Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๑๔๒

เหตุแห่งลาภของอากง

ธีระวัฒน์ อนันตวรสกุล

อากงถูกหวยรางวัลที่สี่เหรอ เพิ่งถูกหวยรางวัลที่ห้าไปเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วนี่นาบุ้งหลานชายของอากงเอ่ยกับอากงด้วยความประหลาดใจ ทั้งๆที่แกก็ไม่ได้เป็นคนซื้อฉลากกินแบ่งบ่อยนัก แต่สองคราวที่ถูกหนักๆนี้ มีคนเดินมายัดใส่มือแกเองทีเดียว บอกว่าช่วยซื้อหน่อย แกเป็นคนขี้สงสารเลยช่วยซื้อมาเกือบหมด เลขไม่สวยแถมเหมือนกันเป็นปึก แต่สุดท้ายก็ทำให้อากงถูกหวยตั้งหลายคู่

อากงของบุ้งเป็นคนจีนแก่ๆ ใจดี เคยเป็นเจ้าของร้านขายไม้ พูดจาเสียงดัง ยังแข็งแรงและความจำดีไม่หลงลืม ยังสามารถเดินทางด้วยรถเมล์ไปเก็บหนี้ที่ลูกค้าคนหนึ่งยังทยอยจ่าย หลังจากติดค่าไม้มาเป็นสิบปี ก่อนที่จะยกหนี้ที่เหลือให้เมื่อไม่นานนี้ บ้านของพ่อแม่ไม่ไกลจากบ้านอากง บุ้งเลยสนิทกับอากงมาก แม้ภายหลังเรียนจบไปทำงานต่างจังหวัด ก็ยังแวะมาหาอากงบ่อยๆ และแบ่งเงินเดือนให้อากงอาม่าใช้เดือนละ 4000 บาททุกเดือน

บุ้งเองเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเชื่อว่าการบูชาเครื่องรางของขลังจะนำโชคมาให้ จะสอบแต่ละทีก็ท่องคาถา รดน้ำมนต์ บนบานศาลกล่าว เรียกความเชื่อมั่นให้ตนเองเสมอๆ มันทำให้เขาเชื่อมั่นมากขึ้น เคยเสียเงินบูชาเครื่องรางมาสารพัด นับเป็นเงินแล้วคงเป็นหมื่นๆ

บุ้งเคยนึกแค้นเคืองกุมารทองที่มีคนให้มาฟรีๆ เพราะบุ้งคิดว่าเลี้ยงดูแลแล้วจะให้โชค บุ้งเลยเลี้ยงดูอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่องตามที่ศึกษาวิธีเลี้ยงมา แต่กุมารไม่เคยมาเข้าฝัน บอกโชคลาภเลยสักครั้งแม้เลี้ยงดูอย่างดี เซ่นด้วยขนม นมเปรี้ยว น้ำแดง ไม่เคยขาด บุ้งเลยยกให้อากง ให้ช่วยรับเลี้ยงดูแทนที เพราะหมดความเชื่อถือแล้ว อากงก็รับไปเลี้ยงดู การเลี้ยงดูของอากงก็ง่ายๆ บอกแค่ว่า อากุมางทองเอ้ย ลื้อหิวอาลาย ก็ปายหากิงเอาเอง ของในเยอะแยะบ้าน กิงได้ทุกหยั่ง

ไม่นานหลังจากรับเลี้ยงกุมารทอง อากงก็ถูกหวยอีก คราวนี้เป็นหวยใต้ดิน อากงเล่าให้ฟังว่า กุมารทองมาเข้าฝัน เป็นเด็กๆ มารำละครให้อากงดู แล้วก็ให้หวย ซึ่งอากงก็นำมาแทงหวยใต้ดิน และถูกอีก ธรรมดาแกก็ถูกหวยใต้ดินอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว ฝันบ้าง นึกบ้าง มีเรื่องแปลกๆ ช่วงที่แกต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ติดต่อธุรกิจบ่อยๆ เช่น เวลาไปพักตามโรงแรมในต่างจังหวัด ผีที่โรงแรมก็มาเข้าฝันให้หวย โรงแรมไหนผีดุ แกไปพักก็หลับสบายตลอด รู้สึกว่าอากงจะเป็นที่รักใคร่ของเทวดาผีสางนางไม้เป็นพิเศษ เงินพวกนี้แกจะเอาไปทำบุญทำทานจนหมด เพราะคิดว่าไม่ใช่เงินของแก บุ้งคิดว่า ถ้าอากงเก็บเงินพวกนี้ไว้ แกคงรวยกว่านี้มาก

