Print

สัพเพเหระธรรม - ฉบับที่ ๑๔๙

วันสุดท้ายของชีวิต

ปนัดดา ธรรมพาสุข

misc-149

หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
แต่คุณยังเป็นคนหนึ่งที่ยังอยู่ในวงอบายมุขทั้งหลาย เช่น วงเหล้า วงพนัน มั่วสุมในสถานบันเทิงต่างๆ
คุณจะรู้สึกเสียดายชีวิตที่เหลืออยู่บ้างหรือไม่?

ความตายคือปลายทางของทุกชีวิต
ไม่มีชีวิตใดบนโลกนี้สามารถปฏิเสธความตายได้
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องกลืนสู่สภาวะที่เรียกว่าธรรมชาติ
เกิดคู่ตาย เป็นเรื่องธรรมดา
เพราะฉะนั้นชีวิตที่เหลืออยู่นี้ เราควรเลือกที่จะสร้างสรรค์ความดี หรือทำความชั่วกันเล่า

บางทีเส้นทางของชีวิตก็เป็นสิ่งที่เราต้องเลือกเดินด้วยตัวเอง
หลายชีวิตเลือกเดินทางผิด องค์ประกอบในชีวิตของพวกเขาย่อมมีแต่เรื่องทุกข์ร้อน
นั่นก็เพราะความไม่รู้ พวกเขาจึงใช้ชีวิตด้วยความประมาท
ไม่รู้จักชั่งน้ำหนัก ว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี ว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ

สิ่งที่จะช่วยประคับประคอง ให้จิตใจอยู่ในความถูกต้องดีงาม และสามารถดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นที่ถูกต้องได้นั้น
สำหรับชาวพุทธอย่างเรา คือ “ธรรมะ”
หรือธรรมชาติแห่งสัจจะความจริง ความเป็นจริงที่จะดำรงอยู่ แม้ชีวิตจะจากโลกนี้ไป

ชีวิตใดไร้ซึ่งธรรมะ ชีวิตนั้นย่อมปราศจากสิ่งดีงามทั้งหลายทั้งปวง
เพราะธรรมะเป็นเครื่องมือสู่ความดี การมีชีวิตอยู่ด้วยธรรมะเป็นสิ่งที่ผู้รู้สรรเสริญ

เราจะศึกษาธรรมะไปทำไม?
คำตอบสั้นๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง
ก็เพื่อให้เรามีชีวิตที่ตั้งอยู่ด้วยความไม่ประมาท และมีความดีงาม
ธรรมะนอกจากจะเป็นเครื่องมือแห่งความดีงามของตนเองดังกล่าวแล้วนั้น
ยังช่วยสอนจิตใจให้เรารู้จักการ “แบ่งปัน” ความดีงาม ให้กับทุกสรรพสิ่งด้วย

ชีวิตของคนเราย่อมมีโอกาสพบปะกับทั้งเรื่องดีและไม่ดี
แต่สิ่งๆหนึ่งที่จะคอยบอก และสะกิดใจของเรา
ไม่ให้มัวเมา หรือหลงทาง ไปกับสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ก็คือ ธรรมะของคนดี
เพราะคนดีจะเกรงกลัวและละอายใจในการทำชั่ว
ในทางตรงกันข้าม คนชั่วมักไม่ลังเลสักนิดที่จะทำสิ่งชั่ว
นั่นเพราะเขาไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว
เขาไม่มีสติ ไม่มีความละอายใจต่อบาปที่กำลังทำ

เมื่อเรามีโอกาสอันดีที่ได้รู้จักธรรมะแล้ว
เราจึงควรคิดดี พูดดี และทำดี
อย่าไปสนใจกับสิ่งไม่ดี เพราะความความสบายใจที่แท้จริงจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้จากความไม่ดี

โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์เรามีความดีอยู่ในตัว
แต่ถ้าปล่อยให้ถูกครอบงำด้วยสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี
เปิดโอกาสคลุกคลี กับความไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง
ทุกเวลา ทุกสถานที่ และทุกโอกาส
เปิดโอกาสให้กับกิเลส ตามความยั่วยุทั้งหลาย
ไม่ว่าจากเพื่อนที่ไม่ดี สถานที่ๆไม่ดี ฯลฯ
คนผู้นั้นก็ง่ายที่จะถูกความไม่ดีชักนำ จนพาให้เสียผู้เสียคนได้

