Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๑๔๐

ป่วย

โดย ...ฟ้าหลังฝน...

มีอีกรอบ ฉันไม่ไหวแล้วนะหนูดีคลานออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาเจียนเป็นรอบที่ห้าได้แล้ว เธอคลานมาจนถึงที่นอน ล้มตัวลงไปอย่างหมดแรง

อาการคนใกล้จะตายมันทรมานอย่างนี้เองหรอหนูดีนึกพลางควานหายาดมข้างหมอนมาสูดฟืดใหญ่ๆ

เป็นอะไรไปน่ะ เสียงพี่สาวที่นอนข้างๆ เอ่ยถามเสียงอู้อี้ หนูดีไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปากพูด จึงได้แต่ตอบในใจ

สงสัยอาหารเป็นพิษ

shortstory-140

ถามว่าเป็นอะไร...ไปหาหมอไหม พี่สาวถามอีกครั้งเมื่อเห็นหนูดีเงียบไป เธอจึงพยายามรวบรวมแรง แล้วตอบออกมา แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงแต่ก็อดรู้สึกรำคาญไม่ได้ คงเพราะอาการไม่สบายนี่ด้วยที่ทำให้หงุดหงิดง่าย

อาหารเป็นพิษ...อ้วก ปวดท้องอีกแล้ว เธอยกมือขึ้นมากุมท้อง อีกมือปล่อยยาดม แล้วยกขึ้นมาจับหน้าผาก ไม่ไหวจริงๆ อาการผะอืดผะอมก็กลับมาเล่นงาน ครั้งนี้เธอไม่ไหวจะลุกแล้ว รู้ชะตาว่าถ้ามีอีกรอบเธอคงล้มคาห้องน้ำแน่ๆ

ไปหาหมอไหม เสียงถามอีก แต่เหมือนถามไปอย่างนั้นเพราะเสียงฟังดูงัวเงียเหลือเกิน หนูดีจึงไม่สนใจจะตอบ ตอนนี้ยิ่งไม่มีอารมณ์ซะด้วย ต้องต่อสู้กับอาการผิดปกติภายในอย่างหนัก

ยังหายใจอยู่ไหม กระเซ้าขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป

เลิกถามได้ไหม คราวนี้หนูดีเสียงเกือบตวาด ด้วยเพราะอ่อนแรงหรอก ไม่อย่างนั้นเสียงคงกร้าวกว่านี้ แต่ก็ได้ผล พี่สาวเงียบไปเลย

อยากอ้วกอีกแล้วอาหารเมื่อตอนกลางวันมันรื้นขึ้นมาที่คอ กลิ่นน้ำมันยังคลุ้งอยู่จากการอาเจียนที่ผ่านมา แต่เธอลุกไม่ไหวจริงๆ หนูดีจึงฝืนกลืนลงไป

อย่าอ้วกนะ ไม่ไหวแล้วจริงๆหนูดีพึมพำกับร่างกายตัวเองในใจ พลันนึกขึ้นมา

ร่างกาย สังขารนี้ ไม่ใช่ของเรานี่นา สั่งอะไรไปเค้าก็คงไม่ทำตามหรอก...
ถ้าลุกไปหาหมอก็คงไม่รอดถึงโรงพยาบาล ต้องอ้วกบนรถแน่ๆ ทำยังไงดี... หลับไปเลยได้ไหม เพลียมาก อยากอ้วกด้วย ปวดท้องถ่ายอีกแล้ว.... เธอรวบรวมแรง คลานไปห้องน้ำ....

ยังมีชีวิตอยู่ไหมเนี่ย พี่สาวแซวตอนเช้าวันใหม่

หนูดีหรี่ตาเมื่อแสงไฟแยง เธอลูบท้องตัวเอง อาการผะอืดผะอมยังมีอยู่บ้าง แต่เบาลงแล้ว เมื่อคืนหลังจากถ่ายเสร็จก็กลับมาล้มตัวลงนอน ท่องบทสวดมนต์ไม่หยุด ขอร้องคุณพระคุณเจ้าให้ช่วย พลางนึกถึงกรรมเก่าขึ้นมา แม้จะไม่รู้ว่ากรรมอะไร...

