Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๑๒๒

ความสุขอาจมีในปัจจุบันถ้าสังเกตดีๆ

ธีระวัฒน์ อนันตวรสกุล

เสาวรสทำงานในบริษัทใหญ่โตอันดับต้นๆ ของประเทศมาสองปี ด้วยวุฒิปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง ทำให้เงินเดือนของเธอมากกว่าพนักงานวุฒิปริญญาโทของบริษัทอื่นๆ โดยทั่วไปเลยทีเดียว แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข

ตั้งแต่เล็กเธอถูกกรอกหูว่า ต้องขยันเรียนอีกหน่อยจะได้สุขสบาย เธอจึงมุ่งมั่นกับการไล่ล่าความสุขสบาย ด้วยการตั้งใจเรียนมาโดยตลอด ตั้งแต่ระดับประถมปลาย มัธยมต้น มัธยมปลาย ซึ่งเธอเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ชื่อดัง เรียงลำดับตามสูตรที่หลายๆ คนใฝ่ฝันอยากเข้าเรียน เธอขยันอ่านหนังสือ เธอเรียนพิเศษจนแทบไม่มีวันหยุดพักมาโดยตลอด เพราะรู้สึกว่าความสุขสบายในอนาคตรอเธออยู่ และเธอจะต้องแข่งขันเพื่อไปสู่จุดนั้น

ไม่นานมานี้ทางบริษัทเปิดสอบชิงทุนเพื่อเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ ต่างประเทศ เธอจึงต้องขยันอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มีทั้งงานที่ต้องรับผิดชอบ ขนาดที่ว่ ต้องหอบกลับบ้านไปทำเสาร์อาทิตย์อยู่เป็นประจำ และเธอต้องไปเรียนพิเศษอีกในวันเสาร์ เพื่อเสริมความพร้อมให้เธอสามารถได้ทุนที่มีเพียงทุนเดียวอย่างมั่นใจ

บ่อยครั้งที่เธอคิดเล่นๆ ว่า
ความสุข อยู่ที่ไหนหนอหรือ สงสัยว่า ที่ว่าอีกหน่อยจะสุขสบายนั้น เมื่อไรกัน

..........................

เสาวรสหงุดหงิดมาก วันนี้เป็นวันศุกร์ เธอออกเดินทางไปตรวจบัญชีที่โรงงานต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของบริษัท กว่าจะเสร็จก็เกินเวลาไปสามชั่วโมง และเมื่อรถตู้ของบริษัทวิ่งมา ระหว่างทางขากลับรถเกิดเสีย ดีว่าเสียใกล้ปั๊มน้ำมัน คณะตรวจสอบที่มากับรถจึงไปนั่งพักในปั๊มน้ำมัน บางคนเปิดประตูหน้าต่างของรถแล้วนอนหลับรอ

เสาวรสวางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า วันนี้พอกลับถึงบริษัทที่กรุงเทพสักหนึ่งทุ่ม เธอจะจัดการงานที่คั่งค้างให้เสร็จก่อนสี่ทุ่ม เพื่อจะกลับบ้านไปเตรียมตัวเรียนพิเศษในวันเสาร์ เพราะวันสอบชิงทุนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว แต่เพราะวันซวยๆ ของเธอ งานเสร็จช้าแถม เพื่อนร่วมงานสะเพร่าลืมเอกสารสำคัญต้องวนรถกลับไปเอา และสุดท้ายรถดันมาเสียกลางทางอีก ทางคนขับรถแจ้งว่า ทางบริษัทจะนำรถคันใหม่มารับ คงเสียเวลารอสักชั่วโมงสองชั่วโมง

จะเอางานมาทำระหว่างรอ แบตเตอรี่ของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กก็ดันหมด เธอจึงเอาหนังสือคู่มือเตรียมสอบขึ้นมาอ่าน หวังจะให้มันช่วยฆ่าเวลาอย่างมีประโยชน์ แต่อารมณ์เซ็งที่พะวงถึงแต่งานๆๆ ที่รออยู่ ทำให้อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง รู้สึกว่าทำไมวันนี้มันเป็นวันที่แย่จริงๆ สำหรับเธอ

ในวันและเวลาเดียวกันนั้นเอง บางคนนอนหลับ บางคนปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์เพื่อฆ่าเวลา

มีคนหนึ่งในคณะนั้นคือนายมรกต เพื่อนร่วมงานของเธอรออย่างสบายๆ ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน มรกตชอบทำอะไรที่คนอื่นไม่คิดจะทำกัน และดูมีความสุขอยู่เสมอ เช่นไปขอเมล็ดมะละกอจากร้านค้าในโรงอาหารของบริษัท ไปปลูกที่โรงเรียนประถมใกล้ๆ กับบริษัท ขี่จักรยานมาทำงาน หรือใช้วันลาพักร้อนไปเป็นครูอาสาช่วยสอนหนังสือให้เด็กๆ

เสาวรสมองดูนายมรกต และคิดว่าเขาคงหา อะไรแปลกๆ ทำได้กระมัง

นายมรกตถอดเสื้อเชิ้ตออก เหลือแต่เสื้อยืดคอกลมข้างใน เปิดกระเป๋าสะพาย เอามีดคัทเตอร์ ออกมาตัดขวดน้ำดื่มพลาสติกใส ขนาด
1.5 ลิตรออกจนคล้ายๆ แก้วน้ำ แล้วพลิกไปพลิกมา แล้วเจาะรู จากนั้นเดินไปที่เสาไฟฟ้าหน้าปั๊ม ไปแกะลวดเก่าๆ ที่พันค้างอยู่กับเสา เนื่องจากป้ายหาเสียงที่เป็นพลาสติกคงถูกแกะนำไปขายแล้ว จากนั้นมรกตก็ไปหากิ่งไม้ยาวประมาณหนึ่งเมตรมาหนึ่งอัน

โทรศัพท์ของเสาวรสดังขึ้น คุณแม่ของเสาวรสโทรมา เสาวรสจึงละสายตาจากมรกตครู่หนึ่ง เพื่อคุยกับแม่

หันมาอีกทีมรกตกำลังใช้
กระบวยตักน้ำ ที่เขาเพิ่งจะประดิษฐ์ขึ้น จากขวดน้ำที่ตัดปากออก ลวด และไม้อันที่เขาเก็บมา ตักน้ำจากแอ่งน้ำที่เจิ่งนองจากการล้างรถในลานปั๊ม มารดต้นไม้ที่อยู่ในกระถางใกล้ๆ กันอย่างมีความสุข กระถางแล้วกระถางเล่า จนมีเด็กอายุประมาณห้าหกขวบสองคน คาดว่าเป็นลูกพนักงานปั๊มมาดู มรกตก็หันไปคุยกับเด็กคนนั้น พร้อมยกกระบวยอันนั้นให้ และทำกระบวยอีกอันให้เด็กอีกคนหนึ่ง

มรกตรู้ตัวว่าถูกมอง จึงปลีกตัวออกจากเด็กน้อยนั่นมาที่เสาวรส พร้อมเล่าว่า
รดต้นไม้เล่นน่ะครับ รอเฉยๆ เสียดายเวลามรกตดูมีความสุข ขณะที่มองหนูน้อยนั่นรดน้ำต้นไม้

เพียงแค่เศษวัสดุที่ดูเป็นขยะสองสามอย่าง เขาก็นำมาสร้างความสุขได้

.........................................................................

ขณะนี้เวลาเที่ยงคืนกว่าเล็กน้อย หลายๆ คนคงนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ แต่เสาวรสเพิ่งจะสะสางงานเสร็จ คิดกังวลว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปเรียนพิเศษไหวหรือเปล่า วันนี้คงต้องกลับบ้านเองด้วย เพราะพี่คนที่อนุเคราะห์ไปส่งเวลาทำงานดึกๆ เสมอๆ ลาพักร้อน

รถเมล์สายที่ผ่านบ้านของเสาวรส มีบริการวิ่งตลอดคืน และช่วงนี้รถจะมานานๆ คันหนึ่ง เธอเลือกที่จะนั่งรถเมล์เพราะบ้านเธออยู่ติดถนนใหญ่ และรู้สึกว่าการนั่งแท็กซี่คนเดียว ในตอนกลางคืนอาจไม่ปลอดภัย รถเมล์ปลอดภัยกว่าสำหรับเธอ เพราะเธอคุ้นเคยกับรถเมล์สายนี้ ตั้งแต่เรียนมัธยม กระเป๋ารถและคนขับหลายคนรู้จักเธอ เพราะหลายคนเห็นเธอมาตั้งแต่สมัยอ่านหนังสือในรถ

วันนี้มรกตไม่ได้ปั่นจักรยานมาทำงาน จึงมาพบเสาวรสโดยบังเอิญที่ป้ายรถเมล์ เสาวรสรู้สึกว่าโชคดีเพราะบ้านของมรกตอยู่ทางเดียวกับเธอ เสาวรสจึงเสนอมรกตว่า
กลับแท็กซี่ละกันแต่พอจะใช้บริการแท็กซี่ รถแท็กซี่ กลับหายไปหมด ที่ผ่านมาบ้างก็ล้วนมีผู้โดยสาร ทั้งสองคนต้องรอแท็กซี่ต่อไป หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็คงเป็นรถเมล์กะสว่าง ที่จะผ่านมา ชั่วโมงละหนึ่งคัน ซึ่งจะออกจากอู่ต้นทางตอนตีหนึ่ง กว่าจะมาถึงตรงนี้ก็คงประมาณตีหนึ่งครึ่งตามที่เสาวรสวางแผนไว้แต่แรก

ทำไมวันนี้ช่างเป็นวันที่แย่ขนาดนี้นะเสาวรสอยากจะตะโกนออกมาดังๆ

เสาวรสนึกอิจฉามรกตซะแล้ว ชีวิตของเขาดูไม่เครียดอะไรเลย ใบหน้าเปื้อนยิ้ม อารมณ์ดีได้ตลอดเวลา

ป้ายรถเมล์ป้ายนั้นมีร้านสะดวกซื้ออยู่มีไฟสว่างไสว มรกตชี้ชวนให้เสาวรสมองดู หมาข้างถนนตัวหนึ่ง ขนมันสีขาวขมุกขมัวเพราะไม่มีเจ้าของคอยอาบน้ำให้ นั่งแลบลิ้นมองเข้าไปที่ร้านรอรับลมเย็นๆ จากประตูอัตโนมัติที่เปิดเข้าออก ตามจังหวะคนเข้าออกนานๆครั้ง พอประตูอัตโนมัติเปิดทีหนึ่ง เจ้าหมาตัวนั้นมันก็ทำหน้าดีใจพร้อมกับกระดิกหาง พอประตูปิดมันก็หยุดกระดิกหาง

ภาพนั้นทำให้เสาวรสยิ้มหัวเราะตามมรกตไปได้ แล้วมรกตก็เอื้อมมือก้มตัวลงไปหยิบถ้วยพลาสติกใส่เครื่องดื่มสีชมพูที่เขาทิ้งแล้ว มันน่าจะเคยเป็นนมเย็นใส่น้ำแดง มันถูกวางทิ้งไว้ที่พื้นระหว่างที่นั่งที่มรกตและเสาวรสนั่งอยู่ มรกตบอกกับเสาวรสว่า
รู้มั้ย ว่าหมามันชอบมาก

นมเย็นแก้วนั้นนอนก้นอยู่ข้นคลั่ก ใต้น้ำแข็งที่ละลายเป็นน้ำอยู่ส่วนบน มรกตค่อยๆ รินน้ำเปล่าส่วนบนนั้นทิ้งในกระถางต้นไม้เหี่ยวๆ หน้าร้านสะดวกซื้อ แล้วเรียกหมาเข้ามาใกล้

เจ้าหมาขาวขมุกขมัวเดินมาหาอย่างว่าง่าย แล้วมรกตก็เทนมเย็นลงแก้วกระดาษ ที่ฉีกขอบจนเป็นแก้วเตี้ยๆ และไสแก้วกระดาษนั้นไปทางเจ้าหมา เจ้าหมาเลียนมเย็นอย่างเอร็ดอร่อย มรกตยิ้มดีใจแล้วบอกเสาวรสว่า
เห็นไหม เห็นไหม ว่ามันชอบ

เพียงเครื่องดื่มที่เหลือทิ้งดูเป็นขยะ เขาก็นำมาสร้างความสุขได้

นมเย็นหมดแก้วไปแล้ว มีเด็กขายพวกมาลัยสี่คน ท่าทางคงจะเลิกขายแล้วในคืนนี้เดินผ่านมาพอดี มรกตเปิดกระเป๋าหยิบขนมขบเคี้ยวแบบซอง และน้ำผลไม้แบบกล่อง ออกมาจำนวนหนึ่ง มันเป็นของว่างที่แจกบนรถวันนี้ แต่หลายคนไม่กิน รวมทั้งเสาวรสและมรกต มรกตจึงเก็บรวบรวมใส่กระเป๋าสะพายของเขามาด้วยความเสียดาย

มรกตนำมันมาแจกแบ่งปันกับเด็กๆ ขายพวงมาลัยเหล่านั้น สร้างความดีใจให้เด็กๆ และรอยยิ้มบนใบหน้าของมรกต

เพียงของสิ่งบางคนไม่ต้องการและมองข้าม เขาก็นำมาสร้างความสุขได้

เสาวรส รู้สึกทึ่งกับ มรกต คนที่ดูเหมือนกับว่า สามารถ หา ความสุข ได้จากสิ่งของรอบๆ ตัว ได้เรื่อยๆ

รถเมล์มาแล้ว เสาวรสนั่งรถเมล์ไปกับมรกต และเอ่ยถามมรกตว่า
ทำไม ดูมีความสุขได้ทุกวี่ทุกวัน

มรกต ตอบอย่าง อารมณ์ดีว่า

ถ้าสังเกตดีๆ แล้ว ความสุขอาจมีอยู่ในปัจจุบัน รอบๆ ตัวเรา ความสุข ฃในอนาคตอย่าไปหวังเลย สังเกตดูดีๆ ในปัจจุบันสิแล้วจะเจอ หาไม่ยากหรอก

..............

จากคำพูดของมรกตในวันนั้น เสาวรสเริ่มมองความสุขรอบตัวมากขึ้น แม้ว่ายังต้องเรียนพิเศษอยู่อย่างเดิม แม้ว่าใกล้จะสอบแข่งขันครั้งสำคัญ แต่เธอเชื่อแล้วว่า

ความสุขในปัจจุบันมีอยู่จริง และจะพบมันถ้าสังเกตดีๆ