แผนสอง
(inochi no poka-yoke)
malimali
ตอนที่ 2
หนึ่งเดียวแผนนี้
เรามักมีแผนชีวิตกันเพียงแบบเดียว
ซึ่งว่าด้วยการทำอย่างไร ให้ได้มา แล้วจะสุข
รอบข้างเรา มีแต่ตัวอย่างให้เห็นว่า การมี การได้ คือความสุข
เราเจอแนวความคิดอย่างนี้รอบตัวกันตั้งแต่เกิด
เป็นความรู้สึกที่ไม่ชอบ เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่แย่
สิ่งที่เราเรียนรู้และทำตั้งแต่นั้นมาคือ
วิ่งเข้าหาสิ่งที่นำพาเราไปสู่ใจที่พองโต
และวิ่งหนีสิ่งที่ทำให้ใจห่อเหี่ยว
จนกลายเป็นสัญชาตญาณ ที่ยิ่งฝังแน่น
ยิ่งกว่าคราบกระทะที่ไม่เคยล้างซะอีก!
ความสุขมีจริง
และทุกคนเคยสัมผัสมันมาก่อน ไม่มากก็น้อย
เพราะถ้าไม่รู้จักความสุข เราก็ไม่นึกอยากมีความสุข
การที่เคยสัมผัสความสุขมาก่อน
ยิ่งทำให้เราเชื่อว่า
เราเอื้อมถึงความสุขได้นะ เรามีสิทธิไขว่คว้ามาครอบครอง
ลองนึกถึง หลายๆสิ่งในชีวิตที่เรามีความสุขกับมัน
ไม่ว่าจะในอดีต หรือปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ชื่อเสียง เงินตรา และอีกร้อยแปดพันเก้า
เราได้ประสบมากับตัวเองจริงๆ ไม่ได้โม้!
ฉะนั้น ความต้องการที่จะให้ชีวิตตัวเองมีความสุข
จึงไม่ได้ดูว่าเป็นเรื่องฝันเลื่อนลอยลมๆแล้งๆ
ตรงกันข้าม มันเป็นความต้องการที่ยอมรับกันและมีในทุกคน
แต่ถ้าเรื่องมันง่ายๆแค่ว่า
เมื่อเราต้องการความสุข
แล้วพอเราก็ได้ความสุขปุ๊บ เรื่องก็จบลงปั๊บ ก็คงจะดี
แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิ
เรื่องต้องการความสุขของเรานั้น
มันไม่ได้จบในเล่ม ไม่ได้มีเพียงตอนเดียว
ไม่เช่นนั้น
ก็คงจะจบข่าวมีความสุขกันไปถ้วนหน้ากันตั้งแต่รู้จักหัวเราะครั้งแรก
เรามีความต้องการความสุขหลายๆรูปแบบ
เราจึงต้องแสวงหามันไปเรื่อยๆ
และความสุขโดยทั่วไปมักมีวันหมดอายุ
เราจึงต้องต่ออายุมันไปเรื่อยๆ
ไหนจะต้องหาความสุขใหม่ๆ
ไหนจะต้องรักษาความสุขเก่าๆให้คงอยู่
แต่ละคนจึงดูยุ่งมากๆเลยในการทำสองสิ่งนี้
เนื่องจากเราแปะป้ายความสุข ให้หลายสิ่งหลายอย่างมาก จึงดูว่าเรามีแผนร้อยแปดพันเก้า ที่จะไปถึง ความสุข ป้ายนั้นๆ เช่น
วางแผนทานข้าวเย็นมื้ออร่อยๆตอนเงินเดือนออก
วางแผนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการ
วางแผนเก็บเงิน เพื่อซื้อรถ ซื้อบ้าน
วางแผนโกงเงิน เพื่อจะได้รวยทางลัด
วางแผนจะแต่งงานริมชายหาด
วางแผนจะเกษียณแล้วมีชีวิตมั่นคง
วางแผนจะไปหาแฟนเย็นนี้
