Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๑๑๕

คนขุดบ่อน้ำผู้บังเอิญเห็นอนาคต

ธีระวัฒน์ อนันตวรสกุล

พัดลม ระบายอากาศส่งลมผ่านท่อลมลงไปสู่ก้นบ่อเบื้องล่าง เชี่ยวกำลังทำงานขุดบ่อน้ำ ในขณะที่ค่อยๆ โกยดินปนขี้เลนเฉอะแฉะจากก้นบ่อ ดินเลนที่ถูกโกยขึ้นถังแล้วถังเล่า ถูกอ่องคะยอคะยอเพื่อนร่วมงานต่างด้าวชาวพม่าดึงขึ้นไป ก่อนที่จะหย่อนถังเปล่าลงไปรับดินอีก เมื่อเหนื่อยได้ที่เชี่ยวก็จะปีนบันไดไม้ไผ่ขึ้นมา ผลัดให้นายอ่องลงไปโกยดินบ้าง

เชี่ยวเคยเป็นถึงหัวหน้าคนงานก่อสร้าง ก่อนที่จะลาออกมาทำงานรับเหมาขุดบ่อน้ำซึม เพื่อเป็นทางเลือกให้เจ้าของบ้านเรือนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่พอมีบริเวณ และเจ้าของต้องการลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาที่มีความสะอาดเกินกว่าที่จะใช้รดน้ำต้นไม้หรือล้างพื้น ด้วยการใช้น้ำซึมจากบ่อน้ำซึม ซึ่งลึกประมาณสามเมตรมาทดแทน บางบ้านนำไปกรองผ่านทรายและถ่านแกลบ เพื่อใช้ราดส้วมเลยทีเดียว เชี่ยวภูมิใจว่างานของเขาเป็นการช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา และช่วยลดภาวะโลกร้อน และเหมาะกับกรุงเทพและชานเมืองที่มีน้ำใต้ดินสูง

นายอ่องชาวพม่าเป็นคนดี รักษาศีล
5 ได้ทุกข้อ และขอหยุดงานในวันพระ เพื่อไปปฏิบัติธรรมที่วัด ทำให้เชี่ยวต้องหยุดวันพระไปด้วย

ในการทำงานหนักนั้น นายอ่องมักจะทำงานขุดบ่อได้ทนทานกว่า เชี่ยวจึงถามถึงเคล็ดลับการทำงานให้ทนมากขึ้น ซึ่งนายอ่องก็บอกว่า เป็นผลจากการปฏิบัติธรรม ฝึกสติความรู้ตัว

เท่าที่รู้จักกันมานายอ่องไม่ใช่คนพูดเล่นไร้สาระ แต่เชี่ยวก็นึกตลกและเถียงไปว่า
สรุป ข้าต้องไปนั่งปฏิบัติธรรมกับเอ็งที่วัดทุกวันพระหรือไง ถึงจะทำงานอึดนายอ่องจึงตอบว่า ก็ทำไปในขณะทำงานขุดดินโกยขี้เลนนี่แหละ

นายอ่องอธิบายว่าจดจ่อกับงานที่ทำอยู่เฉพาะหน้า ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น ทั้งอดีตอนาคต ให้จดจ่อกับปัจจุบันเพียงเท่านั้น เวลาตักดินแต่ละครั้ง ก็จดจ่อกำหนดว่า ตักหนอ ตักหนอ นายอ่องย้ำว่าการปฏิบัติธรรมทำได้ทุกอิริยาบถทุกลมหายใจเข้าออก ขณะเดินและในขณะทำงาน

