Print

สัพเพเหระธรรม - ฉบับที่ ๑๕๑

ฝนตก รถติด

Purple Jade

misc-151
รูปจาก http://www.pg.in.th/photo/view/850177

วันนี้ฝนตก.. หลายคนคงรถติดอยู่บนถนน บ้างก็อยากจะรีบกลับไปให้ถึงบ้าน ไปนอนขี้เกียจดูทีวี อยู่บนโซฟา บ้างก็มีนัดรีบไปกินข้าวกับเพื่อนหรือหวานใจ ได้แต่ลุ้นทุกไฟแดงว่ามาถึงคันเราแล้วจะเขียวหรือแดงซะก่อนนะ ฝนตกรถติดตอนห้าโมงเย็นนี่มันช่างน่าหงุดหงิดจนอยากจะตะโกนด่าฟ้าฝนที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลาบ้างเลย

ความรีบร้อนบวกกับใจที่ร้อนรนจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางก็เหมือนกับไฟดีๆ นี่เอง มันแผดเผาทุกอย่างระหว่างทาง บางคนหงุดหงิดจนเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเพราะปาดซ้ายแซงขวา หรือแย่กว่านั้นคือมีปากเสียงด่าทอกัน ทะเลาะกับคู่กรณี และถึงขั้นลงไม้ลงมือจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

บางคนทะเลาะกับแฟนเพราะไปถึงสถานที่นัดหมายช้ามาก บางคนทะเลาะกันตั้งแต่ระหว่างทางขับรถอยู่ คุยโทรศัพท์ไปเถียงกันไปว่าเมื่อไหร่เธอจะมาถึงซักที นี่ฉันรอนานชาติเศษแล้วนะ

ชีวิตทุกวันนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ต้องการอะไรก็แค่ปลายนิ้วสัมผัส อยากหาข้อมูลอะไร คีย์เข้าไปในอินเตอร์เน็ตก็มีให้แทบจะทุกอย่าง ทำให้ห้องสมุดดูจะกลายเป็นสถานที่โบราณหรือถูกจัดเข้าหมวดหมู่พิพิธภัณฑ์ไปแล้ว แม้กระทั่งขี้เกียจไปเดินห้างช้อปปิ้ง เราก็มาเลือกดูเลือกสั่งสินค้าเอาง่ายๆ ผ่าน Facebook แต่ว่าความสะดวกสบายเหล่านี้ บางครั้งก็กลายเป็นความมักง่ายไปได้เหมือนกัน พอจิตใจคนมักง่ายขึ้น เอาเร็วเอาง่ายเข้า เมื่อไม่ได้ตามที่เคยได้หรือคิดว่าควรจะได้ เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องก็กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นหน้าหนึ่งกันให้เห็นอยู่บ่อยๆ

เรื่องฝนตกรถติดนี่จะว่าไปก็เป็นเรื่องที่แสนจะคลาสสิคในกรุงเทพฯ เมืองแห่งความวุ่นวายหลากหลายไลฟ์สไตล์แห่งนี้ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังรับมือกับมันได้ไม่สง่างามนัก การก่นด่ากันเพราะเอาความต้องการหรือความสะดวกสบายของตัวเองเป็นที่ตั้งนั้น ทำบ่อยๆ ทำทุกวันก็สร้างนิสัยเสียให้เพาะอยู่ในตัวในใจของเราได้แบบที่ใครต่อใครอาจจะนึกไม่ถึง คำพูดระคายหูระคายใจ ความคิดที่ฟุ้งซ่านวกวนพวกนั้น ทำให้เรากลายเป็นคนจับจด คิดอะไรได้ไม่ชัดเจน ไม่ตรงเป้าหมาย คลุมเครือและเยิ่นเย้อ ยังไม่นับรวมแต่ละคำที่ออกจากปากและจากใจที่ขุ่นมัวนั้น ยิ่งมากก็ยิ่งทำให้จิตใจหยาบกระด้างขึ้นทุกวัน มองไม่เห็นอะไรอย่างอื่น ไม่เห็นคนอื่น เห็นแต่ตัวเองและโลกของตัวเอง คุณสมบัติแย่ๆ เหล่านี้ระยะยาวสามารถสร้างความเสียหายให้กับทั้งงานและสร้างความร้าวฉานให้กับครอบครัวเลยทีเดียว

จริงๆ แล้ว ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง วันฝนตกรถติด อาจจะเป็นวันที่มีความสุขของคนอีกมากมายก็ได้ หนุ่มสาวบางคู่ที่เพิ่งจะคบหาดูใจกัน ก็อาจจะขอบคุณฟ้าฝนที่ทำให้มีวันที่แสนจะโรแมนติคแบบนี้ เพราะเขาและเธอจะได้รถติดอยู่ด้วยกันนานๆ กว่าฝ่ายชายจะขับรถไปส่งฝ่ายหญิงถึงที่บ้านได้ ฝ่ายหญิงก็อาจจะต้องคอยถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ปวดขารึยัง ขับรถแบบขยับได้ครั้งละ 10 เมตรแบบนี้ หิวข้าวรึเปล่า เราจะแวะซื้ออะไรทานกันก่อนดีมั้ย ความสัมพันธ์อันดีก็อาจจะก่อร่างสร้างตัวจากอะไรง่ายๆ แต่มีความหมาย เพราะมีความห่วงใยซ่อนอยู่ได้ในวันแบบนี้

ดังนั้นการที่เราจะกลับบ้านช้าไป ๒-๓ ชั่วโมง หรือไปไม่ทันนัดดูหนังกับแฟน แล้วทะเลาะกันก็ตาม ถ้ามองอย่างยุติธรรม มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆ วันหนึ่งบนโลกนี้ ที่แม้เราจะไม่ได้มีความสุขนัก แต่ก็ยังมีคนอื่นที่เค้ามีความสุขกับมันได้

ฟ้าฝนไม่ใช่ต้นเหตุของความบาดหมางหรือความหงุดหงิดใจอะไรของใครหรอก มีแต่เราที่ไปให้ค่ากับมันเอง ถ้าเราดูแลจัดการจิตใจของเราได้ดี ก็มีสติควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่ว่าจะวันฝนตกหรือวันฝนไม่ตก

ลองมองออกไปข้างนอกสิ บางทีอาจจะไม่ต้องไกลมาก เพื่อนเราเองอาจจะกำลังตกงาน เพิ่งเลิกกับแฟน หรืออาจจะทั้งเพิ่งตกงานและเพิ่งเลิกกับแฟนในเดือนเดียวกัน วันฝนตกพรำๆ ที่เรากำลังพร่ำด่าฟ้าฝนนั้น เพื่อนเราอาจจะกำลังสิ้นหวังท้อแท้มองไม่เห็นทาง ไหนๆ ก็รถติดแบบไม่ขยับขนาดนี้ โทรไปปลอบใจเพื่อนน่าจะดีกว่า ไม่ต้องด่าใคร แถมยังได้ช่วยให้คนอื่นมีกำลังใจมองเห็นทางที่จะก้าวเดินต่อไปในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
มองโลกตามความเป็นจริง มองชีวิตแบบไม่ลำเอียง แล้วจะพบว่าแม้ในยามร้าย เราก็มีใจที่ดีได้ ถ้าเรามีสติ...

ชีวิตที่ผ่านมา มันมีอย่างน้อยอีกมุมหนึ่งเสมอที่เมื่อค้นพบแล้วจะเข้าใจว่า ชีวิตน่ะยุติธรรมกับทุกคน