วางแผนเข้าแถวเข้ารถไฟฟ้าให้ได้เร็วกว่าคนอื่น
วางแผนจะมีลูกสองคน
วางแผนเป็นที่หนึ่งของโลก
วางแผนติดต่อกับกิ๊กโดยไม่ให้เมียรู้
วางแผนที่จะอุ๊บอิ๊บเงินทอน เมื่อพนักงานทอนเงินมาเกิน เพื่อความภูมิใจ
วางแผนจะได้เงินเดือนสองแสนภายในสองปี
วางแผนเรียนด็อกเตอร์เพื่อให้มีคำว่า ดร. นำหน้าชื่อ
วางแผนเข้าสู่การเมือง เป็นนายก ให้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล
วางแผนจะปลีกวิเวก เพื่อความสงบเงียบของหูและใจ
วางแผนจะปลูกบ้านอยู่ต่างจังหวัด เพื่อความสงบสุขในบั้นปลายชีวิต
วางแผนสงคราม เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของประเทศชาติ
เราอาจจะคิดได้ว่า ชีวิตเราก็คงไม่ได้เอาสุขอะไรมากมาย
แต่เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าลองหันไปดูหลังตัวเองอีกทีจะพบได้ว่า
อ้าว... แบกป้ายแบกแผนอะไรต่อมิอะไรไว้เต็มเลย
เพื่อให้หยิบจกความสุขจากสิ่งต่างๆมาเสพในแต่ละวัน
แหม!
หลงคิดว่าตัวเองเป็นผู้มักน้อย
ไม่เอาอะไรจากโลกมากอยู่ตั้งนาน
ยิ่งแผนมาก หรือยิ่งแผนแน่วแน่มาก เราก็ยิ่งรู้สึกว่า ชีวิตนี้มีความหมาย มีคุณค่า เรามีความสุขรอบด้านให้ไขว่คว้า เราชีวิตมีอะไรให้ทำมากมาย เราเป็นคนที่จะมุ่งมั่นที่จะมีความสุข ใช่ไหม?
แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ที่เราคิดว่าชีวิตเรามีแผนมากมายน้อยใหญ่นั่นน่ะ แท้จริงมันก็คือแผนยิบย่อยน้อยใหญ่ ที่อยู่ภายใต้แผนแม่บทแผนเดียวกัน
แผนอยู่กินกับความสุข
ห้าล้านแปดแสนแผนที่เราดำเนินชีวิตไปตามนั้น
ก็เพื่อสนองเข้าแผนแม่บทนี้ทั้งนั้น
แต่ทำไมถึงบอกว่า
ไม่ว่าแผนในการไข่คว้าสุข หลีกเลี่ยงทุกข์ จะหลากหลายอย่างไร
มันก็ยังอยู่ภายใต้แผ่นแม่บท อยู่กินกับความสุข ทั้งนั้น
แผนสอง
(inochi no poka-yoke)
malimali
ตอนที่ 3
แผนอยู่กินกับความสุข
Happy Path
เป็นศัพท์เทคนิคในการออกแบบวางแผน การใช้งานของสิ่งต่างๆ
หมายถึงการออกแบบกระบวนการในแง่ที่สมประสงค์ จบด้วยความสำเร็จ
ยกตัวอย่างเช่น
เมื่อเราจะออกแบบหม้อหุงข้าวอันหนึ่ง
เราคำนึงถึงกระบวนการทำงานของมันโดยทั่วไป ได้แก่
ใส่ข้าว ใส่น้ำ เสียบปลั๊ก กดปุ่ม ข้าวสุก
นั่นคือ Happy Path ในการใช้งานหม้อหุงข้าวอันนั้น
แต่การออกแบบ Happy Path ให้กับระบบนั้นๆ หรือสิ่งนั้นๆ
แค่นี้มันไม่รอบคอบมากพอ
เพราะเมื่อวันหนึ่ง ที่เราลืมใส่น้ำ แล้วข้าวไหม้
