Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๗๔

เรื่องของลุง

ธีระวัฒน์ อนันตวรสกุล?

เมตต์ทำงานเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนตึกสูง คงเหมือนสำนักงานทั่วไป ที่สำนักงานของเขานั้นมีมุมกาแฟอยู่ด้วย โดยจัดอยู่ที่มุมสงบมุมหนึ่ง มุมมองที่มี หน้าต่างกระจกใสเปิดให้เห็นทิวทัศน์ด้านนอกของเมืองใหญ่ ภาพที่เห็นจนเจนตา คือ ผู้คนขวักไขว่วุ่นวายอยู่ด้านล่าง ท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่น?

หลายปีมาแล้วที่เมตต์มองเห็นที่ดินแปลงหนึ่ง เนื้อไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ไร่ เป็นที่รกร้างไร้คนอาศัย ท่ามกลางโครงการตึกสูงที่ขึ้นขนาบอยู่รอบที่ ราคาประเมินที่ดินตรงนั้น ตารางวาละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท แน่นอน คิดเป็นมูลค่าที่ดินคง ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ?

?ใครกันหนอเป็นเจ้าของที่แปลงนี้? เมตต์คิดในใจขณะที่มองดูที่ดินแปลงสวย ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ท่ามกลางป่าคอนกรีตที่แน่นทึบ?

เมตต์คิดว่ เจ้าของคงจะรวยน่าดู คงมีความสุขและมีชีวิตอย่างสุขสบาย ถ้าขายมันออกไป หรือที่เขาไม่ขาย เพราะ เขาอาจเป็นเศรษฐี 1000 ล้านอยู่แล้ว ไม่ขายก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน คนรวย คงมีความสุข เกิดเป็นลูกเป็นหลานเขาก็คงดี สินทรัพย์ขนาดนี้ ต่อให้แบ่งกัน 10 คน ก็คงเป็นเงินหลายสิบล้าน ใช้อย่างสบายๆ ทั้งชาติก็ไม่หมดแล้ว ได้แต่ฝันว่า ถ้าตนเองเป็นลูกหลานเจ้าของที่ผู้ร่ำรวยแปลงนั้นก็คงจะดี แต่ก็เถอะ ในโลกความเป็นจริง เขาคงไม่มีโอกาสได้แม้แต่จะแค่เพียงพูดคุยกับเจ้าของที่ดินแปลงนั้น แล้วเมตต์ก็ต้องไปทำงานต่อ เมื่อกาแฟหมดถ้วย ?
???????????????????????????...................................?

วันเสาร์เมตต์ ยังต้องไปทำงานครึ่งวัน ตกบ่ายเขาจึงไปรอรับน้องสาวคนสุดท้องที่ไปเรียนพิเศษในย่านที่มีสถาบันกวดวิชาหนาแน่น ได้แต่สงสารน้องสาวเพราะตนเองก็เคยผ่านประสบการณ์เอนทรานซ์มาก่อน สมัยนี้แข่งขันกันสูง ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ซับซ้อนวุ่นวายขึ้นมาก จนเขาก็ไม่อยากจะทำความเข้าใจแล้ว ยิ่งทำความเข้าใจยิ่งเครียด โลกสมัยใหม่บูชาวัตถุ แก่งแย่งแข่งขัน วุ่นวาย ?

หลายเสาร์แล้ว ที่เมตต์ มารอรับน้องโดยเขาจะนั่งที่ร้านกาแฟ โต๊ะด้านนอกตัวสุดท้าย ที่ติดกับศาลพระภูมิใหญ่ ของ ย่านการค้าชื่อดังที่มีสถาบันกวดวิชา ตลอดจนร้านขายเสื้อผ้ามากมาย เมื่อนั่งหลายเสาร์เข้า เมตต์ก็คุ้นเคยกับ คนแก่คนหนึ่งที่คล้ายๆ กับ เป็นคนดูแลปัดกวาดศาลพระภูมิให้เรียบร้อย แต่ดูๆไป ก็ไม่เห็นแกจะขายธูปขายเทียนดอกไม้ อย่างไรเลย แกก็คงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนคอยดูแลความเรียบร้อย กว่าน้องจะเลิกเรียนพิเศษตั้ง หลายชั่วโมง เมตต์จึงมีเวลาว่างที่จะเอางานมานั่งทำรอ แต่เสาร์หนึ่ง เมตต์นั่งรอเฉยๆ จนได้ คุยกับ คนแก่ดูแลศาลพระภูมิคนนั้น ?

