Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๙๕

ทูตมัจจุราช (ตอนจบ)

shortstoryโดย ชลนิล




ตะวันลับฟ้าความมืดโรยตัว ฝูงยุงบินว่อน ผมลุกขึ้น ก้าวไปยังหน้าบ้าน ประตูติดล็อก แต่มันไม่ใช่ปัญหา ฝีมือระดับผมต่อให้ลำบากกว่านี้ผ่านมาได้

พอเข้ามาในบ้านไม่เห็นรถจอดสักคัน เขาคงทิ้งรถที่ขโมยมาเรียบร้อยป้องกันถูกตามรอย ผมอ้อมไปด้านหลังพบสองพี่น้องกำลังช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในครัว

?แน่ใจนะคะว่าพี่ชายจะทำกับข้าวสู้ป้าแดงได้? หญิงสาวสูดกลิ่นกับข้าวแล้วยิ้มนิดๆ

?แน่ใจสิเจ้าน้อง ไม่เชื่อฝีมือพี่ชายตัวเองแล้วจะไปเชื่อมือใคร? น้ำเสียงเขาสดใส ไม่น่าเชื่อจะเป็นคนที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุน

ผมยืนดูเงียบๆ ทั้งสองสนใจแต่กับข้าวในกระทะ ไม่สังเกตอาคันตุกะในเงามืดเช่นผม

กับข้าวถูกตักใส่จาน หญิงสาวสูดกลิ่นอีกครั้งก่อนย่นจมูก
?กินได้แน่หรือคะพี่ชาย? เธอล้อ ผลคือโดนตะหลิวเคาะศีรษะ
?นี่แน่ะ โทษฐานไม่เชื่อฝีมือพี่ชายตัวเองก่อนชิม?

ผมกอดอกพิงกำแพง มองภาพอันอบอุ่นมีความสุขของพวกเขาเรื่อยๆ คล้ายกำลังชมภาพยนตร์ หากจะยกปืนขึ้นเล็งแล้วดับชีพเขาเวลานี้คงไม่ยากเลย แต่ผมไม่อยากให้เขาเป็นผีอดอยาก นักโทษประหารยังได้กินอิ่มหนำก่อนตาย...

หลังมื้อเย็นของสองพี่น้อง ผมหลบไปหน้าบ้านระหว่างที่พวกเขากำลังช่วยกันล้างจานอย่างสนุกสนาน ปล่อยให้มีช่วงเวลาแห่งความสุขกันเสียให้พอ

ผมลอบเข้าไปยังห้องนั่งเล่น นั่งไขว่ห้างบนโซฟานุ่มโดยพวกเขาไม่รู้ตัว นัยน์ตามองตรง มือจับปืนกระชับแน่นนิ่งรอ

การรอคอยไม่เนิ่นนานนักกว่าทั้งสองจะเดินคุยอย่างสนุกสนานเข้ามายังห้องนั่งเล่น พบผมกำลังใจเย็นคอยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ชายหนุ่มตกตะลึงชั่วขณะก่อนกระโจนไปหยิบปืนที่ตนเองซ่อนไว้ตามสัญชาตญาณ

?ปุ...? กระสุนปืนผมเร็วกว่า มันฝังยังโคนขาทำให้เขาทรุดฮวบเลือดไหลทะลัก

หญิงสาวได้ยินเสียงผิดปกติ สัมผัสถึงเหตุร้ายจึงหวีดร้องเสียงดัง ผมบุกประชิดฟันสันมือใส่เพื่อให้เธอหมดสติ

ชายหนุ่มเห็นน้องสาวตนทรุดฮวบ นัยน์ตาก็ลุกวาวดุจสัตว์ร้ายบาดเจ็บ
?ไอ้สัตว์ มึงทำร้ายน้องกู? เขาโผนเข้าใส่อย่างเร็ว แรง

ผมเบี่ยงตัวหลบ ซัดกำปั้นใส่ท้องน้อยเขาเต็มแรง เล่นเอาหมดสภาพยกปืนจ่อขมับเขาพร้อมกับแสยะยิ้ม

?มึงเป็นใคร? เขาเค้นถามเสียงลอดไรฟัน
?ยมทูต? ผมตอบ
?มึงเป็นพวกไหน? เขาไม่เชื่อคำพูดผม ?หรือว่าเป็นตำรวจ?
?ไม่ใช่? ผมตอบ
?มึงต้องการอะไรกันแน่?
?ฆ่ามึง? เป็นคำตอบสองคำที่หนักแน่นชวนยะเยือก
?ทำไม? เขาถาม