บุ้งนึกในใจ กุมารทองนะกุมารทอง ทีเราเลี้ยงดูอย่างดีไม่มาให้หวย อากงเลี้ยงดูทิ้งๆ ขว้างๆ ดันไปให้หวย

ดวงอากงคงถูกกับผีจริงๆ ตอนช่วงไปทำงานต่างจังหวัดใหม่ๆ บุ้งไปอยู่บ้านพักแล้วเหมือนจะถูกผีอำบ่อยๆ อากงยังบอกวิธีอยู่กับผีว่า ให้เปิดวิทยุรายการสอนธรรมะ แล้วจุดธูปเชิญผีมาฟัง พอถึงวันพระก็ใส่บาตรให้ผีกิน ทำบุญอะไรก็แผ่เมตตาให้ผีด้วย พอทำตามก็รู้สึกว่าผีไม่มารบกวน แต่ก็ไม่เคยได้หวยจากผีแม้สักครั้ง

นอกจากนี้งานอดิเรกของอากงในวัยชราคือ การเล่นไพ่นกกระจอกและไพ่กระดาษสีสี่ กับบรรดาขาไพ่ของแก แกเล่นเพื่อเอาสนุกกับเพื่อนฝูงไม่ได้หวังทำกำไรอะไร แต่เพื่อนๆ แกอยากเล่นกินเงิน เลยทำให้แกได้เงินอยู่เรื่อย แกได้แกก็แจกเงิน ให้คนโน้นคนนี้อย่างสนุก หรือไม่ก็ทำบุญอย่างสนุกมือ เรียกได้ว่าพอออกจากบ่อน เด็กๆ แถวๆ บ่อนได้กินขนมหรือรับแจกเงินแน่นอน ขนาดรถเข็นขายไอติมขายไม่หมด ยังมาดักแกหน้าบ่อน เพราะรู้ว่าส่วนใหญ่แกได้ไพ่ และจะเหมาแจกเด็กๆ

บุ้งมานั่งวิเคราะห์ เหตุแห่งลาภของอากง เท่าที่รู้ อากงแขวนพระกรุองค์หนึ่ง ต้องเป็นพระองค์นี้แน่ๆ ที่บันดาลโชคลาภมาให้อากงไม่เคยขาด พอแขวนแล้ว คุณอำนาจของพระเลยดึงดูดให้กุมารทอง ภูตผีปีศาจ นำลาภมาให้เนืองๆ

วันหนึ่งบุ้งรวบรวมความกล้าในฐานะหลานชายคนโปรด เอ่ยปากขอพระเครื่ององค์นั้นจากแก ซึ่งแกก็ปลดจากคอให้ทันทีพร้อมกรอบเลี่ยมทอง จะเรียกว่าหลอกเอาพระจากคนแก่ที่อาจจะหลงลืมแล้วก็ไม่ได้ อากงในวัยประมาณแปดสิบยังมีความจำที่ดีเยี่ยม ก่อนที่จะยื่นให้อากงเอ่ยเงือนไข

อาบุ้ง อั๊วยกให้ลื้อก็ล่าย แต่ลื้อต้องถือศีงห้าตลอดเข้าพังษา ตกลงไหมอากงพูดพลางแกะพระออกจากตะขอ แขวนพระแล้วจะได้จำได้ว่าต้องถือศีง ถือศีงแล้วจะล่ายม่ายเดือดร้อง พระจะช่วยคงมีศีงเท่านั้ง