?ผมเห็นลุงนั่งเฝ้าศาลมาหลายเสาร์แล้ว ทานอะไรสักหน่อยไหมครับ ถ้าไม่รังเกียจผมเลี้ยงเอง? เมตต์พูดเปิดประเด็น หลังจากที่ ยิ้มให้คนแก่ และทักทายกันได้สักพัก เมตต์สงสารคนแก่คนนี้จนสะเทือนใจ แกดูเศร้าๆ และดูเดียวดาย?

?คุณนี่ รักน้องดีนะ เห็นมารอทุกเสาร์เลย วันนี้ไม่เอางานมานั่งทำเหรอ? ลุง คนดูแลศาลพระภูมิถาม ?

?ครับ ก็พี่น้องกันก็ต้องรักกันสิครับ เกิดมาเป็นพี่น้องกันทั้งที คงต้องมีกรรมร่วมผูกพันกันมา??

?แต่ พวกลูกๆ ผมไม่ค่อยรักกันเลย ตีกันประจำ ผมคงมีกรรม? ลุงพูดอย่างเศร้าๆ ?

พอหลายเสาร์เข้า เมตต์ก็รู้เรื่อง ลุงมากขึ้น ลุงไม่ได้เป็นคนจีนอย่างที่เมตต์คิด แต่ เป็นทหารญี่ปุ่นที่เข้ามารบเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง อยู่หน่วยซ่อมบำรุงรถไฟที่มักกะสัน ตอนนั้นมักกะสันเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหญ่อีกแห่งหนึ่ง พอญี่ปุ่นแพ้สงคราม ลุงก็หนีเข้าป่าปลอมตัวปนกับคนงานจีนอยู่ในแผ่นดินไทยเสียเลย จนได้แต่งงานกับคนไทย โอนสัญชาติเป็นคนไทยเรียบร้อย ลุงบอกว่า ลุงแอบสวมชื่อเพื่อนชาวจีนคนหนึ่ง ที่ตายจากไข้ป่า ในช่วงที่หนีเข้าป่า แล้วไปขึ้นทะเบียนคนต่างด้าวในภายหลัง จึงไม่ถูกส่งกลับญี่ปุ่นหลังปลดอาวุธ ลุงใจดีกับคนงานจีนที่มารับจ้างในกองทัพ เมื่อถึงคราวอับจน คนงานจีนที่เคยเป็นลูกจ้างกองทัพญี่ปุ่นเหล่านั้น จึงให้ความช่วยเหลือ หลบหนีเป็นอย่างดี ?

?ถ้าไม่หนีเข้าป่า คงโดนจับเข้าค่ายกักกันทหารญี่ปุ่นที่บางบัวทองน่ะ ทหารบางคนทำไม่ดีไว้มาก เลยถูกมองว่าไม่ดี ผมไม่ชอบสงครามเลย ทำไมเราต้องมารบกันด้วย คนด้วยกันทั้งนั้น เงิน อำนาจ สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นของใครยั่งยืน??

แกเล่าให้ฟังว่า พอออกจากป่า ก็มาปลูกผัก อยู่ในกรุงเทพ นี่แหละ ?

?ตรงไหนครับ นึกไม่ออก? เมตต์ถาม เขานึกถึง หนองจอกมีนบุรี หากนึกถึงที่ปลูกผักในกรุงเทพ ?

?ช่วง 2590 ตรงที่ผมนั่งคุยกับคุณ ตรงนี้ ยังเป็นชานเมืองห่างไกล ผมเช่าที่เขา ปลูกผัก อยู่แถวๆนี้แหละ??

จบคำลุง เมตต์มองไปยัง ย่านการค้าที่ทันสมัยเบื้องหน้า และตกใจ ?

?ย่านนี้นะหรือลุง ที่ลุงมาปลูกผัก?เมตต์ถาม ?

?ใช่ พอทำงานเก็บเงินได้ ก็ไปซื้อที่นอกเมือง แต่ตอนนี้ ผมไม่ทำแล้ว ลูกหลานไม่ค่อยรักกัน เบื่อ ก็เลยมานั่งแถวนี้ ไม่มีใครมาจ้างหรอก ผมคิดถึงความหลัง นึกถึงเมื่อ 60 ปีที่แล้วนะ? ลุงตอบ?