แล้วอีกวันหนึ่ง น้ำเยอะเกินไป แล้วข้าวเละ
แล้วอีกวันหนึ่ง เราโดนไอน้ำจากหม้อหุงข้าวลวกมือขณะเปิดฝา
ความเป็นไปได้ที่จะมีวันเหล่านั้น
ทำให้นักออกแบบวางแผนที่รอบคอบ ต้องตระหนักให้ได้ว่า
หม้อหุงข้าวนี้ ควรจะทำอะไรได้มีประสิทธิภาพ
มากกว่าเพียงแค่ ใส่ข้าว ใส่น้ำ เสียบปลั๊ก กดปุ่ม ข้าวสุก
ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน
เรามักจะวางแผนแต่ด้าน Happy Path หรือแผนการอยู่กินกับความสุข
ให้กับชีวิตของเรา
และชีวิตเรา มันก็เหมือนกัน
เราไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความสุขเสมอไป
เราทำและเจอสิ่งผิดพลาดได้ทุกวัน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ
ตั้งแต่เดินเอาขาไปฟาดขอบเตียง
ขับรถผิดเลนโดนตำรวจจับ
นอนไม่หลับเพราะข้างบ้านเสียงดัง
ตัดขาดญาติมิตรกับใครสักคน
ขับรถชนคนตาย
ท้องก่อนเวลาอันควร
สามีออกลายขี้เมาเจ้าชู้
โดนเพื่อนซี้โกงเงินไปจนล้มละลาย
อยู่ๆก็เป็นอัมพาต
ฯลฯ
ความผิดพลาดในชีวิต ไม่ว่าจะเกิดจากเราเองหรือสิ่งรอบข้าง
ล้วนแต่เป็นเรื่องธรรมชาติที่มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
และเป็นสิ่งที่เรามักจะไม่ได้บรรจุลงใน Happy Path ของเรา
เรามักละมันไว้ในฐานะที่เราไม่ปรารถนา เราทำเป็นลืม
เพราะเราชอบนึกว่ามันจะไม่เกิดกับตัวเรา
หรือมันทำให้บรรยากาศกร่อยลงในเวลาที่เราแฮปปี้
เราคิดว่าชีวิตนี้เราคงไม่ถูกไอน้ำจากหม้อหุงข้าวลวกเอา
เราจะไม่มีวันทำข้าวไหม้
เราจะพยายามไม่ทำให้ข้าวเละให้ได้
และเราจะไม่เลินเล่อขนาดลืมเสียบปลั๊กหรอก
ผลก็คือ เวลาเราเจอสิ่งที่นอก Happy Path เข้า เราก็ดิ้นพล่าน
เราก็พยายามหาทางวิ่งหนี
รวมไปจนถึงสร้างตัวตนสร้างตรรกะความคิดขึ้นใหม่ เพื่อจะตะกายตนเองให้กลับสู่ Happy Path ที่คาดหวังไว้นั้น
ใครบางคนก็อาจจะแย้งได้ว่า
ไม่จริ๊ง ไม่จริง!
ฉันไมได้เอาแต่ความสุขนะ ฉันก็ต้องจัดการกับทุกข์เหมือนกันแหละ
จะมาว่าฉันมีแต่แผนอยู่กับความสุขได้ยังไง
อย่างตอนที่ฉันยอมกระโดดลงไปในบ่อทุกข์นั่นน่ะ ไม่เห็นหรือไง(ยะ)?
เวลามีทุกข์ มันก็แหงแซะอยู่แล้วว่าต้องแก้กันไปเนี่ยะ
ฉันมีหนี้ ฉันก็ดิ้นรนชดใช้หนี้
ฉันไม่ได้งอมืองอเท้า
ฉันอกหัก ฉันก็ไปเที่ยวไปหาเพื่อน
ไม่ได้พยายามนั่งอ้อยอิ่งอยู่กับอารมณ์อกหัก
ฉันโดนให้ออกจากงาน
ฉันก็ขวนขวายหางาน.ใหม่ ไฮโซกว่าเดิม
ไม่ได้อยู่เฉยๆ
นี่ไงยะ การจัดการกับทุกข์ !!!