ครับ อากงบุ้งรับคำ คิดแต่จะแขวนพระแล้วจะได้มีโชคลาภ เครื่องรางสารพัด หรือจะสู้พระที่มีประสบการณ์จริงที่บุ้งเห็นมาแล้วองค์นี้ ถือศีลห้า อดเหล้าสามเดือน แลกกับลาภมหาศาลคุ้มจะตาย

บุ้งอาราธนาพระองค์นั้นติดตัวไปทำงานที่โรงงาน นำไปอวดกับชมรมพระเครื่องในโรงงานอย่างภาคภูมิใจ เพราะเซียนหมงนักนิยมพระให้ความมั่นใจว่าแท้ชัวร์ และความสวยสมบูรณ์ขนาดนั้นน่าจะส่งประกวด ซึ่งราคาเช่าบูชาของพระองค์นั้นก็อยู่ในระดับที่สูงพอควร

เซียนหมงแซวว่า อากงใจดีจัง ให้เงินอากงใช้เดือนละสี่พันไม่กี่ปี ได้พระแพงๆ มาคล้องคอ

เซียนหมงทาบทามถามว่า สนใจจะปล่อยให้เช่าบูชาไหม จะจัดการส่งประกวดเรียกราคาให้ เอาแบบให้ได้ราคาดีที่สุด แต่บุ้งคิดว่าเรื่องอะไรจะขาย พระองค์นี้แหละที่จะทำให้เขามีโชคลาภแบบอากง แต่จนแล้วจนรอดบุ้งก็ไม่เห็นจะมีลาภอย่างที่หวัง แต่กลับกันแม้อากงจะไม่มีพระเครื่ององค์นี้ติดตัวแล้ว แต่แกก็ยังมีโชคลาภอยู่เนืองๆ

แค่คิดจะเลิกเหล้าสามเดือน ก็มีเรื่องมาทดลองความเข้มแข็งของจิตใจของเขาหลายครั้ง เขาปฏิเสธการรับเลี้ยงเหล้าฟรีหลายต่อหลายครั้ง ใจเขายังแน่วแน่ ขอรักษาคำมั่นที่ให้กับอากงว่า จะรักษาศีลเลิกเหล้าให้ครบสามเดือน ถ้าไม่มีลาภตามที่หวังจะปลดพระออกจากคอ แล้วเอาไปคืนอากง แล้วค่อยกินเหล้าก็ไม่เสียหาย

สามเดือนแห่งการเข้าพรรษา ผ่านพ้นไปแล้ว พันธะสัญญาเรื่องงดเหล้าถือศีลสามเดือนจบลง จ้องดูพระเครื่องอย่างเซ็งๆ คิดว่าเอาไปคืนอากงท่าจะดีกว่า แล้วก็คิดอีกว่า ทำไมหนอ พระท่านไม่เมตตาประทานลาภแบบที่ให้กับอากงอย่างไม่หยุดไม่หย่อนแก่เขาบ้าง

บุ้งไปที่บ้านเซียนหมงในเย็นวันนั้น ว่าจะไปบ่นเรื่องพระเครื่อง แต่ท่าทางพระจะดีเด่นให้คุณทางด้านดึงดูดงานให้เข้ามา แม้นอกเวลางานเสียมากกว่า เพราะภรรยาของเซียนหมงที่เป็นพยาบาล มีปัญหาอยากให้ช่วยสอนการใช้คำสั่งขั้นสูงๆ ของโปรแกรม Excel ซึ่งเป็นโปรแกรมหลักที่แผนกบุ้งเชี่ยวชาญ เพราะต้องใช้ทำงานด้านวางแผนการผลิต และบุ้งก็เชี่ยวชาญถึงขั้นเป็นวิทยากรสอนบุคคลากรในโรงงาน บุ้งเลยต้องสอนอย่างปฏิเสธไม่ได้ แถมยังต้องลงมือเขียนสูตรอัตโนมัติให้ด้วย ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง ได้ค่าจ้างเป็นผัดไทสองห่อที่เซียนหมงปั่นจักรยานไปซื้อมาเลี้ยง

