Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๑๐๐

shortstory

ดอกไม้ในดวงวิญญาณ (ตอนจบ)

โดย ชลนิล


เขากำลังนั่งอยู่ริมท่าน้ำของบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง มีแพรตะวันนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ ส่วนด้านหลังเขาเป็นลำน้ำที่ไหลเอื่อยๆ มีหมอกขาวลอยเรี่ยอยู่ด้านบน

นี่พ่อฝันไปหรือเป็นความจริง ใบหน้า รูปร่างของแพรตะวันเป็นเหมือนเดิม ไม่ผิดจากลูกสาวคนเดิมของเขา ไม่มีร่องรอยของซากศพผมขาวโพลนที่สร้างความสะพรึงกลัวแก่ขาอีกต่อไป

อย่าสนใจมันเลยค่ะพ่อ หล่อนตอบ พ่อตกมาจากสะพาน แล้วก็มาขึ้นฝั่งที่นี่

ใช่...พ่อหนีพวกมัน เขาจำได้
แล้วพ่อคิดว่าหนีพ้นหรือคะ
เขาอึ้ง เหลียวกลับไปมองสะพานที่เห็นอยู่ลิบๆ หลังสายหมอก

คงไม่ เขาตอบอย่างจำยอม ไม่มีใครหนีกรรมของตัวเองพ้น
เป็นครั้งแรกที่แพรตะวันยิ้ม รอยยิ้มที่ไม่ต่างจากเคยยิ้มให้เขา
หนูดีใจที่พ่อยอมรับ

พ่อเหมือนกับได้ผ่านความตายมาแล้ว มันทำให้เข้าใจอะไรได้มากขึ้น เขาพูด
แล้วพ่อคิดว่าจะชดใช้ให้กับพวกเขาอย่างไร
เขาเงียบ เหม่อมองออกไปในสายน้ำ เนิ่นนานกว่าจะพึมพำเบาๆ
ชีวิตพ่อชีวิตเดียว จะชดใช้ให้พวกเขาพอไหม

ที่จริง มันไม่ได้อยู่ว่าพอหรือไม่พอ แต่เวลานี้ แค่แพรได้รู้ว่า พ่อสามารถสำนึกผิด แพรก็ดีใจแล้ว

สำนึกในความผิด...แท้ที่จริง เขาไม่อยากใช้คำนี้กับตนเองเลย เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ มันเกินกว่าคำว่าสำนึก...เขาไม่เพียงแต่แลเห็นความผิดของตน เขายังเจ็บปวดและเป็นทุกข์ในยามที่ระลึกถึง ความรู้สึกเหล่านี้ก่อตัวขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่วันที่แพรตะวันเสียชีวิต จนมาปะทุรุนแรงก็เมื่อกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย

ใช่ พ่อยอมรับ เขาตอบ
ถ้างั้น แพรอยากให้พ่อได้พบกับคนคนหนึ่ง

จบคำพูด เขาก็มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมายังท่าน้ำ แพรตะวันเบี่ยงตัวเล็กน้อยเป็นช่องให้ชายคนนั้นเข้ามานั่งเคียงข้าง

เขารู้ดีว่า อย่างไรก็คงต้องได้พบ เวลานี้สิ่งที่ดีที่สุดคือ ได้พูด ในสิ่งที่สมควรพูดมานาน

ถึงตอนนี้พ่อคิดว่า คำขอโทษ คงไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับลูกกับเขาอีกแล้ว แต่ถึงอย่างไร พ่อก็ขอโทษ สำหรับทุกสิ่ง

ท่านเป็นพ่อของผู้หญิงที่ผมรัก ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยท่าทางปกติ ไม่มีทีท่าคุกคามเช่นตอนอยู่บนสะพาน ถึงผมจะโกรธ และชิงชังในการกระทำของท่าน แต่ผมก็ไม่มีสิทธิเกลียดท่าน

แพรตะวันยิ้ม มองใบหน้าคนรักด้วยแววหวาน เป็นแววตาที่ผู้เป็นพ่อมองเห็นแล้วจึงกระจ่างแก่ใจ ต่อให้ทำอย่างไรเขาก็ไม่มีทางแยกสองหนุ่มสาวนี้ออกจากกันได้

แล้วลูกกับเขาต้องการให้พ่อทำอะไร เขาถามด้วยความแปลกใจในเรื่องพิลึกพิลั่นที่กำลังประสบ

พวกที่อยู่บนสะพานต้องการให้พ่อชดใช้ ส่วนลูกกับเขา แค่อยากให้พ่อยอมรับเรา

เขาพยักหน้า พร้อมกับทอดสายตามองไปทางสะพาน แว่วเสียงเรียกร้องขอความยุติธรรมลอยมากับสายลม มาถึงบัดนี้เขาจดจำเสียงเหล่านั้นได้ทุกเสียง ศัตรู ลูกน้อง กระทั่งเพื่อนสนิท...