เชี่ยวเพียงแต่รับฟังเฉยๆ ไม่เคยคิดจะปฏิบัติตามเพราะคิดว่าการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องไกลตัว เอาไว้แก่ก่อนมีเงินทองก่อนค่อยศึกษาจริงจังก็ยังทัน อีกทั้งไม่เชื่อว่าการทำแบบนายอ่องจะทำให้เขาทำงานทนขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเชี่ยวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า การคบหาและร่วมงานกับคนดีทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น เพราะหลังจากทำงานร่วมกับนายอ่อง ไม่มีลูกน้องมากมายอย่างที่เคยเป็น เชี่ยวก็ประหยัดเงินค่าเหล้าค่าบุหรี่ไปมาก ซึ่งแต่ก่อนนอกจากกินเองใช้เองแล้ว ยังต้องแจกลูกน้อง เงินที่ส่งกลับไปให้แม่บุญธรรมที่ต่างจังหวัดก็มากขึ้นๆ

เชี่ยวเรียนรู้จากนายอ่องว่าแม้พม่าขาดแคลนความเจริญทางวัตถุ ขนาดที่คลอดลูกยังอาจตายได้ แต่ คนก็มีความสุขจากการปฏิบัติธรรมเป็นการชดเชย นายอ่องเล่าว่า เมืองไทยมีความสุขสบาย แต่เขากลับนึกสงสารคนไทยบางคนที่คิดว่า ตัวเองมีความสุข ทั้งๆ ที่เป็นความสุขจากอบายมุข อันนำมาซึ่งความเสื่อม ซึ่งอบายมุขต่างๆ มีครบครันและมากมายในประเทศไทย

นายอ่องชวนเชี่ยวให้มาปฏิบัติธรรม แต่เชี่ยวก็ไม่เคยทำคิดว่าแค่แบ่งเงินไปทำบุญสม่ำเสมอก็เพียงพอ จึงตอบนายอ่องอย่างติดตลกไปว่า ศาสนาพุทธจะอยู่อีกถึง พ.ศ.
5000 ทำบุญมากๆ ชาติหน้าเกิดเป็นมนุษย์อีกที ค่อยเริ่มปฏิบัติธรรมจริงจังก็ยังทัน

วันหนึ่งมีคนว่าจ้างเขาและนายอ่องให้ไปขุดบ่อน้ำ เพื่อถวายวัดแห่งหนึ่งที่มีการปลูกต้นไม้มาก เจ้าภาพตั้งใจถวายมากให้ใส่ลูกเล่นในงานหลายอย่าง รวมถึงจักรยานสูบน้ำจำนวนหลายตัว เพื่อให้คนที่มาวัดตลอดจนพระสงฆ์ได้ใช้ออกกำลังกาย เมื่อทั้งสองทำงานให้วัด พระก็ให้ข้าวน้ำที่ท่านฉันไม่หมดแก่ทั้งสองทุกวัน นายอ่องบอกว่าทั้งไข่ทั้งหมูอาหารดีๆ ทั้งนั้น แต่เชี่ยวมองว่าก็แค่อาหารธรรมดาๆ

ที่วัดนี้เองนายอ่องถูกตำรวจจับข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย เพราะแสดงความกล้าหาญตอบแทนข้าวก้นบาตร ช่วยทางวัดจับหัวขโมยขี้ยาสองคนที่มางัดตู้รับบริจาคเงินและขโมยพระพุทธรูป นายอ่องผู้แข็งแรงกำยำเพราะขุดบ่อน้ำทุกวัน แถมเป็นมวยและดาบทวน ใช้เพียงไม้กวาดของวัดที่เคยใช้กวาดเศษขยะในวัด จัดการเจ้าขี้ยาขยะสังคมที่มีมีดยาวจนอยู่หมัด แต่ตนเองก็ต้องถูกส่งกลับประเทศ

วันแห่งการจากลาจึงมาถึง นายอ่องเพื่อนชาวพม่าผู้แสนดีตักเตือนเชี่ยวว่า อย่าประมาทในการปฏิบัติธรรม การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากมาก และบอกเชี่ยวว่าไม่ต้องห่วงเขา เงินที่เขาส่งกลับไปให้แม่จากการมาทำงานเมืองไทยหลายปี เพียงพอที่จะทำอะไรหลายอย่างได้สบายๆ และเขาก็คิดถึงแม่ที่แก่ชรามากแล้วด้วย แล้วย้ำกว่าการปฏิบัติธรรมทำได้ทุกอิริยาบถ

