Print

สัพเพเหระธรรม - ฉบับที่ ๑๘๗

เพียงมีเป้าหมาย

ปนัดดา ธรรมพาสุข

goal 

ระหว่างทางที่ผู้เขียนกำลังนั่งอยู่ในรถแท็กซี่เพื่อไปทำธุระในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้มีโอกาสสนทนากับลุงคนขับใจดี และร่าเริงสดใส ขณะนั้นฝนตก รถติด แต่ใจผู้เขียนเองกลับไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด คุณลุงเล่าเรื่องของคุณลุงให้ฟังว่า ต้องเลี้ยงลูก ๔ คน และมีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ “ส่งลูกทั้ง ๔ คนเรียนจบอย่างน้อยระดับปริญญาตรีให้ได้”

“คุณลุงทำอาชีพอื่นเสริมด้วยไหมคะ?” ผู้เขียนถามแกมอยากรู้
“ไม่มีหรอก ลุงขับแท็กซี่เพื่อเลี้ยงลูกๆ อย่างเดียว” คุณลุงตอบอย่างภาคภูมิ
“โห ทึ่งมากเลยค่ะ คุณลุง” ผู้เขียนแสดงความประหลาดใจ
“แต่ทั้งนี้ ตัวของเขาเอง (ลูกๆ ของลุง) ก็ต้องมีใจรักที่จะเรียนต่อให้จบด้วย” คุณลุงเสริม
“และที่สำคัญเป้าหมายของเราต้องชัดเจนด้วยนะ เป้าหมายของลุงคือลูกทั้ง ๔ คนนี้ต้องเรียนให้จบอย่างน้อยระดับปริญญาตรี” คุณลุงย้ำให้ฟังถึงความสำคัญของเป้าหมายอีกครั้ง

หลังจากที่ได้ฟังคุณลุงเล่าเรื่องการต่อสู้หาเลี้ยงชีพตัวเองและลูกๆ แล้ว เราก็ย้อนกลับมามองตัวเองว่า “ชัดเจนกับเป้าหมายในชีวิตแล้วหรือยัง?”

บางครั้งอาชีพที่เราอาจมองว่าไม่น่าจะสามารถไปถึงฝันได้นั้น กลับมีนัยยะของความฮึดและแรงบันดาลใจอยู่เต็มเปี่ยม อาจไม่ได้สำคัญที่ความร่ำรวยหรือยากดีมีจน ทว่าสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดนั้นคือ “เป้าหมายของชีวิต” เพราะเมื่อใดก็ตามที่เป้าหมายชีวิตของเรานั้นชัดเจนไม่เลือนราง เมื่อนั้นแหละเราจะรู้เองว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรให้ถึงเป้าหมายนั้นให้ได้ ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้า เป้าหมายจะไม่ไปไหนไกล จะอยู่ตรงนั้น ตรงที่ที่เรากำหนดมันไว้ด้วยตัวของเราเอง
และสิ่งที่ผู้เขียนสัมผัสได้ถึงความสุขของคุณลุง ณ วันนี้ คือ ความรู้สึกดีและความซื่อตรงต่ออาชีพของตนเอง ตอนนี้ความฝันที่ยิ่งใหญ่และเป้าหมายที่ชัดเจนของคุณลุงก็ถือว่าสำเร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว กล่าวคือ ลูกคนแรกของคุณลุงเรียนจบแล้วและมีอาชีพเป็นตำรวจ (ยศนายร้อยตำรวจ) ส่วนลูกคนที่สองก็เรียนจบปริญญาตรีแล้วเช่นกัน แต่กลับไปทำสวนลำไยที่จันทบุรีกับครอบครัว เหลืออีกสองคนที่กำลังเรียนปริญญาตรีชั้นปี ๒ และปี ๓ อยู่
อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับใครหลายๆ คน ทว่ากับคุณลุงที่มีอาชีพขับรถแท็กซี่นั้นช่างยิ่งใหญ่และน่าภูมิใจยิ่งนัก! ขอชื่นชมใน “เป้าหมายที่ชัดเจนของคุณลุงค่ะ”

และวันนี้ผู้เขียนก็นำหลักอิทธิบาท ๔ มาฝากทุกๆ คน เพื่อใช้เป็นหลักธรรมในการประกอบการงานและอาชีพของตนเอง และให้เราทุกคนชัดเจนกับเป้าหมายกอปรกับมีวิธีการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง เพื่อทำตามเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ ซึ่งหลักธรรม ๔ ประการ (อิทธิบาท ๔) มีดังนี้
๑. ฉันทะ คือ มีความพอใจ และรักในงานที่เราทำอยู่
๒. วิริยะ คือ มีความขยันหมั่นเพียรในการทำงาน
๓. จิตตะ คือ มีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย
๔. วิมังสา คือ มีความพินิจพิเคราะห์ในงานและใช้ปัญญาตรวจสอบงานนั้นเสมอ

หวังให้เราทุกคน “มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน” และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดใดที่อยู่ตรงหน้าเรา เพียงกล้าเผชิญวันนี้ไปให้ได้ และทุกๆ วันจะกลายเป็นวันดีดีสำหรับชีวิตเสมอค่ะ