มือของเขาราลงไปยังสายน้ำ สัมผัสถึงความเย็นเฉียบก่อนจะใช้อีกมือช่วยวักน้ำขึ้นมา

เวลานี้ พ่อทำได้แต่เพียงรดน้ำแสดงความยินดีกับลูก

สองหนุ่มสาวยิ้มเต็มที่ พร้อมกับหมอบราบ ยื่นมือพนมออกไปเบื้องหน้า

มือที่กอบน้ำสั่นน้อยๆ ขอบตาร้อนผ่าวด้วยความตื้นตัน
พ่อเสียใจ กับสิ่งที่เคยทำลงไป...แต่ถึงอย่างไร พ่อก็ขอให้ลูกมีความสุขตลอดไป
ค่ะ... เสียงตอบรับแผ่วเครือ น้ำที่รินรดอุ่นขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับเธอ เขาพูดกับชายหนุ่ม ขณะที่รินน้ำที่เหลือในมือลงไปอย่างช้าๆ ฉันขออโหสิได้ไหม

ใบหน้าที่ก้มต่ำเงยขึ้นช้าๆ ความสดใสฉาบเรื่ออยู่ในดวงตาชายหนุ่ม
ครับ

มีคนเคยบอกว่า...หากจะหายแค้น ต้องล้างแค้น...แต่ทว่ากลับมีบางสิ่งสามารถทำให้จิตใจคลายจากความอาฆาตแค้นได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ...

สิ่งนั้นคือ...
อโหสิ

ชั่ววินาทีนั้น เขารู้สึกเหมือนโซ่ตรวนที่พันธนาการจิตใจ ได้ถูกปลดออกพร้อมกับคำพูดสั้นๆ นี้เอง...

ท่านครับ ท่าน เสียงเรียกเบาๆ อย่างเกรงใจดังขึ้น เขาสะดุ้งเฮือกลืมตางุนงง

มีอะไร เสียงติดจะแหบ หากส่วนลึกในใจมีความกำซาบบางอย่างเกิดขึ้น
เราพ้นซอยออกมาถึงถนนใหญ่แล้วครับ ผ่านไฟแดงข้างหน้า เราก็จะถึงที่หมาย

เขาเอนหลังพิงเบาะ...สิ่งที่ได้พบเห็น เป็นเพียงความฝันเท่านั้นเองหรือ?

ขณะที่เกิดความลังเล ความชุ่มเย็นที่อยู่ในฝ่ามือก็กระตุ้นความรู้สึก...หยาดน้ำยังค้างคาอยู่ในมือ ไม่มีสิ่งใดให้สงสัยอีก

เขาระบายลมหายใจยาว รอยยิ้มที่ห่างหายไปนานได้ผุดขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง...เขาสามารถได้รับการอโหสิจากลูกสาวและลูกเขยแล้ว...แต่กับผู้คนอีกนับสิบ เขาจะทำอย่างไร จึงจะพอชดเชยความผิดแก่พวกเขาได้

เฮ้ยชิด จอดรถเข้าข้างทางให้หน่อย เขาบอกกับคนขับรถ
ครับ ความที่รับใช้กันมานาน ทำให้รู้ว่า เมื่อนายสั่ง ห้ามสงสัย
รถยนต์คันใหญ่เข้าจอดตรงบริเวณหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ริมถนน

ธง ลงไปหาซื้ออะไรให้กินรองท้องที เวลายังเหลืออีกเยอะไม่ใช่หรือ จากนั้นหันไปสั่งอีกคน

ชายหนุ่มคนสนิทรับคำ ก่อนลงจากรถ...เขาออกจะแปลกใจเล็กน้อยแต่ไม่กล้าถาม

ภายในรถมีแต่ความเงียบงัน หากนายไม่พูด ไม่มีใครกล้าชวนคุย
เมียเพิ่งคลอดลูกวันนี้ใช่ไหม คำถามลอยๆ
ครับ คนขับรถตอบจำเป็นต้องตอบ เพราะอยู่ในรถกันสองคน

ลูกชายหรือลูกสาวล่ะ
ลูกชายครับ
เห็นหน้าลูกหรือยัง

ยังครับ เขาอยู่คอยรับใช้ทั้งวัน มีเวลาปลีกตัวถามข่าวลูกได้ก็บุญแล้ว
งั้นหรือ คนเป็นนายพึมพำ ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปดูลูกได้แล้ว
อะไรนะครับ เป็นคำสั่งที่ผู้ฟังออกจะงุนงง

ลงจากรถ แล้วรีบไปดูลูกที่โรงพยาบาล คนสั่งย้ำอีกครั้ง ผู้ฟังยังสองจิตสองใจ เรื่องอยากไปนั้นแน่นอน แต่แปลกใจในคำสั่งมากกว่า

ไม่ได้ยินหรือ เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทางที่ดีสุดคือทำตาม
ขอบคุณครับท่าน เขารีบเปิดประตูลงจากรถ
เดี๋ยว เสียงเรียกตามหลัง พอเขาหันกลับมาจึงเห็น ท่าน ยื่นมือมานอกรถ

ฉันให้รับขวัญ...เด็ก... สิ่งที่อยู่ในมือเป็นเงินปึกโต
ขอบคุณครับ

ลับเงาหลังคนขับรถ เขาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ด้านหน้าขึ้นกดหมายเลขอันคุ้นเคย

สวัสดีครับผู้กำกับ เขาพูด คราวนี้ไม่ได้มีเรื่องรบกวนเกี่ยวกับเด็กของผมหรอก

น้ำเสียงเขาราบเรียบ เมื่อกล่าวถึงประโยคต่อไป

ผมมีข่าวบางอย่างจะบอกผู้กำกับ ข่าวนี้อาจทำให้ผู้กำกับและลูกน้องได้เลื่อนขั้นยกทีมกันก็ได้

เขาหัวเราะเบาๆ

เวลานี้มีการรวมพลใหญ่ ของเอเย่นต์ค้ายาฯ ระดับบิ๊ก ในงานมีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันบ้าง ไม่มากไม่น้อยส่วนสถานที่... เขาบอกชื่อสถานที่อย่างช้าๆ ชัดเจน

ผู้กำกับจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่อย่าถามผมว่า ทำอย่างนี้เพื่ออะไร เวลานี้ผมหมดเรื่องแล้ว...สวัสดี

วิธีที่คนขี่หลังเสือ จะลงจากหลังมันได้...ถ้าไม่ทำให้เสือกลัว ก็ต้องฆ่าเสือ

เสือตัวนี้ สร้างสิ่งต่างๆ แก่เขามากมาย หากฆ่ามัน เขาต้องสูญเสียทุกอย่างลงทันที...แต่เขากลับไม่รู้สึกเสียดายสิ่งใดแม้แต่น้อย...

คนเรา กระทั่งชีวิตยังไม่เสียดาย ยังมีสิ่งใดในโลกที่ผูกพันเขาได้อีก...

พ่อรู้ว่าสิ่งที่ทำไปนี้ ยังไม่เพียงพอต่อการชดใช้บาปผิดของพ่อได้ เขาพูดลอยๆ ภายในรถกว้างที่อ้างว้าง

ด้านนอก ผู้คนขวักไขว่ แต่ภายในกลับเงียบ ไร้เสียงตอบรับราวกับเป็นโลกส่วนตัว อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เพิ่มความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ละอองหมอกขาวค่อยๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าที่เบาะด้านข้าง

แพร... เขายิ้มรับเมื่อเห็นร่างรางๆ กลางสายหมอก
ไปกันหรือยังคะคุณพ่อ

แพรตะวันนั่งอยู่เบาะหลังเคียงข้างเขา ส่วนด้านหน้า เขาได้คนขับรถใหม่ เป็นชายหนุ่มที่เขาเพิ่งรับเป็นลูกเขย

ไปสิลูก

จะให้เขาไปที่ไหน เขายินดีไปทั้งสิ้น...สำหรับคนที่สำนึกในความผิดของตนแล้ว ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อชดใช้บาปผิดของตน เขาล้วนยินยอมกระทำด้วยความเต็มใจ...

ธง...คนสนิทของ
ท่าน เดินกลับมาที่รถพร้อมของว่างใส่ถาดเล็กๆ เมื่อเขาเปิดประตูออกมา เขาก็ไม่พบผู้เป็นเจ้านายเสียแล้ว

ในนั้น...มีแต่ละอองหมอกขาว ที่ลอยเอื่อยๆ หลากไหลราวกับสายน้ำ

เช้าวันรุ่งขึ้น มีพาดหัวข่าว การจับกุมกลุ่มเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่จำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยของกลางมูลค่ามหาศาล ผู้ต้องหากล่าวซัดทอดกันไปมา จนทำให้ทราบว่า...หัวหน้าใหญ่ในกลุ่มเอเย่นต์จริงๆ เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในวงสังคมและคนคนนั้นยังไม่ถูกจับ

เขาหายสาบสูญไปในคืนวันเกิดเหตุ ทิ้งสมบัติพัสถานมากมายไว้โดยไม่เสียดาย...

ไม่มีใครรู้ว่า
ท่าน ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นหายไปไหน...

บางข่าวบอกว่า ท่านผู้นี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
บ้างก็ว่า ท่านถูกสังหารและทำลายศพเรียบร้อย

บางทีก็มีข่าวว่า ท่านได้ไปอยู่กับเพื่อนสนิท ที่เป็นถึงระดับสุลต่านทรงอำนาจคนหนึ่ง...


เนิ่นนานหลายปี...มีบางคนได้พบพระภิกษุแก่ๆ รูปหนึ่งที่วัดป่าอันห่างไกลและกันดาร...ท่านไม่ค่อยพูดจากับใคร ปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย จนผู้พบเห็นมักเกิดความเคารพศรัทธา ท่านไม่เคยเล่าถึงอดีตของตน แต่หากมีใครไต่ถามท่านว่า...
ท่านมาบวชด้วยเหตุผลใด...ท่านก็จะตอบเพียงไม่กี่คำว่า...

เพื่อชดใช้...สร้างกรรมดีและยังประโยชน์แก่พวกเขา

--------------------------------------------------------------------------------

ดอกไม้ในดวงวิญญาณ เป็นเรื่องสั้นที่ได้รับการรวมเล่มในหนังสือรวมเรื่องสั้นเร้นลับ “ลางมายา” โดย ชลนิล