หลังช่วยสอนเสร็จ บุ้งก็บ่นให้เซียนหมงฟังว่า แขวนพระแล้วไม่เห็นมีลาภเลย เซียนหมงบอกว่า พระองค์นี้ดีทางเมตตามหานิยม ดีทางด้านทำมาค้าขายและโชคลาภบางทีบุ้งอาจมีโชคทางอื่นที่ไม่ใช่หวยก็ได้

แล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งใหญ่ หลังจากบุ้งแคล้วคลาดจากความตายอย่างฉิวเฉียด

วันนั้นเป็นวันพฤหัสหลังออกพรรษาไม่นาน บุ้งมีนัดกินเหล้าฉลองกับเพื่อนที่จบมาด้วยกัน ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งเดินทางมาธุระแถวนั้นพอดี จึงคิดว่าจะฉลองใหญ่ ขนาดลางานวันศุกร์รุ่งขึ้นไว้ก่อนเลย แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้บุ้งต้องถอนตัวกะทันหัน เพราะบุ้งดันเจอโชคดีแบบไม่คาดฝันมาก่อน

ก่อนไปกินเหล้าฉลองวันนั้น บุ้งไปบริจาคโลหิตตามรอบรับบริจาคทุก 3 เดือนของโรงงาน อากงเป็นคนปลูกฝังว่า คนที่แข็งแรงต้องบริจาคเลือดเป็นประจำ ลึกๆ แล้วบุ้งภูมิใจในอากงของเขามากในด้านความใจดีและความเสียสละ และเขาก็ปฏิบัติมาเรื่อยๆ เว้นแต่วันไหนกินเหล้าก่อนวันบริจาคมาก รอบนั้นก็เป็นอันงดไป

หมอที่มารับบริจาคโลหิตในวันนั้นเป็นหมอที่สวยมาก บุ้งเคยตะลึงมาแล้ว เมื่อพบเธอครั้งแรกเมื่อครั้งไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล บริจาคเลือดมาก็ตั้งหลายหน หมอสุดสวยคนนี้ก็ไม่เคยมารับเลือดสักที บุ้งมองคุณหมอคนสวยตาไม่กระพริบ ขนาดไม่แต่งหน้ายังสวยบาดใจขนาดนี้

นึกถึงพระที่ห้อยคออยู่แล้วนึกในใจว่า หลวงพ่อ ช่วยให้ได้รู้จักหมอสุดสวยคนนี้สักครั้งเถิด

ไม่กี่อึดใจหลังอธิษฐาน โชคดีเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ขณะที่หมอตรวจร่างกายบุ้งอยู่นั้น พยาบาลที่เป็นภรรยาเซียนหมงคนที่บุ้งเคยช่วยเหลือด้าน Excel ก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อเห็นบุ้งก็กล่าวแนะนำกับหมอคนสวยคนนั้นว่า คุณหมอ นี่ไงคุณบุ้ง ที่ช่วยจัดการเรื่องเขียนสูตรในไฟล์เก็บข้อมูลบน Excel ” คุณหมอคนสวยยิ้มให้พร้อมกล่าวขอบคุณ รอยยิ้มนั้นขับความงามของหมอคนสวยให้สวยบาดใจยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า

ฝ่ายพี่พยาบาลก็เลยถามว่า คุณบุ้งว่างไหม เย็นนี้อยากจะให้ช่วยสอนคำสั่งเพิ่มเติมและอธิบาย ให้ฟังสักหน่อย คุณหมอเขาว่างพอดีจะได้ฟังด้วยกัน เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน

โอกาสรู้จักคนสวยๆ เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน บุ้งคิด เหล้านะกินเมื่อไรก็ได้ แต่โอกาสใกล้ชิดคนสวยขนาดนี้มีไม่บ่อย ยิ่งเป็นคนสวยที่เขาแอบมองอยู่ด้วยนี่ อาจจะเป็นครั้งเดียวในรอบหลายปี บุ้งตัดสินใจโทรไปแจ้งปฏิเสธเพื่อนๆ ไปในเกือบทันทีที่ออกจากห้องบริจาคเลือด