?เพราะมึงสมควรตาย? ผมไม่ตอบมากกว่านี้ กับคนใกล้ตายพูดมากไปก็เท่านั้น

เวลามาถึงแล้ว...ผมยิ้มอย่างปรานีก่อนเหนี่ยวไก...ทันใดนั้นหญิงสาวที่เพิ่งหมดสติก็รู้สึกตัวขึ้นมาราวกับมีสัญชาตญาณ หล่อนได้ยินคำพูดผมสามารถจับทิศทางจนสามารถพุ่งเข้าผลักผมออกจากพี่ชายเธอได้

กระสุนนัดนี้พลาดโดนเพดาน ชายหนุ่มรีบเข้าแย่งปืน ผมฟันศอกใส่และเตะกระเด็นไปนอนกองอยู่มุมห้อง หญิงสาวได้ยินเสียงพี่ชายครวญครางจากอาการขัดยอกและแผลกระสุนที่โคนขา จึงประคองเขาขึ้นแล้วใช้ร่างตนเองบังแทนโล่กระสุน

?คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องการฆ่าพี่ชายฉัน?
?อย่ารู้เลย? น้ำเสียงผมอ่อนลง
?ขอร้องล่ะ อย่าฆ่าพี่ชายได้มั้ย? หล่อนวิงวอน
?พี่ชายคุณสมควรตาย?
?ถ้างั้นฆ่าฉันแทนเถอะ ฉันเป็นคนตาบอด คนพิการสมควรตายกว่าพี่ชาย?
?ตาบอดไม่ใช่ความชั่วร้าย?

?ทำไม? เสียงหล่อนแผ่วล้า ?พี่ชายทำผิดอะไร คุณถึงต้องการฆ่าเขาด้วย?

ผมมองชายหนุ่มที่เกือบหมดสภาพเบื้องหลังหล่อน พบแววตาวิงวอน มันไม่ใช่การวิงวอนร้องขอชีวิต แต่เขากำลังขอความกรุณา...อย่าให้ผมทำลายภาพอันงดงามของตน

ในสายตาน้องสาว...เขาเป็นคนดีเสมอ

?พี่ชายเป็นคนดี เรามีกันสองพี่น้อง พี่ชายเลี้ยงฉันด้วยความยากลำบาก พี่ชายยอม อดเพื่อฉัน เหนื่อยยากทำงานทุกอย่างเพื่อรักษาตาของฉัน พี่ชายไม่ใช่คนเลว ไม่ใช่เด็ดขาด? น้ำตาเธอไหลพราก

ผมไม่เข้าใจตนเอง เหตุใดวาจาที่ต้องการหยามประณามชายตรงหน้าถึงถูกหยุดไว้ที่ริมฝีปาก

?คุณแน่ใจได้ยังไงว่าสามารถบังกระสุนแทนพี่ชายตัวเอง? ผมพูดเรียบๆ

หญิงสาวร่างเล็กบอบบาง ขณะที่ชายหนุ่มตัวใหญ่กว่า หล่อนไม่สามารถบังร่างเขาได้มิด ยิ่งไม่อาจเห็นด้วยว่าปืนผมจะเล็งตรงจุดไหน...ที่สำคัญ พี่ชายเธอไม่ต้องการน้องสาวเป็นโล่

ผมเคลื่อนปืนไปข้างหน้า ส่วนเขาก็ค่อยขยับห่างจากน้องสาวโดยไม่ให้เธอรู้ตัว

?ผมสามารถยิงพี่ชายคุณได้หลายจุด ถึงเขายังไม่ตายทันที แต่คงทรมานมากเหมือนกัน? ผมเล่นสงครามประสาท หวังให้หล่อนถอย

ทว่าเหตุการณ์กลับตรงกันข้าม หญิงสาวลุกพรวดเข้าใส่ผม พยายามแย่งปืนเท่าที่เรื่ยวแรงจะอำนวย ส่วนชายหนุ่มรวบรวมกำลังเข้าช่วยน้องสาวตน

ความชุลมุนเกิดขึ้นในเวลาไม่นานนัก ก่อนทุกอย่างจะคลี่คลายด้วยเสียงๆ หนึ่ง

?ปุ...? เสียงปืน...

