Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๙๔

ทูตมัจจุราช (ตอนที่ ๑)

shortstoryโดย ชลนิล



...
?แม้แต่คนเลวที่สุด ก็ยังมีคนเห็นบางส่วนความดีของเขา?...

การ์ดแผ่นนั้นเสียบอยู่ใต้ประตูห้องผม มันเป็นแผ่นที่เท่าไหร่ก็ยากจะจำ ข้อความบนการ์ดแตกต่างกันมีเพียงสิ่งเดียวที่เหมือนคือทุกใบจะปรากฏก่อนผมออกไป
?ทำงาน?

งานของผมไม่เหมือนใคร และไม่น่าจะมีใครล่วงรู้รายละเอียดจนกระทั่งการ์ดปริศนาเริ่มปรากฏ

ใครกันที่รู้ความลับนี้...รู้และยังกล้าส่งการ์ดมาท้าทาย...

ผมสงสัยแต่ไม่สามารถพบร่องรอยอื่น เจ้าของการ์ดไม่ก้าวก่ายงานผม ไม่เคยทำอะไรมากกว่าส่งการ์ดพร้อมข้อความตักเตือน มันคงเป็นสงครามประสาท...น่าเสียดายที่ผมไม่ใส่ใจ ผมไม่เคยสนใจกับเรื่องไร้สาระ

ถ้ามีใครสักคนถามว่าผมดำรงชีวิตได้อย่างไร โดยไม่ทำงานทำการประกอบอาชีพอะไรเลย...

ผมคงย้อนถามเขาว่า...รู้จักนามสกุลผมหรือไม่...รู้มั้ยบุพการีสะสมทรัพย์สินให้ผมมากขนาดไหนก่อนท่านจะตาย

หลายคนอาจว่าผมเป็นพ่อพวงมาลัย เสเพล ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่ทำงานทำการให้เป็นเรื่องเป็นราว อาศัยนอนกินมรดก ก็ช่างพวกเขา...ถึงผมไม่ทำงานเหมือนใครแต่ก็ไม่เคยสร้างความเดือนร้อนให้สังคม เหมือนใครหลายคนที่เชิดหน้าชูคอมีเกียรตินักหนา ทว่าเบื้องหลังกลับเหม็นเน่า

ผมเคยพบคนประเภทนี้มาแล้ว เขาเป็นนายทุนร่ำรวยที่ไร้คุณธรรม เห็นแก่ตัว...ครั้งหนึ่งเขาต้องการสร้างรีสอร์ท สนามกอล์ฟอวดเพื่อนพ้องจึงกว้านซื้อที่ดินมาแปลงใหญ่ แต่ติดอยู่ที่แปลงหนึ่งเจ้าของไม่ยอมขาย

?มันเป็นที่ของบรรพบุรุษ ขายไม่ได้?
นี่คือเหตุผล
?สิ่งไหนที่กูต้องการ กูต้องได้? เป็นคำประกาศจากนายทุนคนนั้น

เขาได้ที่ดินผืนนั้นจริงๆ โดยเจ้าของไม่อาจทัดทาน เนื่องจากลงไปนอนอยู่ในหลุมเสียแล้ว พวกทายาทถูกข่มขู่จนกลัวต้องยอมขายมันไปด้วยราคาแสนถูก

เป็นครั้งแรกที่ผมเกลียดใครสักคนได้มากขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่านี่จะเป็นการกระทำที่มนุษย์พึงมีต่อกัน...

บางที...ผมอาจไม่เกลียด
?มัน? เท่านี้ ถ้าคนที่ตายไม่ใช่พ่อของเพื่อนที่ผมรัก คนชั่วนั่นไม่ได้ฆ่าพ่อเพื่อนผมคนเดียว เขายังทำลายชีวิตทุกคนในครอบครัวจนหมด...แม่เพื่อนผมเสียใจจนไม่ทำอะไรนอกจากร่ำไห้คร่ำครวญ เพื่อนผมพยายามเรียกร้องความเป็นธรรมแต่ก็โดนอำนาจมืดเล่นงานจนสะบักสะบอมยอมแพ้ต่อโชคชะตา ปล่อยชีวิตเลื่อนลอย เมาไม่เป็นผู้เป็นคนจนชีวิตดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ ไม่มีใครสามารถช่วยฉุดรั้งได้

ผมอาจไม่เบนเข็มมาทำงานนี้ หากไม่ได้พบการใช้ชีวิตส่วนตัวของมัน...