บุ้งกำพระและนึกว่าคงเป็นอำนาจของพระองค์นี้ ที่ดลให้เขามีโอกาสได้รู้จักกับคนสวยที่เขาแอบมองมานาน

ถ้าไม่มีพระองค์นั้น เขาคงไม่ไปบ้านเฮียหมง ไม่ได้ช่วยทำไฟล์ excel ไม่ได้รู้จักคุณหมอ เริ่มรู้สึกว่า พระได้ประทานสิ่งดีๆมาให้เขาเป็นรางวัล หลังจากทนอดเหล้ามา 3 เดือน พระเครื่องได้แสดงปาฏิหาริย์แล้ว ต่อไปลาภจะต้องหลั่งไหลมาเรื่อยๆ เป็นแน่แท้ ที่แท้การจะใช้พระองค์นี้ ผู้แขวนต้องถือศีลอดเหล้า 3 เดือนนี่เอง บุ้งคิดอย่างลิงโลด

บุ้งดีใจอยู่ได้หลายชั่วโมง ก่อนที่จะพบว่าคุณหมอเขามีแฟนแล้ว แถมแฟนยังหวงมากด้วย มานั่งเฝ้าตลอดเวลา พร้อมส่งสายตามองบุ้งอย่างไม่เป็นมิตร ทั้งตอนที่บุ้งไปช่วยทำไฟล์ข้อมูล Excel ให้ และตอนที่คุณหมอและคุณพยาบาลพาบุ้งไปเลี้ยงข้าว กว่าจะเสร็จธุระทั้งหมดก็ประมาณห้าทุ่ม คุณหมอคนสวยขอตัวกลับ เนื่องจากต้องไปอยู่เวรตอนเที่ยงคืน

รู้งี้ไปกินเหล้าฉลองออกพรรษากับเพื่อนๆ ดีกว่า นึกว่าพระจะช่วยประทานสาวสวยมาให้รู้จักเสียอีก

นั่งคิดทบทวนความรู้สึกที่เอือมระอาเมื่อช่วยงานครั้งแรกอย่างเสียไม่ได้ แล้วกลายเป็นความยินดีปรีดา ที่อยู่กับเขาเพียงชั่วเวลาไม่นาน แล้วบัดนี้กลายเป็นความผิดหวังที่สิ่งที่อยากให้เป็นไม่เป็นดั่งหวัง

ไม่ได้เปิดวิทยุรายการธรรมะยามดึกให้ผีเรือนฟังมาหลายวัน พอเปิดก็มีเสียงสาธยายธรรมที่โดนใจเขา ประมาณว่าโลกนี้อะไรบังคับอะไรไม่ได้เลย แม้ความรู้สึกใดๆ พอใจก็ดี ไม่พอในก็ดี ล้วนอยู่กับเราชั่วครู่ แล้วผ่านไป ไม่เข้าใจ พยายามไปบังคับมันตามที่ใจอยากให้เป็นจึงเป็นทุกข์มากขึ้น

ตีสองคืนนั้นเอง บุ้งสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่น รู้สึกว่าเพื่อนร่วมบ้านเช่าที่ไปกินเหล้ากลับมาและมาเรียกให้เปิดประตู ยังไม่ทันไปเปิด โทรศัพท์มือถือในโลกแห่งความจริงดังขึ้น ปลุกบุ้งตื่นขึ้นมารับ แล้วก็ตกใจสุดขีด เพราะบุ้งได้ทราบข่าวจากกลุ่มเพื่อนที่ไปกินเหล้าฉลองออกพรรษากันว่า เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันนั้นเสียชีวิตแล้ว เพราะเมาเหล้าจนขับรถไปชนท้ายสิบล้อที่จอดข้างทาง