นี่เราคงทำกรรมไว้มาก ถึงป่วยเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินบ่อยเสียเหลือเกิน... เจ้ากรรมนายเวร ยกโทษให้ด้วยเถิด อโหสิกรรมให้ด้วยแล้วก็ท่องบทสวดมนต์ในใจเรื่อยๆ หลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัวเลย

ไปหาหมอไหม พี่สาวถามย้ำ หนูดีได้แต่สั่นศีรษะแทนคำตอบ...
ไปทำงานไหวไหมเนี่ย ถามอีกแล้ว รู้นะว่าเป็นห่วง แต่เธออดรำคาญไม่ได้
อ้าว....ถามไม่ตอบ เสียงพี่สาวเริ่มงอน
ไป... เดี๋ยวไปหาหมอเอง ไหวอยู่ หนูดีตอบก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมหน้า ขออีกสักพัก...
แข็งแรงดีนะน้องเรา พี่สาวแซวก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

อาเจียนห้ารอบเลยเหรอ ไปทานอะไรมาคะเนี่ย คุณหมอคนสวยถามเมื่อหนูดีเข้าห้องตรวจ
ผัดซีอิ๊วเส้นใหญ่ค่ะ หมอขมวดคิ้ว
เอ...ผัดซีอิ๊วหรอคะ... หมอจดอะไรลงไปในใบตรวจสักอย่าง
ถ่ายเหลวด้วยเหรอ.อืมหมอขอตรวจท้องหน่อยนะคะ หมอให้ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบหูฟังมาตรวจที่ท้อง
ในท้องของคุณเหมือนมีแกงเดือดปุดๆ อยู่นะคะ หมอจดต่อ... หนูดีเดาว่าคงเป็นรายการยาที่เธอต้องกิน แค่เห็นก็รู้สึกแย่แล้ว ไม่ชอบกินยาเลย... แล้วหมอก็ชวนคุยเรื่องอาหารการกินต่อ จนสรุปได้ว่า

คราวหน้าคงต้องระวังเรื่องอาหารหน่อยนะคะ...บางทีพวกเส้นใหญ่ก็มักจะใช้น้ำมันปาท่องโก๋เก่าๆ มาทำให้เส้นไม่ติดกัน... ก็อาจจะทำให้เกิดอาการสำหรับคนที่ระบบย่อยอาหารไม่ค่อยดีได้... จริงๆ แล้วหมอก็ไม่กินเส้นใหญ่มานานแล้วค่ะ หมอคนสวยยิ้มให้

ระหว่างนี้ทานอาหารอ่อนๆ งดพวกอาหารมันๆ ผักผลไม้ อาหารย่อยยาก น้ำอัดลม ก่อนนะคะ หมอพยักหน้าเรียกพยาบาลให้มารับใบตรวจ แล้วนำหนูดีไปที่ห้องจ่ายยา

หายดีหรือยัง พี่สาวทักเมื่อหนูดีกลับมาตอนเย็น
อืม... หนูดีวางถุงโจ๊กลง

เบื่อจัง การเกิดเป็นอะไรที่ทรมานจริงๆ อย่างที่พระพุทธองค์ทรงดำรัสไว้ เมื่อเกิดแล้วก็ต้องมี แก่ มีเจ็บ มีตาย การดำรงชีวิตก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก พอตายแล้วก็วนเวียนมาเกิดอีก ลำบากไม่สิ้นสุด แต่ทางที่จะหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารนี้ได้ คือนิพพาน...

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทุกขอริยสัจเป็นไฉน

แม้ชาติก็เป็นทุกข์ แม้ชราก็เป็นทุกข์ แม้มรณะก็เป็นทุกข์ แม้โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ก็เป็นทุกข์ ความประจวบ กับสิ่งไม่เป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ แม้อันนั้น ก็เป็นทุกข์ โดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นทุกข์.

....ก็
ทุกข์เป็นไฉน? ความลำบากทางกาย ความไม่สำราญทางกาย ความเสวยอารมณ์อันไม่ดีที่เป็นทุกข์ ซึ่งเกิดแต่กายสัมผัส อันนี้เรียกว่า ทุกข์...

นี่แค่อาการป่วยทางกายก็เป็นทุกข์ถึงเพียงนี้ นี่ยังไม่นับรวมถึงอาการป่วยทางใจอีกนะ...

หนูดีกินโจ๊กเสร็จแล้วตามด้วยยาของหมอ พลันเธอก็นึกถึงอาการป่วยเมื่อคืน พลางพลิกยาในมือดู
ประมาทไม่ได้แล้ว หนูดีระลึกถึงปัจฉิมโอวาทขององค์พระศาสดา

"ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม ความสิ้นไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงบำเพ็ญไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญา ให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

ประมาทมานานไปแล้วล่ะ หนูดีเอ้ย... จะมีลมหายใจถึงเมื่อไรกัน...