คืนอันครึกครื้นในคลับชั้นสูง มันมาเที่ยวแบบเศรษฐีใจป้ำ หน้าใหญ่ทิปนักร้องด้วยจำนวนเงินที่น่าตกใจ ซื้อสาวบริการค้างคืนด้วยราคาที่คนยากจนสามารถใช้ตั้งตัวได้

ผมสะอิดสะเอียนการกระทำเหล่านี้ คิดอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อชะล้างความขุ่นแค้นในใจ...

...ผมฆ่ามัน...

อย่าถามว่าผมใช้วิธีการแบบไหน และพ้นมือกฎหมายได้อย่างไร...เพราะมันคงเป็นวิธีที่ไม่ต่างจากมันใช้จนลอยนวลยิ้มระรื่นนั่นแหละ

พอมันตาย ทรัพย์สินต่างๆ ถูกลูกหลาน เมียหลวง เมียน้อยรุมทึ้งแย่งชิงราวกับแร้งกินซากศพเห็นแล้วสะใจพิลึก นึกอยากตะโกนถามมันในนรกนักว่า...

?เป็นยังไงล่ะสมบัติของมึง หามายากลำบากนักหนา เหยียบย่ำกองซากศพมาเท่าไหร่ ตายแล้วไม่เห็นหอบเอาไปได้สักสลึง ลูกเมียก็ตบตีแย่งชิงกันอย่างกับผีเปรต...?

หลังงานเผาศพมัน ผมได้รับการ์ดใบแรก...

?...กรรมย่อมสนองเสมอ ไม่ใช่แต่เขาเท่านั้น...คุณก็เช่นกัน...?

ผมตกใจตัวเย็นวูบ คิดว่าใครกันที่ล่วงรู้ความลับการกระทำของผม...พยายามเร่งสืบหาต้นตอเจ้าของ...อาจมีคนล้อเล่น ไม่ก็แกล้งบลั๊ฟกัน...แต่ไม่พบ ทุกอย่างไร้ร่องรอย เงียบสนิทจนผมคลายใจ

กระทั่งผมพบเหยื่อรายที่สอง...

มันเป็นข้าราชการชั้นสูง เปลือกนอกเป็นคนดี น่านับถือศรัทธา แต่ฉากหลังกลับเลวร้ายจนยากจะรับได้

อย่าให้สาธยายความเลวของมันเลย อาจสะเทือนแผลใครหลายคน แต่ความเลวที่ผมให้อภัยไม่ได้คือ มันทำให้กระบวนการยุติธรรมต้องมัวหมอง ปล่อยคนผิดที่ประชาชนทั้งประเทศรุมประณามได้ลอยนวลเหนือกฎหมาย ให้คนนั้นได้ยืนยิ้มบอกต่อหน้านักข่าวอย่างหน้าด้านว่า...

?ก็ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ไงครับ ศาลก็ตัดสินแล้ว กระบวนการยุติธรรมเที่ยงตรงเสมอ?

ผมวางแผนฆ่าเหยื่อรายที่สองนานพอสมควร ก่อนการลงมือผมได้รับการ์ดอีกแผ่น...

?ถึงมันตาย ปัญหาก็ใช่ว่าจะหมดลง คุณก็จะยิ่งเพิ่มบาปให้ตัวเอง?

ผมชะงักงัน อึ้งไปนาน ใครกันล่วงรู้แผนการนี้ มันรู้ได้อย่างไร...ป่านนี้มันคงไปบอกเหยื่อผมแล้วกระมัง

เมื่อคิดได้จึงต้องหยุดแผนไว้ก่อน รีบสืบหาคนเขียนการ์ดโดยเร่งด่วน...แต่...ไม่มีวี่แววเช่นเคย

สุดท้ายลองเสี่ยงใช้แผนเดิมดู...ปรากฏว่าสำเร็จ ผมฆ่ามันอย่างราบรื่น ไม่มีอุปสรรคใดๆ

การ์ดใบนั้นถูกทิ้งอย่างไม่แยแส ไฟในใจลุกโพลงยากจะมีใครมาดับได้

คนชั่วในโลกมีมากเหลือเกิน น่าแปลกที่ทำไมพวกมันตายช้าเหลือเกิน มีชีวิตอยู่เนิ่นนานเพื่อก่อกรรม สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คนไม่หยุดหย่อน ทำให้คนดีถดถอย คนจัญไรอหังการ

ผมจึงไม่เสียใจที่ฆ่ามันไปถึงสองคน คิดว่าแผ่นดินน่าจะสูงขึ้นด้วยซ้ำ...เหมือนการค้นพบตัวเอง รู้ในสิ่งที่ตนอยากทำอย่างแท้จริง นั่นคือ เป็นตัวแทนจากนรก ทูตมัจจุราชมาตามเข่นฆ่ากวาดล้างพวกเสนียดสังคมให้สิ้น ทำแผ่นดินให้สะอาดเพื่อลูกหลานในวันข้างหน้า...