บุ้งตกใจมาก เพราะทุกครั้งที่ไปกินเหล้ากัน บุ้งจะติดรถเพื่อนคนนี้กลับบ้านด้วยกันเสมอ เพราะเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน โดยบุ้งมักจะหลับตลอดทาง ซึ่งถ้าบุ้งไปด้วยก็คงต้องตายแน่นอน เพราะ หน้ารถยู่ยับไปทั้งแถบ

บุ้งกำพระเครื่องที่อากงให้ไว้แน่น คิดว่าเพราะพระองค์นี้ที่ช่วยบันดาลให้เขารอดตาย

บุ้งไปรับศพเพื่อนสนิทออกจากโรงพยาบาล นึกถึงความหลังทำให้นึกเศร้า วานนี้ยังกินข้าวมันไก่กันอยู่เลย ไม่นึกว่ามื้อนั้นจะเป็นมื้อสุดท้าย

นึกถึงเสียงสาธยายธรรมของวิทยุธรรมะที่เคยเปิดให้ผีเรือนฟัง ถึงความไม่แน่นอนของชีวิต แล้วก็สลดใจ

หมอคนสวยที่เพิ่งทำให้เขาฝันสลาย เป็นแพทย์เวรที่พยายามยื้อชีวิตเพื่อนจนสุดความสามารถแต่ก็ล้มเหลว เพราะอาการเพื่อนเพียบหนัก กะโหลกแตก ปอดฉีก ม้ามแตก ซี่โครงหัก

ถ้าเขาไม่พบหมอตอนบริจาคเลือดตอนบ่าย เขาอาจได้ตายคามือหมอแบบเพื่อนเขา คิดย้อนกลับไป ทุกปัจจัยเป็นองค์ประกอบที่ดูจะต่อเนื่องกันอย่างบังเอิญ ที่ทำให้เขารอดชีวิตอย่างฉิวเฉียด หรือพระองค์นี้จะส่งผลให้บุ้งทางด้านแคล้วคลาด

วันลางานที่เขาลาไว้ล่วงหน้า จึงกลายเป็นวันที่เขาวุ่นวาย ช่วยประสานงานส่งศพเพื่อนกลับภูมิลำเนา เขากลับไปบ้านพักเอาชุดเก่งที่เพื่อนชอบ ไปแต่งตัวให้ศพเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อนสนิทจากไปแล้วจริงๆ

บุ้งกำพระเครื่องที่อากงให้ไว้แน่นอีกครั้ง ด้วยคิดว่าเพราะพระองค์นี้ที่ช่วยบันดาลให้เขารอดตาย

หลังจากเสียเพื่อนสนิทไป บุ้งที่ไม่เคยมีความสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้มาก่อน ก็เริ่มพบเจอความฝันแปลกๆ บุ้งฝันเห็นเพื่อนที่ตายไปในสภาพสยดสยองหลายคืนติดต่อกัน ในฝันเพื่อนเขามาใกล้เขาไม่ได้ ซึ่งบุ้งเชื่อว่าเพราะเขาคล้องพระองค์นี้อยู่ อย่างไรก็ดีบุ้งเกิดความหวาดกลัว ถึงขั้นต้องย้ายบ้านเช่าหนี หนีไปอยู่ตามบ้านเพื่อนหลายคืน ก็ยังฝันเห็นเพื่อนที่ตายไปทุกคืน จนสุดท้าย ต้องไปอาศัยนอนกับเพื่อนพนักงานรุ่นพี่คนหนึ่งที่สำนักสงฆ์ไม่ไกลจากโรงงาน และนัดรวมพรรคพวกไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เพื่อนที่ตายไป การเสียเพื่อนสนิทไปทำให้บุ้งเกิดความคิดที่จะไม่กินเหล้าอีกสักระยะจนกว่า จะถึงปีใหม่ เริ่มคิดว่าถ้าเพื่อนไม่กินเหล้า เพื่อนคงไม่ตาย