เชี่ยวยังหาคนมาช่วยงานไม่ได้ ต้องโกยดินและปีนบันไดมาทิ้งดินเอง วันหนึ่งพัดลมดูดอากาศเสีย อากาศไม่เพียงพอทำให้เขาสลบไป

ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ เชี่ยวตื่นขึ้นมาและอยู่ในสถานที่ที่แปลกออกไป เขาเดินหลงทางในหมู่ผู้คนที่ทุกคนเดินไว ไม่มีใครสนใจใคร ท่ามกลางเปลวแดดที่ร้อนจนแสบผิว ผู้คนหลายคนสวมชุดแปลกๆ คล้ายผ้าสีเงิน เพื่อสะท้อนรังสีความร้อน บางคนมีหน้ากากคล้ายนักประดาน้ำ

ระหว่างที่กำลังงุนงงกับสิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนไป เด็กคนหนึ่งในวัยประมาณนักศึกษามหาวิทยาลัยก็เข้ามาพูดคุยกับเขา ดีที่ยังคุยกับรู้เรื่องแม้ยากเต็มที เพราะสำเนียงและศัพท์แปลกๆ ที่ชายคนนั้นพูด เขาไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหน

เจ้าหนุ่มสรุปว่าเชี่ยวคงมาจากพื้นที่ห่างไกลอารยธรรม แล้วเชี่ยวก็ต้องตกใจเมื่อทราบว่าเขาอยู่ใน ปี พ.ศ.
3750 ทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ คุยไป คุยไป รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็พอจับใจความได้ว่า เจ้าหนุ่มวิจารณ์ว่า เพราะเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว บรรพบุรุษได้ขุดเชื้อเพลิงคาร์บอนใต้พิภพที่ธรรมชาติใช้เวลาหลายล้านปีในการเก็บกักมันไว้ใต้โลกผ่านซากพืชสัตว์ที่ทับถมใต้ดินออกมาใช้เป็นแหล่งพลังงาน โลกเลยเกือบพินาศ เกิดขาดแคลนอาหาร โรคระบาด และภัยธรรมชาติมากมาย น้ำท่วมโลก มหาพายุ สรุปคือโลกมีกลไกที่ดีในการดึงคาร์บอนจำนวนมหาศาลลงไปเก็บในพื้นโลก แต่มนุษย์กลับปลดปล่อยมันขึ้นมาอีกครั้ง

เชี่ยวเอ่ยถามว่า เมื่อหมดยุคน้ำมันโลกใช้อะไรกัน เจ้าเด็กหนุ่มในอนาคตพูดเข้าใจยาก แต่พอเดาได้ว่าน่าจะเป็น ลม แสงแดด พลังงานความร้อนจากใต้พิภพ และนิวเคลียร์ เชี่ยวคิดว่าถ้าเขากลับไปได้จะไปทำธุรกิจลดการใช้น้ำประปาต่อไป เพื่อช่วยโลกลดพลังงานในการผลิตและขนส่งน้ำประปา ซึ่งคงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดโลกร้อน เพราะอนาคตเป็นผลจากปัจจุบัน

จากนั้นเชี่ยวขอให้เด็กหนุ่มพาเขาไปวัด เพราะคิดว่าพระอาจช่วยส่งเขากลับไปปี
2540 ได้ ซึ่งกว่าจะรู้เรื่องก็ยากเหลือเกิน เพราะในยุคนั้นพระไม่เหมือนกับพระในสมัยนี้แล้ว เจ้าเด็กหนุ่มพาเขาไปวัดแห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นเป็นตึกคล้ายตึกแถวเล็กๆ เพียงห้องเดียว วัดอยู่บนชั้นที่สามของตึกมีพื้นยกขึ้น พระแต่งตัวคล้ายคนปกติ มีผ้าเหลืองชิ้นเล็กๆ คล้องหูเพื่อแสดงว่าเป็นพระ และท่านยังต้องทำงานหาเลี้ยงชีพเอง

เชี่ยวนึกสลดใจ มันคล้ายสารคดีพุทธศาสนาของบางประเทศในปัจจุบันไม่มีผิด คำสอนดั้งเดิมถูกตีความออกไปเป็นหลายร้อยสาขา จนกระทั่งพระสามารถทำมาหากินได้ สามารถมีครอบครัวได้ ความเป็นพระสืบผ่านสายเลือดได้ และการนุ่งห่มของพระแตกต่างไป

เมื่อถามถึงพระพุทธรูป พระที่แต่งกายแปลกๆ องค์นั้นชี้ไปที่ รูปพิมพ์สีของพระพุทธเจ้าบนผืนผ้าเก่าคลาคล่ำบนผนัง ซึ่งมีอายุกว่า
1200 ปี เมื่อถามถึงการปฏิบัติธรรมพระในอนาคตก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว

เชี่ยวคิดว่า หากกลับไปได้เขาคงต้องรีบปฏิบัติธรรมอย่างไม่รีรอ

แล้วก็เหมือนกับโลกหมุนคว้าง เชี่ยวเหมือนตกจากที่สูง เมื่อตกใจสุดขีดเชี่ยวก็ตื่นขึ้นมา พร้อมยาดมที่เด็กวัดคนหนึ่งจ่อจมูก

ฟื้นแล้วครับ หลวงพี่เด็กวัดตัวเล็กตะโกนอย่างตื่นเต้น

อาตมาตกใจ แทบแย่ เด็กวัดบอกโยมหมดสติอยู่ก้นบ่อ เลยเรียกให้นำตัวขึ้นมา

หลวงพี่จึงเทศน์สอนเด็กวัดว่า พวกเธอดูน้าเขาเป็นตัวอย่าง น้าเขาเล่าให้ฟังว่า ทำงานส่งเสียแม่บุญธรรมมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ขนาดสอบได้ทุนเรียนต่อก็ปฏิเสธ เพราะอยากรีบออกมาทำงานหาเลี้ยงแม่บุญธรรมที่ยากลำบากเลี้ยงดูมา ความกตัญญูจึงทำให้อยู่รอดปลอดภัย แม้น่าจะต้องตายก็ไม่ตาย ดูสิ อยู่ในที่อับอากาศหายใจไม่ออกเกือบชั่วโมง ยังมีชีวิตอยู่ได้เลย

เชี่ยวคิดถึง คำของอ่องคะยอคะยอเพื่อนเก่าว่า ควรรีบปฏิบัติธรรมเสียแต่ในชาตินี้ที่คำสอนและข้อประพฤติปฏิบัติต่างๆ ยังชัดเจนอยู่มาก และนึกถึงประสบการณ์ที่เขาพึ่งพอเจอมาว่า ความตายอาจมาถึงตัวเมื่อใดก็ได้ และการปฏิบัติธรรมควรทำแต่เดี๋ยวนี้ไม่รอแก่หรือชาติหน้า


งานในบ่อเริ่มขึ้นอีกครั้ง เชี่ยวจดจ่อกับงานตรงหน้า อย่างมีสติ รู้แล้วว่า การปฏิบัติธรรมฝึกสติความรู้ตัวนั้น สามารถกระทำได้ทุกอิริยาบถ ไม่เว้นแม้ในขณะทำงาน

…………………………………………

หมายเหตุ
หากใครต้องการดูงาน การขุดบ่อน้ำเพื่อนำไปใช้ สามารถ ไปเยี่ยมชมได้ที่
1 บริเวณ ทางเดินรอบโลหะปราสาท วัดราชนัดดา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
2 สนามหน้าวัดเทพธิดาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
3 อุทยานสมเด็จย่า เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร จุดนี้มีการใช้จักรยานสูบน้ำด้วยครับ