู้ว่า ไดโนเสาร์เองก็มีหลายสายพันธุ์
จากเดิมที่เคยเหมารวมว่า ไดโนเสาร์ก็คล้ายๆ จระเข้ ก็เริ่มเปลี่ยนไป
ไดโนเสาร์มีหลายสายพันธุ์ทั้งแตกต่างที่การกินอาหาร
มีทั้งกินพืช กินสัตว์ เป็นอาหาร มีปีก ไม่มีปีก มีฟัน ไม่มีฟัน
แล้วฉันก็ได้เห็นเจ้าไดโนเสาร์ตัวเอกในเรื่องจูราสสิคพาร์ค T-REX น่ะเอง
ฉันได้เห็นกะโหลกศีรษะของมัน ๓ ขนาด
มันเองก็มีวิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอดเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
คือกรามที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สมองที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และรูปร่างที่ปราดเปรียว
ทั้งหมดนี้ก็เพียงเพื่อการเอาชีวิตรอด
หาใช่การเอาชนะ การอยากได้ อยากมี อยากเป็น เฉกเช่นมนุษย์ไม่
เดินตามรอยมาจนเจอคำตอบว่า ไดโนเสาร์ต่างจากจระเข้อย่างไร
ไดโนเสาร์ไม่ใช่สัตว์เลื้อยคลานอย่างจระเข้ และก็ไม่ใช่สัตว์ปีกอย่างค้างคาว
เราสามารถแยกแยะได้ที่กระดูกเชิงกรานของมัน
กระดูกเชิงกรานของไดโนเสาร์จะมีลักษณะตั้งตรง
ตามแรงโน้มถ่วงของโลก ตรงไปลงน้ำหนักที่เท้า
ที่ไม่แบะออกเหมือนจระเข้ และไม่หุบเข้าเหมือนค้างคาว
เอาล่ะ ฉันเริ่มจะรู้จักเจ้าไดโนเสาร์มากกว่าที่รู้จักในหนังขึ้นมาแล้ว
ได้เดินดูโครงกระดูกจำลอง เดินชมกระดูกจริงที่ต้องร้องโอ้โฮ
ก็แค่ขาท่อนบนของมัน ก็ใหญ่เท่าลำตัวฉันทั้งตัว
ฉันเดินตามรอยเท้ามาเรื่อยๆ ก็มาถึงจุดสิ้นสุด
จุดสิ้นสุดของมัน นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานไว้ว่า
มีอุกกาบาตใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐ กิโลเมตรพุ่งเข้าชนโลก
ระดับความรุนแรงก็ขนาดระเบิดนิวเคลียร์สักหนึ่งพันลูก
อุกกาบาตลูกนั้นยังให้เกิดไฟไหม้
พืชและสัตว์ล้มหายตายจาก ไดโนเสาร์เองก็เช่นกัน
แม้จะตัวใหญ่สักแค่ไหน แข็งแกร่งสักเพียงใด ก็ต้องมีอันล้มครืน
ก็ไม่มีอาหารแล้ว ไดโนเสาร์จะคงมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร
พิพิธภัณฑ์นำเราสู่โลกของความเป็นจริง
ผู้อยู่รอดคือผู้ที่แข็งแรงกว่าจริงหรือ
หรือว่า แข็งแรงเพียงใด ก็ต้องมีจุดจบ
ฉันเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ด้วยคำถาม
เดินมาสักพักก็ถึง บางอ้อ
ต่อให้แน่แค่ไหน ใหญ่โตสักเท่าใด .... ก็เล็กกว่าโลง