Print

สัพเพเหระธรรม - ฉบับที่ ๒๑๓

มาแบ่งปันเสื้อผ้ากันเถอะ

วรารัตน์ บัญญัตินพรัตน์ 

คุณเคยสังเกตไหมว่า ในตู้เสื้อผ้าของคุณมีเสื้อ กางเกง หรือ กระโปรงตัวไหนบ้างที่คุณไม่ได้หยิบมาใส่เป็นปีๆแล้ว บ้างก็เพราะเล็กไป ใหญ่ไป ใส่แล้วดูอ้วนบ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณไม่ได้หยิบมันมาใส่ แต่ก็เพราะว่ามันยังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่จึงไม่อยากทิ้งไป มันจึงถูกค้างเก็บในตู้โดยไม่ได้ถูกหยิบมาใช้

วันนี้ลองเปิดตู้เสื้อผ้าดูนะคะ ว่าเสื้อผ้าตัวไหนบ้างที่สภาพยังดีอยู่และคุณไม่อยากจะใส่มันแล้ว อย่าปล่อยให้มันรกตู้เสื้อผ้าคุณเลยค่ะ เอามันออกมาบริจาคเพื่อสร้างบุญให้กับตัวคุณเองดีกว่า

ในขณะที่คุณมีเสื้อผ้าให้เลือกสวมใส่ได้มากมายในแต่ละวัน ยังมีอีกหลายชีวิตที่ไม่สามารถเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ได้มากนัก เขาเหล่านั้นขอเพียงมีเสื้อผ้าสวมใส่เพื่อปกปิดร่างกายในแต่ละวันเท่านั้น

ลำดับแรกคุณอาจมองหาจากคนใกล้ตัวคุณว่า มีเพื่อนมนุษย์คนใดบ้างที่คุณได้รู้จัก และเขามีความขัดสนและต้องการเสื้อผ้าของคุณ อย่ารีรอ รีบนำเอาเสื้อผ้าไปมอบให้เขาเหล่านั้น เพราะเสื้อผ้าของคุณจะเป็นประโยชน์ต่อเขาเหล่านั้นมากกว่าที่คุณจะเก็บมันไว้ในตู้ ทั้งนี้สิ่งของที่คุณใช้แล้วแต่ยังมีสภาพดี คุณก็สามารถบริจาคเพื่อเป็นประโยชน์ได้เช่นกันเหมือนกันเสื้อผ้าค่ะ

index

แต่ถ้าไม่พบว่ามีคนใกล้ตัวคนใดที่ขัดสน คุณอาจมองหาองค์กรการกุศลที่คุณอยากร่วมบริจาคเสื้อผ้าให้ก็ได้ค่ะ ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตสามารถทำให้คุณเข้าถึงข้อมูลขององค์กรการกุศลต่างๆได้อย่างง่ายดาย ส่วนการจัดส่งก็แล้วแต่ความสะดวกของคุณว่าจะเลือกเดินทางไปด้วยตนเอง หรือจะเลือกจัดส่งทางไปรษณีย์ ในปัจจุบันมีบางองค์กรที่อำนวยความสะดวกให้เราโดยจะเข้ามารับสิ่งของที่เราบริจาคถึงบ้านเรา อย่างเช่น มูลนิธิกระจกเงา

ขอยกตัวอย่างบางองค์กรที่ดิฉันเคยร่วมบริจาค ซึ่งองค์กรเหล่านี้เป็นองค์กรเพื่อสังคม โดยคุณสามารถเลือกบริจาคได้ทั้งเงิน เสื้อผ้า หนังสือ ข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ ตามแต่ที่องค์กรต้องการและความสะดวกของตัวผู้บริจาคค่ะ

มูลนิธิกระจกเงา – ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส
มูลนิธิพิทักษ์สิทธิเด็ก – ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส
ศูนย์เอดส์บ้านรวมน้ำใจ วัดป่าศรีมงคล (วัดโคกร้าง) – ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์
มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา – ช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชยากไร้
โรงพยาบาลสงฆ์ กรมการแพทย์ – ช่วยเหลือพระสงฆ์ที่อาพาธ

องค์กรที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างที่ขอยกให้เห็นเท่านั้น ในเมืองไทยยังมีองค์กรการกุศลเพื่อสังคมอีกมากมายหลายร้อยองค์กรกระจายอยู่ทั่วประเทศ ขอเพียงแค่ใจเราตระหนักในคุณค่าของคำว่า เสียสละ และเริ่มลงมือแบ่งปัน เราก็สามารถเลือกหาสถานที่รับบริจาคสิ่งของตามความสะดวกของเราได้ โดยไม่ต้องรอให้มีจนล้นก่อนแล้วค่อยคิดแบ่งปัน การเป็นผู้ให้เป็นได้ตลอดเวลา อยู่ที่ตัวเราเท่านั้น

เมื่อคุณทำทานไม่ว่าจะเป็นเงิน เสื้อผ้า หรือของใช้ต่างๆ แม้เพียงสิ่งเล็กน้อย แต่หากคุณทำมันด้วยความเต็มใจแล้ว ก็ถือว่าคุณได้รับบุญจากการทำทานเหมือนกัน เพราะการทำทานเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ซึ่งในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ก็ได้กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของการให้ ไว้ดังนี้

[๑๓๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
บุคคลให้อาหารชื่อว่าให้กำลัง ให้ผ้าชื่อว่าให้วรรณะ ให้ยาน
พาหนะชื่อว่าให้ความสุข ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุและ
ผู้ที่ให้ที่พักพาอาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนผู้ที่พร่ำสอน
ธรรมชื่อว่าให้อมฤตธรรม ฯ


นอกจากนี้การทำทานจะเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณค่อยๆคลายความตระหนี่ถี่เหนียว ลดความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆลงได้ ทั้งยังมีความสุขจากการเป็นผู้ให้ และผลพลอยได้ที่คุณจะได้รับอีกข้อก็คือ บ้านหรือห้องของคุณจะไม่รกไปด้วยข้าวของมากมายอย่างแต่ก่อน เพราะคุณได้แบ่งปันของที่คุณไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันให้แปรเปลี่ยนเป็นของขวัญชิ้นใหม่ที่เป็นประโยชน์สำหรับใครอีกหลายๆคนก็เป็นได้