ปลิงชั่วรายที่สาม รายที่สี่ และรายต่อๆ มาตายลงราวกับใบไม้ร่วง ตำรวจไม่สามารถจับทางผมถูก การฆ่าคนแต่ละครั้งมีวิธีมากมาย ไม่ซ้ำกัน บางครั้งไม่ต้องใช้อาวุธ ไม่ต้องออกหน้า มือไม่เปื้อนเลือดก็สำเร็จได้

?สมอง? และการรู้จักใช้วาจา เป็นอาวุธที่ร้ายกาจยิ่งกว่าดาบ ปืน

การ์ดยังส่งมาสม่ำเสมอ ผมเลิกใส่ใจกับมัน คิดว่าเขาคนนั้นอาจไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผม แต่ไม่กล้าขวางเต็มลำ ผมเชื่อว่ามีคนมากมายอยากให้คนชั่วตายจนสิ้น เพียงไม่กล้ากระทำเอง จึงต้องมี
?ผม? คนของมัจจุราชเท่านั้นกระทำแทนพวกเขา

ผมเมามันกับการฆ่าคน ดีใจที่ได้ยินเสียงสาปแช่งตามหลังพวกมัน ทำให้ผมมั่นใจในการกระทำของตน...ทุกสิ่งถูกต้อง ยุติธรรมแล้ว ผมไม่เคยทำร้ายคนดี ใครถูกว่าตามถูก ใครผิดว่าตามผิด ไม่เคยลำเอียง แม้แต่ตนเอง...

วันนี้...เหยื่อรายล่าสุดถูกขึ้นบัญชี

เขาเป็นชายหนุ่ม รูปหล่อ สุภาพมีความรู้ มีเสน่ห์จับใจคน น่าเสียดายที่ใช้สิ่งเหล่านี้ไปในทางที่ผิด

เริ่มจากเป็นแมงดา สูบเลือดหญิงม่าย สาวใหญ่อารมณ์เปลี่ยวทำให้หลายครอบครัวแตกแยก ผู้หญิงบางคนเสียใจถึงขั้นฆ่าตัวตาย ต่อมาก็ข้ามขั้นล่อลวงผู้หญิงไปขายตามซ่องชั้นสูง และกลายเป็นเอเย่นต์ค้าผู้หญิงข้ามชาติรายใหญ่

คุณเคยได้ข่าวโสเภณีไทยไปตกนรกยังต่างแดนมั้ย บางคนเหลือแค่เถ้ากระดูกกลับบ้าน นั่นแหละเป็นฝีมือของ
?มัน? ผู้ชายแสนดีที่สาวๆ หลงไหลนักหนา

ผมมองการ์ดในมืออีกครั้ง...
?...แม้แต่คนเลวที่สุด ก็ยังมีคนเห็นบางส่วนความดีของเขา...?
คนเขียนการ์ดต้องการบอกอะไรกับผม...

ผมขยำมันลงขยะ อาบน้ำให้สดชื่น ผ่อนคลายประสาท ขจัดเรื่องวุ่นวายใจเล็กๆ น้อยๆ ออกไปให้สิ้น

หลังอาบน้ำแต่งตัวก็มานั่งจิบกาแฟชมบรรยากาศริมสวนยามเช้าอย่างสบายใจ ยังไม่อยากออกไปไหนจนกว่าจะได้ดื่มด่ำกับความสุขส่วนตัวจนพอใจ

เสียงออดดังขึ้นหน้าบ้าน ทำลายบรรยากาศดีๆ ของผม ฟังแล้วต้องถอนใจ มีแค่คนเดียวที่กล้ามากวนผมเวลานี้

?ว่าไงวะแม็ค? ผมเปิดประตูเนือยๆ

ชายผอมโทรม ใบหน้าตอบซูบ นัยน์ตาลึกกลวงยืนอยู่หน้าประตู กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาปะทะจมูก ถ้าจะบอกว่า เมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นหนุ่มหล่อขวัญใจสาว กระตือรือร้นต่อชีวิต มีความสดใส อารมณ์ดีเป็นนิตย์ อนาคตไกลคงไม่มีใครเชื่อ

?หวัดดีเว้ยขุนเพื่อนรัก? เขาทักทายเสียงไม่อ้อแอ้ เมื่อคืนคงไม่เมาหนัก
?เข้ามาข้างในสิ?