พี่พนักงานที่บุ้งไปอยู่ด้วยเป็นคนปฏิบัติธรรม อาศัยอยู่ในกุฏิว่างในสำนักสงฆ์ พี่คนนี้ไม่อาศัยพระอยู่เปล่าๆ ช่วยบริจาคบำรุงสำนักสงฆ์ทุกเดือนและทำงานช่างให้สำนักสงฆ์อยู่เสมอๆ เย็นวันหนึ่งพี่เขาก็ชวนบุ้งไปซ่อมกังหันลมสูบน้ำของทางสำนักสงฆ์

บุ้งโชคดีที่ได้สนทนากับพระสงฆ์รูปหนึ่ง บุ้งเห็นท่านดูน่าศรัทธามาก จึงไปกราบท่าน เผื่อท่านจะให้พระเครื่องดีๆ หรือคาถาอะไรเด็ดๆ แต่แล้วก็ผิดหวัง ท่านพูดแค่ว่า พุทธศาสนิกชนควรรักษาศีลให้บริสุทธิ์ จะได้ลดเหตุของความเดือดร้อน ไม่มีใครให้พรใครได้ ทุกอย่างเป็นผลจากการกระทำของตน เหตุใหญ่ๆของความทุกข์ มาจากการผิดศีล หากรักษาศีล ความทุกข์ต่างๆ จะเบาบางลงไปมาก ชีวิตจะทุกข์น้อยลง

เหมือนจะเป็นคำพูดง่ายๆ พื้นๆ แต่แปลกที่บุ้งเอากลับมาคิดทบทวนไปมาหลายต่อหลายรอบ เชื่อมโยงกับคำสอนของอากงว่า ถือศีลแล้วจะไม่เดือดร้อนคิดทบทวนว่า ความเดือดร้อนต่างๆ นานาของตนเกิดมาจากการผิดศีลเป็นสาเหตุสำคัญ เหมือนสาเหตุการเสียของเครื่องจักรในโรงงาน สาเหตุการเสียจำนวนหลาย ๆครั้ง มาจากสาเหตุหลักไม่กี่สาเหตุ หากกำจัดสาเหตุหลักออกไปได้ เครื่องจักรจะเสียน้อยลง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มคิดที่จะรักษาศีลห้าจริงจัง

รู้สึกว่าแท้ที่จริงแล้ว การถือศีลต่างหาก ที่ช่วยให้เขารอดตาย ความบังเอิญอาจไม่มีในโลก ที่เขารอดอีกส่วนหนึ่งอาจมาจากกุศลที่ฝืนใจช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือ และความรู้สึกลึกๆ ที่อยากเป็นแบบอากงที่เสียสละเป็นแบบอย่างให้เขาตลอดมา ด้วยการไปบริจาคเลือด ขาดแม้สิ่งใดสิ่งหนึ่งไป เขาอาจไม่ได้อยู่จนถึงวันนี้ คำสอน ตัวอย่างที่อากงทำให้ดู และความดีต่างๆ ที่เขาทำ เป็นสิ่งที่ทำให้มีใจอ่อนน้อมต่อธรรมะ

บุ้งตกลงใจจะอยู่สำนักสงฆ์ต่อไปสักระยะ มันสงบเงียบไม่วุ่นวาย มีเวลาได้คิดทบทวน และได้อยู่ใกล้พระสงฆ์ที่น่าเคารพ ได้ฟังธรรมอยู่เนืองๆ นานวันไปเขาเริ่มคิดสังเวชในตัวเองว่า เคยคิดจะหาแต่เครื่องรางของขลังต่างๆ นานาที่จะทำให้ชีวิตมีโชคลาภมีความสุข ซึ่งจริงๆ แล้วของเหล่านี้ไม่ใช่คำตอบของโชคลาภความสุข