เมตต์คิดในใจ นอกเมือง คงไกลมากเลย ไม่งั้นลุงคงขายที่อยู่สบายๆ แล้ว หรือ ขายกินหมดแล้วกระมัง ?

?แล้ว ลุงแล้งลุงไปนอนที่ไหนละครับ? เมตต์ถาม?

?ผมโชคดี มีเพื่อนเป็นคนจีน ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยสงครามโลก เขารวย มีบ้านหลายหลัง มีบ้านที่หนึ่งไม่ไกลจากตรงนี้นัก ก็ไปอาศัยนอนบ้านเขาแหละ เพื่อนผมเขามีร้านขายของเก่า ซื้อเครื่องจักรเก่าจากญี่ปุ่นมาขาย เพื่อนผมคนนี้เขามีหัวทางการค้า ผมก็ไปช่วยงานเขาบ้างในช่วงแรกๆ สมัยแถวนี้ยังเป็นสวนผัก ก็ภาษาผมนี่น่า เขาแบ่งกำไรให้ดีเหมือนกัน เพื่อนผมคนนี้เขาส่งลูกไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้เลยนะ ตอนนี้เลยไม่ต้องช่วยแล้ว??

?ลุงอยู่หน่วยทหารช่าง น่าจะทำบ้าง ทำไม มาปลูกผัก? เมตต์เอ่ยถาม?

?ผมคิดว่า ปลูกผัก แล้วสบายใจ อยู่กับธรรมชาติ ไม่ต้องแก่งแย่ง จริงอยู่อาจไม่รวยเท่าขายอะไหล่เก่า แต่เราก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ชอบสิ ผมชอบธรรมชาติ ชอบตั้งแต่ก่อนถูกเกณฑ์มารบ ที่มาอยู่หน่วยช่าง เพราะที่บ้านมีร้านซ่อมเครื่องจักร พวก เครื่องสูบน้ำ ปู่ของผม แกก็ปลูกผักที่ญี่ปุ่น??

?พอสงครามเลิก ก็เริ่มชีวิตใหม่ ปลูกผักบ้าง เมียผมที่เป็นคนไทย เป็นคนปลูกผัก??

เจอกันทุกเสาร์ มีเรื่องคุยมากมายจนรู้สึกสนิทกัน ส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่อง กรุงเทพในอดีต ?

เมตต์พูดในวันหนึ่ง ?ลุงน่าจะรับสอนภาษาญี่ปุ่นนะ น่าจะได้เงินดีกว่านั่งเฉยๆ แบบนี้??

?แก่แล้ว ตามัว มองไม่ชัด ขอนั่งสบายๆ แบบนี้ดีกว่า? ?

?ไม่คิดกลับญี่ปุ่นบ้างเหรอครับ? เมตต์ถามขึ้นในวันหนึ่ง ?

?ก็เคยคิด แต่ครอบครัวผม ตายทั้งบ้าน เพราะ เมืองนางาซากิ ถูกทิ้งระเบิด น้องชายคนเล็กที่ยังเด็ก ต้องเป็นมะเร็งจากกัมมันตรังสี และตายในเวลาต่อมา ผมไม่อยากกลับไปแล้ว เลยอยู่ที่นี่ตั้งแต่นั้นมา? ลุงตอบ?

วันหนึ่ง ระหว่างคุยกันตามปกติ ลุงก็พูดขึ้นมาว่า ?

?60 ปีผ่านไปตรงนี้ กลายเป็นเมืองไปแล้ว ศาลพระภูมิที่นี่ ผมเห็นตั้งแต่อยู่ชายสวน เป็นศาลเพียงตาเล็กๆ ต้นไทรหลังศาลหายไปแล้ว แต่ต้นโพธิ์ใหญ่ กลางทุ่งยังอยู่ตรงนั้น? ลุงแกชี้ให้มองไปที่ต้นโพธิ์ใหญ่ ที่ปัจจุบัน อยู่ในเขตรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มันไม่ถูกโค่น?

?ลุงอายุเท่าไร แล้วครับ??

ตอนสงครามโลกเลิกปี 2488 ผมอายุ 24 ปีนี้ 2552 ผมก็ 88 นะ? ลุงตอบ?

?88 ยังเดินได้ขนาดนี้ แข็งแรงจัง ดูไม่หลงลืมเลย? เมตต์เอ่ยชม?

?บางทีอะไรๆ ในชีวิตผม อาจทำให้ผมลืมไม่ลง เลยไม่หลงลืม? ลุงตอบ ดูสีหน้าเศร้าๆ ?