แม็คเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย ผมสั่งเด็กรับใช้ให้ชงกาแฟดำมาให้เขาแก้วหนึ่ง
?ขอบใจว่ะ? เขาพึมพำขณะรับกาแฟ

ผมนั่งรอจนเขาดื่มกาแฟหมดแล้ว รู้ว่าจะได้ยินคำพูดเช่นไรจึงถามดักคอเสียก่อน
?เงินหมดแล้วหรือไง?
เขายิ้มแห้งๆ ผมแอบถอนใจ

?คราวนี้เอาเท่าไหร่? ผมถามต่อ
พอเขาบอกจำนวนเงินผมก็ลุกไปหยิบมาให้อย่างง่ายๆ
?ขอบใจมากว่ะเพื่อน ขอบใจจริงๆ? เขายินดีแต่ผมหดหู่ใจ...

เพื่อนสนิทคนเดียวกลับไปแล้ว ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ ระบายลมหายใจเหน็ดเหนื่อย ใจอ่อนล้า ไม่รู้ว่าการหยิบยื่นเงินทองช่วยเหลือกันแบบนี้มันถูกหรือผิด

แม็คเป็นเพื่อนรักคนเดียวที่ผมมี เราเคยผ่านเหตุการณ์พิสูจน์ใจกันหลายครั้งสมัยวัยรุ่น พ่อเขาตายด้วยน้ำมือไอ้สารเลวคนหนึ่ง ผมฆ่ามันแก้แค้นให้เขา แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แม็คเกาะอยู่กับขวดเหล้าจนถูกไล่ออกจากงาน ผมตักเตือน ช่วยเหลือหาวิธีฉุดรั้งทุกวิถีทางจนเขาเริ่มดีขึ้นบ้าง แม่เขากลับมาตรอมใจตาย...ความทุกข์ครั้งนี้ฉุดแม็คให้ทรุดหนักจนผมช่วยอะไรไม่ได้

การตายของคนชั่วคนนั้นไม่ได้ทำให้ครอบครัวแม็คดีขึ้น พ่อไม่ฟื้น แม่ไม่เลิกเสียใจ ทุกอย่างพังหมดไม่ต่างจากบ้านขาดเสาเรือน เสาหลักสำคัญ

ผมถามตัวเอง สิ่งที่ทำครั้งนั้นมีประโยชน์อะไร...ทำเพื่อเพื่อน หรือเพื่อสนองอารมณ์ดิบของตน

มันเป็นคำถามที่ยังไร้คำตอบ...

บรรยากาศตอนเช้าเสียไปแล้ว ผมลุกขึ้นเก็บของที่ต้องใช้งานใส่กระเป๋า ก่อนนำมันไปยัดไว้ที่เบาะท้ายรถ กำลังจะเข้าบ้านก็มีแขกคนใหม่มาถึง

?ขุน? หญิงสาวที่เรียกชื่อผมอย่างคุ้นเคยมีดวงตาเศร้าเหลือเกิน
?สวัสดีจ้ะอิน นึกยังไงมาหาผมแต่เช้าเชียว? ผมทักทาย
เจ้าของชื่อยังไม่มีรอยยิ้ม

?ขุนให้เงินแม็คอีกแล้วใช่มั้ย? หล่อนถามผม
?รู้เรื่องเร็วจังแฮะ ดักซุ่มอยู่หน้าบ้านผมหรือเปล่า? ผมแกล้งแซวพูดเป็นเรื่องเล่น

?อินเคยขอร้องขุนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้เงินแม็คอีก? ใบหน้าหล่อนเครียดขึ้น ขณะที่ผมยังยิ้มสบายใจ

อินเป็นผู้หญิงที่รักและหวังดีกับแม็คมากที่สุด รักอย่างไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่สภาพของแม็คตอนนี้ทำให้ทั้งคู่ไม่อาจลงเอยกันได้

?โธ่...แล้วอินจะให้ผมทำยังไง มันเป็นเพื่อนผมนะ ขืนไม่ให้เดี๋ยวก็อดตายเปล่าๆ?

?ไม่มีทางหรอก ขุนยิ่งให้เขายิ่งสบายใจ กินเหล้าเมายา ใช้ชีวิตไร้ความหมายอย่างนี้ไปตลอด?

?อิน...? ผมทอดเสียงอ่อนโยน ?แม็คเป็นเพื่อนผมนะ ผมไม่อยากเห็นมันลำบาก?
?งั้นขุนก็ต้องช่วยฉุดเขาขึ้นมาสิ? น้ำเสียงหล่อนจริงจัง
?ผมลองแล้ว...ทุกวิถีทาง? ผมเน้นคำท้าย ?แต่เขาไม่ดีขึ้นเลย?