เย็นวันหนึ่ง พระท่านเทศน์เรื่องลาภว่ามาจากการให้ทานในอดีต และคนดีจะเป็นที่รักของมนุษย์ ตลอดจนเทวดาภูตผีทั้งหลาย เมื่อนั่งพิจารณาก็พบว่า อากงของบุ้งมีใจใหญ่ในการให้ทาน ทำบุญตลอดมาไม่เคยขาด เจอที่ไหนตั้งต้นกฐินผ้าป่าก็มักจะเอาเงินไปติดเสมอ ใครชวนทำบุญก็ไม่เคยปฏิเสธ เคยเจ็บป่วยไปนอนโรงพยาบาลก็ยังให้เงินแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดไปกิน ข้าว ถ่านนาฬิกาในห้องพักผู้ป่วยหมด แกก็ควักเงินให้ไปซื้อ ใครเดือดร้อนมาเอ่ยปากขอหยิบยืมเงิน อากงก็ช่วยเหลือเสมอ แม้ว่าบางครั้งจะถูกโกงเงินไป แกก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไร และแกรักษาศีลห้านี่ไงแกจึงเป็นที่รักของมนุษย์และภูตผีปีศาจเทวดาทั้งหลาย

เมื่อกลับบ้านในสัปดาห์หนึ่งจึงได้คุยกับอาม่า อาม่าจึงเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่อากงมาจากเมืองจีนใหม่ๆ แกก็ใจดีอย่างนี้แหละ แกเคยต้มกระเพาะปลาหาบไปขายที่ท่าเรือถนนตกอยู่ช่วงหนึ่ง ด้วยความที่แกใจดี ตักให้คนซื้อมากๆ เพราะกลัวเขาจะไม่อิ่ม ใครไม่มีเงินแกก็ให้กินฟรี ขายอยู่ระยะหนึ่งไม่มีกำไรเลย จนต้องเลิกขายของกิน ไปขายด้ายขายเชือกและไปเป็นคนงานก่อสร้างย่านสะพานเหลือง จนได้ไปอยู่โรงเลื่อย และตั้งตัวขายไม้ในที่สุด เคยถูกโกงเอาไม้ไม่จ่ายเงิน เพราะความขี้สงสารกลัวว่าถ้าลูกค้าไม่ได้ไม้ไปทำเฟอร์นิเจอร์ขาย ร้านของลูกค้าจะเจ๊ง คนงานของลูกค้าจะต้องตกงาน ถ้าคนของวัดมาซื้อไม้ แกก็ไม่เคยคิดเงิน ตั้งแต่อยู่กินกันมาก็เห็นแกทำบุญให้ทานมาตลอดไม่เคยขาด แกเคยเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสร้างโบสถ์วัดหนึ่งตั้งหลายปีจนเสร็จ ทั้งๆ ที่ไม่ได้รวยอะไรนักในตอนนั้น ด้วยการทำบุญนี่แหละ ที่อาม่าเชื่อว่าอากงเขาเลยมีลาภมาเรื่อยๆ ไม่เคยขาด

กี่ปีมาแล้วที่บุ้งเชื่อว่า ความสุขสวัสดีในชีวิต ลาภผลต่างๆ นานา เกิดจากการดลบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเครื่องรางของขลังอันทรงฤทธิ์ วันนี้เขารู้แล้วว่า ความสุขสวัสดี ลาภผลต่างๆ หรือการเป็นที่รักของเหล่ามนุษย์และเทวดาหรือภูตผีปีศาจ ล้วนไม่ได้เกิดจากใครหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนดลให้เป็นไป แต่มันมาจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น

ไม่มีเครื่องรางของขลังในตัวเขาอีกต่อไป ไม่แขวนแม้แต่พระที่อากงให้

ความเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นหลังจากรักษาศีล เชื่อในกฎแห่งกรรม เขาใจเย็นขึ้น เมื่อมีใครถามว่า อาราธนาพระอะไรติดตัว เขาก็ตอบว่า ผมอาราธนาพระธรรมเทศนาติดตัว ผม download เสียงสาธยายธรรมจากครูบาอาจารย์ที่มีผู้นำมาเผยแพร่อยู่อย่างมากมาย แล้วบันทึกลงใน Micro SD Card ใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือ มีเวลาก็เอาออกมาฟัง ผมคิดว่าดีกว่าห้อยพระเครื่องเฉยๆ นะ

short-story-142a