หลังจากนั้นทุกอย่างเหมือนเป็นภาพช้า หญิงสาวผงะล้มลง ชายหนุ่มมองน้องสาวด้วยนัยน์ตาเบิกโพลงทำอะไรไม่ถูก ผมถอยหลังมาก้าวหนึ่ง ใจหล่นวูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...

กระสุนลั่นโดนหญิงสาว มันเป็นอุบัติเหตุที่ผมไม่ตั้งใจ...

เมื่อชายหนุ่มเห็นน้องสาวในสภาพนั้น ก็ชาร์จใส่ผมเหมือนหมาบ้า ผมรีบยิงสกัดโดยอัตโนมัติ กระสุนลั่นหยุดการจู่โจมสำเร็จ เขายังไม่ตาย หัวไหล่มีเลือดทะลักอีกแผลเท่านั้น

หญิงสาวขยับตัวครางเบาๆ เลือดสีแดงฉานไหลย้อมตั้งแต่หัวไหล่ถึงหน้าอก ไม่แน่ใจกระสุนโดนส่วนไหน ยังโชคดีที่มันไม่ได้ปลิดชีวิตหล่อน

ชายหนุ่มรีบตะเกียกตะกายไปประคองน้องสาวขึ้นมา ละล่ำละลักเรียกชื่อหล่อนไม่ขาดปากท่าทางเหมือนคนเสียใจจนเกือบคลุ้มคลั่ง

ผมทรุดตัวบนเก้าอี้อย่างหมดแรง มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาด ใจแปลบเจ็บร้าวคิดไม่ถึง...นี่หรือคนที่สามารถล่อลวงผู้หญิงไปขายใช้หน้าตา เสน่ห์ปอกลอกจนหลายคนหมดตัว บางครั้งถึงกับฆ่าตัวตาย สามารถพาคนบริสุทธิ์ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปตกนรกอยู่ต่างแดนโดยไม่ละอายใจ

ขณะนี้เขากำลังเป็นห่วงผู้หญิงคนหนึ่งอย่างจริงใจ ห่วงใยจนขาดสติ และผู้หญิงคนนั้นก็รัก เทิดทูนเขาจนไม่อาจมองเห็นตัวตนด้านมืดของเขาได้

?...แม้แต่คนเลวที่สุด ก็ยังมีคนเห็นบางส่วนความดีของเขา...?

ประโยคบนการ์ดใบล่าสุดลอยมาในห้วงความคิด...มีใครในโลกดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรือชั่วช้ามืดดำจนหมดทุกด้านบ้าง...ดวงจันทร์ที่สุกสกาวก็ยังซ่อนเงามืดที่โลกไม่อาจเห็น กระทั่งราตรีที่มืดมิดที่สุดก็ยังปรากฏสะเก็ดน้อยของแสงดาว

ผมถอนใจ โยนกุญแจรถให้พร้อมกับพูดเรียบๆ

?รถกูจอดอยู่ริมถนนนอกบ้านมึง ถ้าไม่กลัวถูกตำรวจจับ ก็รีบพาน้องไปโรงพยาบาลซะ?

เขาคว้ากุญแจ ฝืนอุ้มหญิงสาวไว้ในวงแขนโดยไม่ลังเล ร่างซวนเซ ใบหน้ามีร่องรอยเจ็บปวดจากแผลกระสุนปืน ถึงอย่างนั้นก็พยายามรวบรวมกำลังอุ้มน้องสาวตนออกไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายจะอำนวย

ผมมั่นใจ เขาต้องไปโรงพยาบาล หวังว่าหญิงสาวคงจะรอดชีวิต...

ไม่ว่าหล่อนจะรอดหรือไม่ ผมก็ทำความผิดแล้ว...ทำร้ายคนบริสุทธิ์ ทำให้คนดีต้องบาดเจ็บสาหัส เสี่ยงต่อความตาย

เมื่อเคยบอกตนเองเสมอจะไม่ยอมทำร้ายคนดี ไม่มีทางฆ่าคนผิด จิตใจมีความยุติธรรม...บัดนี้ไม่อาจกระทำตามคำยืนยัน ตนทำผิดเสียเอง จะเรียกร้องความยุติธรรมจากที่ไหน

หวนนึกถึงการกระทำที่ผ่านมา ต่อให้คิดว่าฆ่าคนสมควรฆ่าก็จริง...แต่เมื่อทำแล้วได้ประโยชน์อะไร...พ่อของแม็คก็ไม่ฟื้น สมบัติไม่ได้คืน แม่ยังคงตรอมใจตาย เพื่อนผมก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

ที่ผมทำไปทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกัน เพื่อสังคมหรือสนองความสะใจตน...