?แข็งแรง แบบนี้ 100 ปี ก็อยู่ได้? เมตต์บอก ?

?ไม่หรอก ถ้าผมเลือกได้ ผมอยากตายตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว ให้มันแล้วๆ ไป? ?

ในวันสุดท้าย ที่ เมตต์เจอลุง ลุงพูดขึ้นมาว่า?

?เห็นเด็กๆ มาเรียนพิเศษ สงสารเด็ก ต้องชิงดีชิงเด่นกันทั้งนั้น? ลุงพูด พลางมองกองทัพเด็กจำนวนมหาศาลที่พรั่งพรูออกมาจากสถาบันกวดวิชา หอบหิ้วตำรับตำราต่างอาวุธโลกไม่เคยเปลี่ยน มีการแข่งขัน กันมาทุกยุคสมัย ต่างกันเพียงวิธีการ แต่หลักใหญ่ ก็คือ ความประสงค์ที่จะอยากเด่นอยากดีกว่าคนอื่น ขับเคลื่อนกลไกการแข่งขันไปเรื่อย ไม่มีหยุด?

?คนเราทุกสมัย นับถือกันที่เงินที่อำนาจนะ อยากยิ่งใหญ่ จนไม่คิดว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร??

?ครับ มีเงินมากก็ซื้อความสุขใส่ตัวได้มาก? เมตต์แสดงความเห็น?

?ไม่จริงหรอก มีเงินมาก อาจไม่มีความสุขก็ได้ ถ้ามีแล้วไม่รู้จักพอ เงินยิ่งมียิ่งอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนอำนาจแหละ ถ้าคุมไม่มีความเดือดร้อนก็กระจายไปทั่ว สงครามนี้ก็ใช่นะ? ลุงตอบอย่างคนที่เห็นโลกมานาน?
?????...................................................................................?

หน้าฝนแล้ว เปิดเทอมใหม่ น้องสาวของเมตต์สอบเขาเรียน ในมหาวิทยาลัยชานเมืองได้แล้ว เมตต์โล่งใจไปอีกขั้น ที่น้องสาวผ่านบททดสอบของสังคมที่แก่งแย่งชิงดี นี้ไปอีกด่านหนึ่ง จิบกาแฟยามเช้า มองความเปลี่ยนแปลง ที่ดิน 10 ไร่ แปลงนั้นกำลัง ถูกปรับเตรียมหน้าดิน เพื่อเตรียมขึ้นโครงการขนาดใหญ่ ?

ในที่สุดเจ้าของก็ยอมขายแล้ว หลังจากที่เมตต์ มองที่แปลงนั้นมาหลายปี ต่อไปเขาคงไม่มีจุดพักสายตาสีเขียวๆ ตรงนั้นอีก ?

น้องเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เมตต์เลยไม่ได้ไปคุยกับ ลุงทุกเสาร์อีก แต่ ความผูกพัน ก็ทำให้เมตต์คิดแวะเวียนไปหาลุงอีก แต่ลุงก็หายไปเสียแล้ว ศาลพระภูมิจึงถูกละเลย ซองธูปถูกยัดไว้เต็มกล่องไม่มีใครเอาไปทิ้ง คนที่มาไหว้บนบาน เมื่อเสร็จกิจการบนบานร้องขอของตนเอง ก็มักจะทิ้งเศษซากสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ เช่น ซองธูป ถุงพลาสติกใส่พวงมาลัย ไว้ตามซอกมุมต่างๆ ?

เมตต์ถามคนแถวนั้นดู หลายคนก็ไม่มีใครรู้ นี่แหละเมืองใหญ่ ใครเป็นใครก็ไม่สนใจกัน ลุงคนเฝ้าศาลหายไปทั้งคนไม่มีใครรู้ ?

พอไม่ได้เจอลุงตรงนั้น เมตต์ก็รู้สึกอ้างว้างอย่างประหลาด แม้ว่า เด็กชายหญิงนับร้อยนับพัน กำลังวุ่นวายกับการเรียนพิเศษ และจับจ่ายซื้อของ แล้วคนขับตุ๊กๆ คนหนึ่ง จอดรถ ไหว้ศาลพระภูมิ แล้วมาเก็บขยะไปทิ้ง เมตต์คิดว่า คนขับอาจรู้จักลุงอดีตทหารญี่ปุ่นคนนั้น และเขาก็คิดถูก?

