Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๑๘๒

MY HERO

กล้วยไม้ ปลายสีน้ำพู่กัน

short story182

ตีสี่คือเวลาเริ่มต้นยามเช้าของสมหมาย เมื่อทำกิจธุระหลังจากตื่นนอนเสร็จเรียบร้อย เขาก็เริ่มเข้าครัวเพื่อทำอาหาร โดยจะแบ่งออกเป็นสามส่วน

“หมายเอ๊ย! ตื่นแล้วหรือลูก” เสียงแม่เฒ่าวัยหกสิบเศษตะโกนถามเมื่อได้ยินเสียงดังกุกกักมาจากห้องครัวที่แยกส่วนมาจากนอกตัวบ้านไม้สองชั้น โดยรอบๆ ตัวบ้านมีต้นไม้มากมายที่เขาเป็นผู้สรรหามาปลูก

“จ้ะแม่... แม่จะเอาอะไรจ๊ะ” สมหมายยกหม้อข้าวต้มขึ้นจากเตาถ่านที่ไฟกำลังโหมแรง แล้วหยิบกระทะที่เตรียมอยู่ก่อนแล้วมาถือไว้ในมือ ก่อนจะหันไปหยิบตะหลิวมาถือด้วยมืออีกข้างอย่างคล่องแคล่ว

“เปล่าหรอก... แม่ก็แค่กลัวว่าโจรจะเข้ามา... เมื่อวันก่อนบ้านยายแตงโดนขโมยขึ้นบ้าน” แม่เฒ่าเดินออกจากตัวบ้านเพื่อเข้ามาหาบุตรชายในครัว

สมหมายหยิบน้ำมันพืชเทใส่ลงไปในกระทะที่ตอนนี้อุณหภูมิกำลังได้ที่ พร้อมกับวาดตะหลิวไปมาเพื่อเกลี่ยน้ำมันให้ทั่วพื้นที่กระทะใบย่อม

“วันนี้ทำอะไรล่ะ” แม่เฒ่าถามพร้อมกับมองวัตถุดิบที่วางอยู่บนโต๊ะไม้

“ข้าวต้มจ้ะแม่...” กำลังจะบอกว่ามีกับข้าวอะไรต่อ แต่เพราะน้ำมันที่เริ่มร้อนระอุ หากเขาเทไข่ที่ตีและปรุงรสไว้ดีแล้วลงไปช้า จากไข่เจียวธรรมดาที่แสนอร่อย อาจกลายเป็นไข่ไหม้ที่ไม่น่าพิสมัยก็ได้

“วันก่อนยายแตงมาเล่าให้ฟัง โจรเข้าบ้านเขาตั้งแต่เช้ามืด ขโมยไก่กับไข่ในเล้าไปหมดเลย” แม่เฒ่าเล่าต่อเรื่อยๆ โดยที่ผู้เป็นลูกยังคงทำหน้าที่พ่อครัวต่อไป

“แล้วยายแตงไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมแม่” หันไปหยิบจานที่วางเตรียมไว้มาตักไข่เจียวที่เหลืองฟูน่ากินขึ้นมาใส่พักไว้ พร้อมกับหยิบผักบุ้งที่ใส่เครื่องปรุงไว้เรียบร้อยมาถือในมือ

“ไม่หรอก... ยายแตงตะโกนโหวกเหวกจนพวกโจรตกใจกลัวเลยรีบหนีไป แต่ก็นั่นล่ะ ไก่กับไข่หมดเล้าเลย” แม่เฒ่าพูดเสร็จก็เดินถอยหลังหลบ เมื่อรู้ว่าเมนูต่อไปจะเป็นอะไร

“แม่หลบไปอีกจ๊ะ... ไฟมันแรง” สมหมายเทน้ำมันลงไปเพิ่ม ก่อนจะตามด้วยชามผักบุ้ง ไฟลุกโพลงขึ้นมาก่อนที่มือแข็งแรงจะรีบผัดอีกไม่กี่ที พอไฟในกระทะสงบเขาก็คว้าจานมาตักผักบุ้งที่กำลังสุกกรอบพอดีขึ้นใส่จาน

“คนสมัยนี้ก็แปลกนะแม่... สองมือสองเท้าก็ดี ไม่ยักไปทำมาหากินอาชีพที่สุจริต”

“ก็นั่นน่ะสิ ทำคนอื่นเดือดร้อนกันไปหมด” แม่เฒ่าเองก็เห็นด้วยกับบุตรชาย เขาหันมาหยิบชามหมูสับที่เตรียมไว้บนโต๊ะไม้มาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตาแทน

“นั่นเอ็งจะทำอะไรอีกล่ะ” แม่เฒ่าชอบเดินมาดูเวลาเขาทำกับข้าวยามเช้า ทั้งเพลินตาและได้สนทนาไปด้วยในตัว

“หมูสับผัดซีอิ๊วจ้ะแม่” สมหมายตอบพร้อมกับเดินไปล้างกระทะที่ซิ้งค์น้ำ แม่เฒ่ามองตามไป

“ทำอะไรเยอะแยะ อยู่กันแค่สองสามคน กินแค่นี้ก็พอ” นางบ่นไปตามประสา สมหมายยิ้มยิงฟันขาว 32 ซี่ที่เรียงกันเป็นระเบียบให้นาง

“ไม่เยอะหรอกแม่ ใส่บาตร ถวายพระด้วย แล้วอีกอย่างหนูก็กินจุนะ” แม่เฒ่าหัวเราะร่วนออกมา

“งั้นแม่ไปอาบน้ำรอใส่บาตรก่อนนะ” นางบอกเขาก่อนจะเคลื่อนตัวออกไป ปล่อยให้ลูกชายทำกับข้าวต่อไป...