ผู้เขียนเองเป็นคนจน
บ้านเกิดอยู่ที่ต่างจังหวัด พ่อแม่อพยพมาทำงานที่เมืองกรุงตั้งแต่ยังเด็ก ต้องอยู่กับคุณปู่ ป้า ลุง และพี่ๆ
เติบโตมาด้วยกัน มีขนมก็แบ่งกันกิน ว่างๆ ก็เก็บขวดไปแลกขนม
เสาร์ อาทิตย์ ก็รับจ้างทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่เด็กพอจะทำได้
ได้วันละ ๓๐ บาท, ๕๐ บาท ก็เอา เพราะถือว่าทำให้มีรายได้
ทุกๆวันก่อนไปโรงเรียนต้องใส่บาตรหน้าบ้าน
บางวันไม่มีกับข้าว ก็ใส่เฉพาะข้าวเหนียวเปล่าๆ
ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
ก่อนออกไปทำงานรับจ้างก็ต้องถือปิ่นโต หรือภาษาถิ่นเรียกว่าไปจั่งหัน (ไปวัด) นั่นเอง

คุณปู่จะคอยสอนผู้เขียนเสมอว่า
“ถ้ามาวัดกินข้าวเช้าที่วัดเสร็จแล้ว ต้องล้างถ้วยล้างชามช่วยที่วัดด้วยทุกครั้ง
ต้องทำตนให้เป็นประโยชน์อย่าให้ใครเขาว่าเอาได้ ไม่อย่างนั้นจะบาปเอา”

สมัยเด็กๆ ก็ไม่รู้หรอกว่า “บาป” คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร
เราก็ทำและปฏิบัติอย่างนี้เรื่อยมา ไม่เคยทิ้งช่วง
พอเลื่อนชั้นมัธยม ถึงมหาวิทยาลัย ก็ยังปฏิบัติแบบเดิม
ทำบุญ ฟังธรรม ตามโอกาส ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ รู้จักการปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรมสำหรับผู้เขียนคือ การล้างใจ และรักษาจิตใจให้เป็นปกติ
มีความรู้สึกตัว ไม่ผลักชีวิตให้เข้าใกล้ความประมาท หรือยั่วยุล้อเล่นกับความชั่วทั้งหลายทั้งปวง
สิ่งที่ผู้เขียนได้มาคือ “ความรู้สึกตัว มีสติ มีความคิด มีปัญญา”
ทั้งหลายที่กล่าวมานี้ คือความมีธรรมะในจิตใจ

ขอเราทุกคนอย่าได้เพิกเฉยต่อการทำความดี
อย่าได้เกรงกลัวต่อการทำความดี
และจงกล้าที่จะปฏิเสธต่อการทำความชั่ว
ในเมื่อเรามีสิทธิ์ มีโอกาสที่จะเลือกทำในสิ่งที่ดีได้ ก็จงทำความดี
เพราะเราไม่มีโอกาสทราบได้ว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตหรือเปล่า
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ไม่มีสิ่งใดแน่นอนนอกจาก “ความไม่จีรัง”

หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
คุณเลือกจะทำความดี หรือความชั่ว?
...คำตอบอยู่ในใจของทุกคนแล้ว

ชีวิตเป็นสิ่งมีคุณค่าเกินกว่าจะนำไปคลุกคลีกับสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง
เราสามารถสรรสร้างจิตใจของเราให้ดีงามได้
ใจของเราเลือกรับสิ่งดีและไม่ดีได้
อยู่ที่ใจของเราแล้วล่ะว่า จะเปิดโอกาสให้ “ความดีงาม” มาเป็นเครื่องนำทางชีวิตให้เต็มคุณค่าหรือเปล่า

จงทำเสมือนทุกๆ วันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
ทำทุกๆวันให้มีคุณค่า
เลือกสรรความดีงามให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต
แล้วเราจะพบว่าทุกๆ วันของชีวิตเรานั้น
แวดล้อมไปด้วยความสุขอันเกิดจากความดีงามทั้งหลายทั้งปวงที่เราได้ทำไว้ดีแล้วนั้นเอง

ขอให้ทุกชีวิตในโลกใบนี้ จงมีเส้นทางดำเนินชิวิตของตน อยู่บนมรรคาแห่งความดีงามเสมอ… เทอญ