?ลุงแกเสียไปแล้วหละครับ คืนหนึ่งก่อนเปิดเทอม ลุงแกฟุบหลบอยู่ที่โต๊ะข้างศาลพระภูมิ ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น แล้วแกก็ตายอยู่ตรงนั้นเอง ผมคิดถึงแก เลยมาช่วยเก็บศาล ธรรมดาตอนแกอยู่ แกจ้างผมรับส่งเกือบทุกวันเลย? คนขับตุ๊กๆ ตอบ?

?ไปส่งที่ไหน ก็ร้านอะไหล่ ย่านวงเวียน 22 นะครับ? คนขับตุ๊กๆ ตอบ?

เมตต์รู้ว่า คงเป็นบ้านเพื่อนคนจีนของแก เมตต์จึงว่าจ้าง ให้ คนขับไปส่งที่ร้านอะไหล่ย่านวงเวียน 22 ที่ร้าน มีแต่ลูกจ้างที่เป็นหัวหน้าคนงานเฝ้าร้านอยู่ ร้านอะไหล่ใหญ่กว่าที่คิด เพื่อนคนจีนแกไปซื้อหมู่บ้านหรูชานเมืองอยู่เสียแล้ว ที่นี่ ให้ลูกหลานจัดการ โดยมีหัวหน้า คนงานควบคุม พอเมตต์ถามถึงลุง จึงรู้ว่า ลุง เป็นเพื่อนรักกับเถ้าแก่ คบกันมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก?

?ได้ข่าว ว่า แกเสียแล้วเหรอ รู้ไหมว่า แกมีญาติอยู่ที่ไหนบ้าง? เมตต์ถาม?

?ผมว่า ญาติลุงเขาคงไม่คุยกับพี่หรอก พวกเขานะโคตรรวยเลย ไม่เหมือนลุง ง่ายๆ สบายๆ ใจดี? หัวหน้าคนงานตอบ?

?ที่ 10 ไร่ ที่ย่านสุขุมวิท ที่เพิ่งจะขายไปจนเป็นข่าวใหญ่นั่นนะ ที่ดินของลุงแกนะ พี่รู้ไหม? หัวหน้าคนงานตอบ?

? แต่แกบ่นไม่มีความสุขเลย ลูกหลานเอาแต่ทะเละกัน เรื่องที่ดินแปลงนั้น ที่ขายได้เพราะ ลุงตายนี่แหละ?ลูกๆหลานๆ ที่ยังเหลือเลยโชคดีเลย แต่นี่ก็ฮึ่มๆ กันว่า จะมีเรื่องกันอีกแล้ว ผมละเบื่อแทน พวกคนรวยๆ เนี่ย?คนงานตอบ ?

เมตต์คิดสังเวชใจ อนาถแท้ที่ เจ้าของที่ดินแปลงสวยที่เขามองมาหลายปี ที่คิดว่า น่าจะมีความสุขอย่างคนรวยกับต้องมาจบชีวิตตรงศาลพระภูมิกลางย่านการค้าอย่างไร้ลูกหลานมาดูใจ?

?10 ปีที่แล้ว ลูกชายแก 2 คน ถึงขั้นยิงกันตายเลยนะ ส่วนเมียแกก็เป็นบ้าและตายในที่สุด เพราะทำใจไม่ได้ที่ลูกฆ่ากันเอง เพราะ ทะเลาะกันเรื่องแบ่งสมบัตินี่แหละ ลุงแกเล่าให้ฟังว่า ซื้อตั้งแต่ ย่านนั้น ยังมีแต่ท้องนาขี่ควาย ห่างไกลเมือง ไม่คิดว่า จะแพงจนมีปัญหามากมายขนาดนี้? ?

คิดถึง แววตาเศร้าๆ ของลุงอดีตทหารช่าง แห่งกองทัพสมเด็จพระจักรพรรดิ์อันเกรียงไกรที่เกือบจะยึดได้ทั้งเอเชีย เสียงของลุง เหมือนจะก้องในหัว เมตต์อีกครั้ง ?

?ไม่จริงหรอก มีเงินมาก อาจไม่มีความสุขก็ได้ ถ้ามีแล้วไม่รู้จักพอ เงินยิ่งมียิ่งอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนอำนาจแหละ ถ้าคุมไม่ดีความเดือดร้อนก็กระจายไปทั่ว สงครามนี้ก็ใช่นะ?