แม่เฒ่ากับพ่อเฒ่าเดินตรงไปยังหน้าประตูรั้วหลังจากถวายข้าวพระพุทธเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองหยุดยืนตรงโต๊ะตัวเล็กที่ตั้งอยู่ ด้านบนโต๊ะเป็นถาดใส่อาหาร 3 ชุด มีข้าวต้ม ไข่เจียว ผัดผักบุ้ง และหมูผัดซีอิ๊ว น้ำเปล่า ดอกบัวและชุดธูป-เทียน ที่สมหมายเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย

“หลวงพ่อมาแล้วจ้ะ” เขาหันมาบอกบุพการี ก่อนจะยกมือขึ้นพนมเพื่อนิมนต์ท่านให้รับบาตร...

หลังทานอาหารเช้ากับพ่อเฒ่าและแม่เฒ่าเสร็จ สมหมายก็เดินเข้าห้องพระเพื่อนั่งสมาธิและสวดมนต์บทบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ เสร็จแล้วเขาก็นั่งสมาธิอีกรอบก่อนจะตั้งจิตอธิษฐานเพื่อแผ่เมตตา

ใบหน้าอิ่มเอิบของเขามองนิ่งไปยังพระพุทธรูปปางสมาธิที่เป็นพระประธาน

เมื่อก่อนถ้าใครถามถึงฮีโร่ในใจของเขา เด็กชายสมหมายก็จะตอบเหมือนเด็กทั่วๆ ไป แต่ที่พิลึกสุดคงจะเป็น โดราเอม่อนล่ะมั้ง...

“หมายไปวัดกับแม่ได้ไหม” แม่เฒ่าถามวันหนึ่ง สมหมายทำท่ารำคาญ แม้จะอิดออดในตอนแรกแต่สุดท้ายเขาก็ยอมไปจนได้

“รู้ว่าน่าเบื่ออย่างนี้หนูไปตีไก่ ตกปลากับพวกไอ้แต้มดีกว่า” สมหมายบ่นอุบระหว่างนั่งทุบขาไปมาเพราะเมื่อยขบหลังจากนั่งพับเพียบอยู่นาน

“ไอ้หมาย!” แม่เฒ่าทำหน้าดุใส่บุตรชายที่พูดขึ้นมาอย่างไม่สำรวม สายตาหลายคู่เริ่มหันมามองยังเขา

“เบื่อมากไหมล่ะ” หลวงตามองมายังเขาด้วยสายตาที่เมตตา พร้อมถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

“เบื่อมากเลยจ้ะหลวงตา... เมื่อยก็เมื่อยเนี่ย ไม่เห็นสนุกเลย” หลวงตายิ้มให้เขา

“แล้วเวลาเอ็งไปตีไก่ ตกปลา สนุกมากไหม” หลวงตาถามต่อ สมหมายพยักหน้าพร้อมแววตาที่สุกใสมีชีวิตชีวาขึ้นทันที

“พอเอ็งเล่นเสร็จ เอ็งเบื่ออีกไหม”

“เบื่อสิจ๊ะ... ไม่มีอะไรทำก็น่าเบื่อ หรือทำอะไรที่ไม่ชอบก็น่าเบื่อเหมือนกันจ้ะ” พูดพร้อมทำหน้าประกอบ หลวงตายิ้มให้เขา

“แล้วไอ้ความสุขที่เอ็งชอบน่ะ... มันอยู่กับเอ็งนานไหม” สมหมายทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบท่าน

“มันก็มาๆ ไปๆ นะจ๊ะหลวงตา”

“แล้วขาเอ็งล่ะ... หายเมื่อยหรือยัง” สมหมายหยุดมือที่บีบนวดขา และเริ่มสังเกตว่าตอนนี้อาการเหล่านั้นของเขาได้มลายหายไปเกือบหมดแล้

“หายแล้วจ้ะ... แต่เมื่อกี้เหน็บกินจนชาไปหมดเลย” เขาตอบตามอาการที่เกิดขึ้น

“สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเอ็ง มันมีอะไรคงอยู่กับเอ็งไปตลอดบ้างไหม” เหมือนจุดประกายในใจของสมหมายให้เจิดจ้าขึ้น เขานิ่งคิดตามที่หลวงตาพูด...

มีครั้งหนึ่งในวันครบรอบวันเกิด 30 ปีของเขา ชายหนุ่มเคยหยอกเอินบิดามารดาว่า

“พ่อจ๋า แม่จ๋า พ่อกับแม่เป็นฮีโร่ในใจหนูเลยนะ” เขาก้มลงกราบแทบเท้าบิดามารดา ผู้เฒ่าทั้งสองหันมายิ้มให้กัน ก่อนที่แม่เฒ่าจะลูบหัวบุตรชายและจับไหล่ของเขาให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ

“แต่ฮีโร่ของพ่อกับแม่คือ... พระพุทธเจ้านะลูก” แม่เฒ่าพูดยิ้มๆ พร้อมกับหันไปยกมือไหว้รูปพระกรอบใหญ่สีทองที่อยู่ตรงฝาบ้าน

พระองค์ทรงได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เหนือมวลมนุษย์ เทวดาและพรหมทั้งหลาย... และทรงทำให้คนที่เคยเกเรอย่างเขาเข้าใจว่า...

เราเกิดมาควรทำอะไรเพื่อไม่ให้เสียชาติเกิด

ถ้ามาถามเขาตอนนี้ว่าฮีโร่ในใจเขาคือใคร สมหมายไม่ลังเลเลยที่จะตอบว่า ฮีโร่ของเขาคือ..

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง