Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๑๑๙

กระชากหน้ากากน้าสายขี้โกง

ธีระวัฒน์ อนันตวรสกุล

ความโกรธเกลียดได้ครุกรุ่นขึ้นในใจของส่งอีกครั้ง เนื่องจากเขาพบน้าสายที่งานนิทรรศการแสดงสินค้าด้านสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์พลังงานแห่งหนึ่ง น้าสายเป็นบุคคลที่น่าชิงชังที่สุดคนหนึ่งในความคิดของส่ง

เรื่องมันนานมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2547 ตอนที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่งทะเลภาคใต้ ตอนนั้นส่งไปช่วยขนน้ำดื่มบรรจุขวดขึ้นรถและได้รู้จักน้าสายซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทรักษาความปลอดภัย บริษัทที่น้าสายทำงานอนุเคราะห์รถของบริษัทมาช่วยขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ลงภาคใต้ น้าสายมาช่วยขับรถขนสิ่งของลงไปช่วยผู้ประสบภัย แต่สิ่งที่ส่งรับรู้คือ เมื่อรถกระบะที่น้าสายขับซึ่งบรรทุกน้ำดื่มบรรจุขวดเพียงอย่างเดียวเต็มคันรถออกไปถึงชานเมือง น้าสายก็นำรถไปจอดที่ร้านอาหารชานเมืองแห่งหนึ่ง แล้วตกลงขายน้ำดื่มบรรจุขวดให้ร้านอาหารแห่งนั้น

ส่งอยู่บนหลังรถอีกคันที่กำลังมุ่งหน้าเดินทางไปช่วยผู้ประสบภัย เห็นชัดกับตาถึงพฤติกรรมการขนน้ำลงไปขายให้ร้านอาหาร และเห็นชัดว่าคนในร้านอาหารส่งเงินให้น้าสายปึกหนึ่ง ส่งจึงเกิดความเกลียดชังน้าสาย และนึกผูกพยาบาทอาฆาตน้าสายตลอดมา เคยพยายามติดต่อไปทางบริษัทรักษาความปลอดภัยเพื่อรายงานถึงพฤติกรรมซ้ำเติมเพื่อนมนุษย์ผู้กำลังตกยาก แต่มีแต่คนหัวเราะและไม่เชื่อส่ง บอกเพียงว่า “น้าสาย เขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”

ที่งานนิทรรศการแห่งนั้น น้าสายทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยกะเช้า ส่วนส่งมาเป็นพนักงานประจำร้านขายของ ทำให้ต้องเจอหน้าหน้าสายทุกวัน

เวลาหลังงานเลิกของวันแรก ส่งได้พบน้าสายบริเวณพื้นที่ร้านขายอาหาร พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ดูแลเวลากลางคืนเปลี่ยนกะมาแทนกะเช้าแล้ว ทำให้น้าสายซึ่งดูแลช่วงกลางวันได้หยุดพัก น้าสายยังไม่กลับที่พัก แต่ใช้เวลาเก็บเศษอาหารพวกกระดูกไก่และเศษข้าวลงในถังพลาสติกใบใหญ่ นอกจากเศษข้าวแล้ว น้าสายยังเก็บกล่องเครื่องดื่มจำพวกกล่องนมและกล่องน้ำผลไม้ลงใส่ในถุงอีกใบหนึ่ง ส่งแปลกใจที่น้าสายไม่แตะต้องพวกขวดน้ำพลาสติกที่ส่งรู้ว่าขายได้ราคาดีเลย คงวางไว้ตามโต๊ะแบบนั้น ให้แม่บ้านทำความสะอาดเป็นคนเก็บ น้าสายเลือกเก็บเพียงกล่องนมกล่องเครื่องดื่มเท่านั้น

ประสบการณ์ฝังใจ เคยเห็นน้าสายเอาของบริจาคลงไปขาย ทำให้ส่งไม่เชื่อว่าคนแบบน้าสายจะทำเรื่องดีๆได้ กล่องเครื่องดื่มคงขายได้แล้วกระมัง ส่งทำงานด้านสิ่งแวดล้อม รู้ดีว่าในกล่องแต่ละใบมีเยื่อกระดาษพลาสติกและ อลูมิเนียมฟอยล์

วันที่ห้าของการจัดงานได้เกิดเหตุการณ์ที่ส่งไม่อยากจะเชื่อ น้าสายเป็นข่าวโด่งดังอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากผู้เข้าชมงานคนหนึ่ง ลืมกระเป๋าเงินไว้ที่แถวโต๊ะรับประทานอาหาร ในนั้นมีเงินสดอยู่ประมาณ 200,000 บาท น้าสายเก็บกระเป๋าเงินนั้นได้ ในขณะที่เก็บเศษอาหารอย่างที่แกทำมาทุกวัน ส่งคิดว่าน้าสายคงไม่ได้ตั้งใจทำความดีหรอก

สงสัยสถานการณ์บีบบังคับ เพราะมีคนอื่นเห็น หรืออยู่ในวิถีที่กล้องวงจรปิดอาจจะตรวจสอบได้ น้าสายจึงจำใจต้องทำความดี คนแบบนี้นะเหรอ แค่น้ำบริจาคพันกว่าขวดขวดละลิตร ที่คนเขาตั้งใจบริจาคไปช่วยผู้ประสบภัย ยังเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าได้ลงคอ

น้าสายยังสร้างภาพต่อไม่หยุด เงินรางวัลที่เจ้าของกระเป๋าตกลงจะให้จำนวน 10,000 บาทถ้วน น้าสายก็ไม่ยอมรับบอกว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัยจึงไม่อาจรับไว้ได้

น้าสายเหมือนเป็นวีรบุรุษในสายตาหลายๆคน ข่าวความซื่อสัตย์ได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์หัวสีหลายฉบับ เนื้อข่าวรายงานว่าน้าสายอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดใกล้วัดแห่งหนึ่ง ทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย มีกิจกรรมยามว่างคือ เลี้ยงบรรดาหมาแมวจรจัด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอีกอย่างคือปลูกต้นไม้ โดยเก็บเมล็ดพันธุ์ไม้ใหญ่ๆมาเพาะใส่ถุงเพาะ เรียกได้ว่าเนื้อข่าวยกยอสรรเสริญว่าน้าสายเป็นแบบอย่างของคนดีที่สังคมต้องการอย่างแท้จริง

ส่งหมั่นไส้เพิ่มความโกรธแค้นเป็นทวีคูณ อยากกระชากหน้ากากของน้าสายจอมขี้โกง ที่โกงได้แม้กระทั่งของบริจาค ภาพการนำน้ำดื่มบรรจุขวดไปขายให้ร้านอาหาร ยังผุดขึ้นมาหลอกหลอนในใจ

น้าสายยังคงปฏิบัติงานอย่างเป็นปกติ จนกระทั่งวันสุดท้ายของการจัดกิจกรรม น้าสายก็เป็นข่าวขึ้นมาอีกครั้ง ทางชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นผู้สนับสนุนใหญ่รายหนึ่งของการจัดงานในครั้งนี้ ได้มอบรางวัลวีรบุรุษอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้แก่น้าสาย-หัวหน้า รปภ ซึ่งเป็นการพิจารณามานานแล้ว เนื่องจากน้าสายหรือลุงสายที่เด็กๆเรียกกันนั้น สมัครเป็นอาสาสมัครรวบรวมกล่องเครื่องดื่ม เพื่อส่งไปบริจาค ร่วมทำหลังคาให้ผู้ยากไร้ โดยทางโรงงานจะนำกล่องนมไปแช่น้ำแยกเยื่อกระดาษออกให้เหลือแต่พลาสติกและอลูมิเนียมฟอยล์ จากนั้นนำพลาสติกและอลูมิเนียมไปตัดย่อย แล้วอัดขึ้นรูปเป็นแผ่นหลังคาด้วยความร้อน พลาสติกจะละลายประสานกับอลูมิเนียมเป็นหลังคาที่ใช้งานได้จริง

น้าสายในชุด รปภ ได้ขึ้นเวที กล่าวสุนทรพจน์ ข้อความตอนหนึ่งว่า

“ฐานะผมไม่ดีเท่าไร การศึกษาก็น้อย ผมเคยคิดว่าตนเองขาดโอกาสในการทำบุญ จนกระทั่งผมเห็นว่าโอกาสในการทำบุญที่ไม่ต้องใช้เงินมีอยู่มากมาย กล่องนมนั้นก็เป็นอย่างหนึ่ง ผมรู้ว่ามันสามารถนำไปผลิตแผ่นกระเบื้องหลังคา เพื่อบริจาคให้กับคนที่ขาดโอกาสกว่าผมได้ ผมจึงเริ่มเก็บเรื่อยมา ผมมีโอกาสเก็บกล่องนมได้มากเพราะทำงานเป็นหัวหน้ายาม และรู้จักเด็กๆในชุมชนมาก พอจะถ่ายทอด หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เห็นคุณค่า นอกจากช่วยคนยากไร้ให้มีหลังคาแล้ว ผมยังถือว่าได้ช่วยลดขยะได้อีกด้วย ส่วนน้ำที่ใช้ล้างผมก็ตักเอาจากบ่อน้ำซึม ไม่ต้องใช้น้ำประปาในการล้าง”

..................

พูดดีไปก่อนเถอะ ส่งนึกในใจอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

โอกาสที่จะเปิดโปงความชั่วช้าของน้าสายจอมสร้างภาพอยู่ในมือส่งแล้ว มันเป็นโอกาสของส่ง เจ้าของร้านอาหารที่น้าสายไปขายน้ำขวดบริจาค ดันมาเป็นลูกค้าของส่ง ทางร้านต้องการจะปรับปรุงระบบฉนวนกันความร้อนของหลังคา และมาเลือกใช้บริการของบริษัทที่ส่งทำงานอยู่

ส่งได้ไปควบคุมการติดตั้งปรับปรุงหลังคาดังกล่าว และได้ถามว่ามีใครรู้จักน้าสายที่เพิ่งเป็นข่าวเก็บกระเป๋าเงินแล้วคืนเจ้าของไหม โชคดีที่พนักงานคนหนึ่งรู้จัก และยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นแรงงานคนหนึ่งที่ขนน้ำลงจากรถ เขายอมรับว่าน้าสายเอาน้ำมาเสนอขายจริง แต่เหตุผลมีอยู่ว่า

“น้าสายรู้จักเจ้าของร้าน น้าสายเลยขอให้ทางร้านซื้อน้ำไว้” พนักงานบอก
“แต่เป็นของบริจาคนะ พี่ไม่กลัวบาปเหรอหรือพี่ไม่รู้” ส่งถามต่อ
“รู้ แต่เหตุผลน้าสายแกดี” พนักงานตอบ
“ดียังไง เอาของบริจาคมาขาย” ส่งสงสัย

พนักงานเล่าว่า “น้าสายบอกว่าน้ำพันกว่าขวดขวดละลิตร น้ำหนักรวมก็เป็นตัน ขนของหนักหนึ่งตัน วิ่งรถหลายร้อยกิโล คิดค่าน้ำมันแล้วแพงเอาการอยู่ น้าสายจึงมาเสนอขายให้เจ้าของร้าน และเจ้าของร้านเห็นดีเห็นงามด้วย เจ้าของร้านซื้อน้ำไว้ แถมยังให้เงินเพิ่มไปอีกนะ”

ส่งนิ่งไปครู่หนึ่ง พนักงานเลยกล่าวด้วยความชื่นชมว่า
“เท่าที่รู้ตอนหลังนะ น้าส่งเอาเงินค่าน้ำไปซื้อน้ำขวดที่ใต้ได้มากกว่าเดิมอีก เพราะค่าน้ำมันที่ประหยัดได้จากการขนส่ง และเงินส่วนที่เจ้าของร้านสบทบให้ ก็เอาไปซื้ออาหารอย่างอื่นให้ผู้ประสบภัยได้อีกได้อีก”

สรุปว่าน้าสายมองลึกอย่างมีเหตุผล ขนน้ำดื่มเต็มคันรถลงไปภาคใต้ เป็นการสิ้นเปลือง สู้เอารถวิ่งรับของที่จำเป็น แล้วไปซื้อน้ำเอาก่อนเข้าพื้นที่ก็ยังพอได้ เพราะตอนนั้นภาคใต้ฝั่งตะวันออกไม่ถูกสึนามิเล่นงาน นับว่าน้าสายแกฉลาดมองการณ์ไกลจริงๆ

...................

ส่งได้เรียนรู้บทเรียนที่ว่า สิ่งที่เห็นบางครั้งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และด้วยความคิดนั้นเองที่ทำให้เจ้าของความคิดนั้นเป็นทุกข์กับสิ่งที่ไม่ได้เป็นจริง ทุกข์เพราะความคิดที่เฝ้าจับผิดคนอื่น

วันหยุดประจำสัปดาห์ ส่งรวบรวมกล่องนมที่พับจนแบนจำนวนมากพอประมาณ นำไปให้น้าสายที่บ้าน เพื่อให้น้าสายตัดล้างด้วยน้ำบ่อซึม เมื่อไปถึงก็พบน้าสายกำลังสอนเด็กๆในชุมชนแออัดเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากร เด็กๆช่วยกันเก็บถุงขนมขบเคี้ยว หลากสีสันมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำที่น้าสายตักให้จากบ่อซึม ไม่ต้องเปลืองค่าน้ำประปา เพื่อนำถุงขนมล้างแล้วเหล่านั้น มากรอกดินปลูกต้นไม้ บางส่วนแยกต้นกล้าจากถาดโฟมที่ใช้เพาะเมล็ด มาใส่ถุงดินแล้วรดน้ำ

เด็กกลุ่มหนึ่ง ช่วยกันแกะเมล็ดจากฝักก้ามปู ฝักคูณ ฝักจามจุรี ฝักชมพูพันธุ์ทิพย์ ฝักหางนกยูง ออกมาแยกเป็นประเภท

เด็กๆอีกส่วน โกยใบก้ามปู ใบมะขาม ใบนนทรีจากต้นไม้ในวัด ใส่ถุงปุ๋ยเพื่อมาผสมกับดิน เพื่อทำเป็นดินปลูกต้นไม้ ใช่แล้ว ส่งนึกขึ้นได้ว่า ใบก้ามปูมีไนโตรเจนสูง เหมาะมาใส่ต้นไม้ทำปุ๋ย ส่วนใบมะขามก็ใช้เป็นปุ๋ยบำรุงไม้ดอกได้ดี

น้าสายพูดอย่างอารมณ์ดีกับพวกเด็กๆว่า “หนูๆรู้ไหม โอกาสทำความดีมีอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด เพียงแต่เราใช้ความคิดพิจารณาของรอบตัวว่า จะนำไปทำอะไรได้ก็เท่านั้น เรียกว่าเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ไม่มีเงินสักบาทยังทำบุญสร้างความดีได้เลย”