คราวนี้คำตอบลอยมาในหัวงความคิด คำตอบนั้นทำให้สอกแสยงใจยิ่งหัวใจหนาวยะเยือกด้วยความกลัว
?มุมมืด? ของตนเอง

ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ เหยียดยิ้มเยาะหยันตน...ในเมื่อเคยคิดเสมอว่ามีจิตใจยุติธรรม ไม่เคยลำเอียงเข้าข้างใคร แม้แต่ตัวเอง...บัดนี้ยอมรับผิดแล้ว...สมควรชดใช้อย่างไร...

?คนที่ไม่เคยทำความผิด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย?

ถ้ามีปากกาและการ์ดอีกใบผมคงเขียนประโยคนี้ลงไป เหมือนกับที่เคยเขียนทุกครั้งเพื่อตักเตือนตัวเอง

ไม่มีใครเขียนการ์ดนิรนามพวกนั้นนอกจากตัวผม จากสำนึกส่วนดีที่พยายามฉุดรั้งใจ...

น่าเสียดายที่ผมไม่เคยเชื่อมัน...ครั้งนี้ก็เช่นกัน

มือกำปืนแน่น ยิ้มนิดๆ ก่อนยกมันขึ้นจ่อขมับ...ทำผิดต้องชดใช้ ไม่อาจลำเอียงได้แม้กระทั่งตัวเอง
!

นิ้วสอดเข้าโกร่งไก ปากกระบอกอุ่นระอุผิว ผมรู้ว่ากำลังทำผิดอีกครั้ง แต่ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่ทำเช่นนี้คงต้องทนทุกข์ทรมารกับบาปผิดละอายใจไปตลอดชีวิต

ลมหายใจถูกระบายยืดยาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเหนี่ยวไกปืน
?...แชะ...? กระสุนไม่ลั่น
ขณะที่ผมจะดึงลูกเลื่อนซ้ำ ประสาทตาก็รับภาพประหลาดตรงหน้า...

เงารางๆ ของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้น มันไหวระริกราวกับเป็นเงาในน้ำ ผมขนลุกซู่ ใจเต้นตูมตามเกินระงับ...เงาร่างนั้นช่างคุ้นตาเหลือเกิน

เสียงหนึ่งกระหึ่มก้องไปมาในสมอง

?...ทำผิดย่อมต้องได้รับการชดใช้แน่นอน แต่คนกล้าอย่างแท้จริงจะไม่ยอมชดใช้ด้วยวิธีนี้...?

กระแสเสียงคุ้นหู มีพลังอำนาจให้ปืนหลุดจากมือ น้ำตาผมไหลอาบแก้มระบายความอัดอั้น พยายามมองภาพนั้นให้ชัดถนัดตา...

...เงาร่างนั้นคือตัวผมเอง...

สำนึกส่วนดีรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย สร้างภาพขึ้นมาเตือนสติ...เป็นการเตือนที่ผมไม่มีโอกาสได้รับอีก หากดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟัง

ระหว่างสำนึกดีชี้ทาง กับความโง่ ดื้อรั้น อัตตาดันทุรังชักพา...ผมควรจะเลือกเดินตามทางเส้นใด

บางคนทั้งที่รู้ปลายทางเป็นเช่นไร แต่ก็ไม่อาจฝืนหักห้ามใจ ราวกับว่าเส้นทางที่ดีนั้นเดินทางยากเกินกว่าคนธรรมดาจะไปได้...

น้ำตาผมยังไหลไม่หยุด สนามรบในจิตใจกำลังราวีกันรุนแรง...ผลของมันเป็นอย่างไร

คนเรา...ถ้าตนเตือนตนไม่ได้ ใครอื่นก็ยากจะเตือน...หากเส้นทางที่ต้องฝืนความดื้อรั้น โง่เง่านั้น มันเดินยากนักล่ะก็...ผมจะขอลุยกับมันสักครั้ง...

อีกสองวันต่อมา หนังสือพิมพ์มีพาดหัวข่าวใหญ่
?มหาเศรษฐีหนุ่มมอบตัว สารภาพเป็นมือสังหารนับสิบศพ?

________________________________________________________

ทูตมัจจุราช เป็นเรื่องสั้นที่ได้รับการรวมเล่มในหนังสือรวมเรื่องสั้นเร้นลับ ?ลางมายา? โดย ชลนิล

?