และใครบางคนก็อาจจะบอกได้ว่า
ชีวิตก็มีทั้งทุกข์และสุขนั้นแหละ นั่นคือสิ่งที่ชีวิตเป็น
คนเรามันก็ต้องเจอทั้งสุขทั้งทุกข์ล่ะเฟ้ยมันถึงจะครบรสชาติ
เมื่อฉันเห็นอย่างนี้แล้ว ทำไมถึงจะมากล่าวหากันว่า
มีแต่แผนอยู่กับความสุขล่ะ(เฟ้ย)
เค้าไม่ยอมนะ ตัวเอง!
ถ้ายืนยันอย่างนั้น
เราลองมาสำรวจตัวเองกันดีกว่า
สำหรับน้องๆที่ปฏิเสธว่าทำตัวกระโดดลงบ่อทุกข์
และพี่ๆที่เห็นทุกข์เป็นรสชาติของชีวิตเป็นธรรมดา
ทั้งๆที่เราอาจคิดว่าเราพร้อมรับสถานการณ์ชีวิตทุกสรรพสิ่ง
และทั้งๆที่เราอาจคิดว่า เรามักน้อย เราไม่เอาอะไรจากโลกนี้ทั้งนั้น
เวลาเราจ๊ะเอ๋กับสิ่งที่เราเรียกว่า ทุกข์ เข้าให้
ใจเรามีลักษณะอาการอย่างไร?
ใจเรามีอาการแบบนี้หรือเปล่านะ?
คับข้องร้อนรนในใจ
เมื่อไหร่จะหลุดรอดจากไอ้เจ้านั่นซะที!
เมื่อไหร่มันจะหายๆไปเสียที!
ชีวิตฉันต้องไม่จมปลักแบบนี้เซ่!
อึดอัดขัดขืนในใจ
เมื่อไหร่จะได้ จะเป็น จะมี นู่นนั่นนี่ ซะที!
ออกแรงคว้าเท่าไหร่ก็ยังไกลเท่าเดิม
ชีวิตฉันต้องได้สิ่งนั้นสิ!
สงสัยๆๆๆ งงๆๆๆ
มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ยพี่น้องงง!?!
แล้วฉันต้องทำยังไง?
ใครก็ได้ให้คำตอบฉันที!
ทำไมฉันต้องมาผิดหวังซ้ำซาก
ทำไมฉันไม่ได้สิ่งที่ควรได้
ฉันขอแค่นี้เองก็ยังไม่ได้ ฉันผิดตรงไหน?
มีเรื่องให้ไม่สบายใจอีกแล้ว
สวยเซ็ง!
ถ้ายังเป็นอย่างนี้กันอยู่
ก็น่าจะแปลว่า เราก็ยังมีแต่แผนอยู่กับความสุขให้ชีวิต
ไม่มีแผนสองรองรับให้ชีวิตเอาเสียเลย
เพราะเวลาเจอทุกข์เข้า
เราก็ทำไม่ได้ ไปไม่เป็น
ได้แต่วนเวียนเวิ่นเว้อง้องแง้งงุ่นง่านอยู่ในทุกข์จนกว่ามันจากไป
แน่ใจหรือว่านี่คือการรับมือกับชีวิตเมื่อเจอทุกข์?
นี่หรือคือการมีแผนชีวิตที่ดีแล้ว?
เราหลายๆคนอาจจะต้องยอมรับตัวเองบ้าง
ว่าเมื่อเราเจอทุกข์
สิ่งที่เราทำเป็นมีแค่สองอย่าง
คือพยายามวิ่งหนีมัน
กับดิ้นทุรนทุรายจนกว่ามันจะหายไปเอง
แล้วในเวลาที่มีความสุข
ก็ลืมความทุกข์กันไป
แล้วพอมีความทุกข์
ก็มานั่งทนนั่งทรมานกันใหม่
แล้วมันก็คงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไป
จนกว่าเราจะมี แผนสอง ให้ชีวิต