?ก็ขุนใจอ่อน แม็คซมซานมาก็ให้...ลองขุนใจแข็งปล่อยให้เขาอดตายจริงๆ สิ รับรองเขาต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ใครๆ ก็รักชีวิต มันอาจทำให้แม็คได้คิดบ้างก็ได้?

?โอเค...ตกลง...ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้เงินเขาอีกแล้ว?
?ขุนก็พูดอย่างนี้ทุกที? เสียงของอินอ่อนลง แต่ก็ยังรู้ทันผม
?คราวนี้ผมรับปากอินจริงๆ นะ...ไม่แน่ผมอาจไปเที่ยวไกลๆ สักพักก็ได้?

?ขุนจะไปไหน? น้ำเสียงของหล่อนบอกว่าเป็นห่วง...อินเป็นห่วงทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ

?ยังไม่รู้เลย...ขืนผมอยู่ต่อก็อาจใจอ่อนอีก? ผมยิ้มละไม ?คราวนี้ผมรับปากอินแล้วก็ไม่อยากเสียคำพูดเหมือนครั้งก่อนอีก...ยังไงถ้าผมไม่อยู่ฝากอินดูแลมันด้วยแล้วกัน?

หญิงสาวพยักหน้าอย่างเต็มใจ ผมแอบแปลบใจเล็กๆ ไม่ได้...ทำไมถึงไม่โชคดีอย่างแม็คที่ได้รับความรัก ความรู้สึกดีๆ จากผู้หญิงแบบนี้

คิดไปแล้ว คงไม่มีใครที่สมบูรณ์ไปทุกเรื่อง แล้วก็คงไม่มีใครที่จะได้รับแต่สิ่งร้ายๆ อยู่อย่างเดียว

ที่สนามบิน

บริเวณที่พักผู้โดยสารผู้คนหนาแน่น มากหน้าเดินกันขวักไขว่ ผมเกร่แถวเสาต้นหนึ่งทำตัวสบายๆ ไม่สะดุดตาใคร สายตามองยังชายหนุ่มสูงเพรียว ใบหน้าคมสันสวมแว่นตาดำ ข้างกายมีหญิงสาวหลายคนเตรียมเดินทางมีกระเป๋าเสื้อผ้าคนละใบ

เขาคือเหยื่อรายล่าสุดของผม

เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารดังขึ้น หญิงสาวกลุ่มนั้นหิ้วกระเป๋าออกเดินโดยมีชายหนุ่มตามประกบระวัง

เพียงไม่กี่ก้าว ตำรวจในเครื่องแบบต่างกรูกันมาขอค้นกระเป๋า พวกผู้หญิงหน้าซีดเผือด แต่ชายหนุ่มกลับเก็บอาการ รักษาสีหน้า แววตาซ่อนนัยความคิด

กระเป๋าเปิดอ้า ตำรวจแบ่งกำลังรื้อค้น เขาอาศัยจังหวะที่ตำรวจคุมตัวเกิดเผลอ ซัดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จนหน้าหงายแล้วกระโจนหนีออกจากสนามบิน...

ผมลอบติดตามทันเห็นเขาแย่งมอเตอร์ไซค์ได้คันหนึ่ง ขับตะบึงข้ามเกาะกลางถนนมุ่งออกไปยังเส้นทางนอกเขตกรุงเทพฯ

ตำรวจรีบวิทยุสกัดจับ ผมแอบขับรถตาม เสียเวลากลับรถที่ยูเทิร์นพักใหญ่กว่าจะไล่เกาะเส้นทางหนีของเขาถูก

เหยื่อของผมทำงานเกินตัว รายได้จากค้าผู้หญิงคงน้อยไป จึงแอบขนยาเสพติดไปกับหญิงสาวเหล่านี้ด้วย

ผมรู้การเคลื่อนไหว พฤติกรรม อาชีพของเขา จึงแจ้งตำรวจเพื่อให้เขาเป็นหมาจนตรอก ถ้าถูกจับก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าเกิดรอดมาได้...

รับรองว่าต้องเจอกับทูตมัจจุราชเช่นผม...ซึ่งบทลงโทษของผมมีข้อเดียว...ประหาร

สายลมยามเย็นพัดเฉื่อยฉิว ผมจอดรถแล้วเดินเล่นตามถนนเส้นเล็กที่ทอดขนานลำคลอง มองตรงไปเห็นบ้านน้อยหลังกะทัดรัดสร้างอยู่ริมคลอง รอบบ้านเป็นสนามหญ้า ปลูกดอกไม้แซมเป็นระยะ ตรงข้ามเยื้องกับบ้านเป็นเพิงหลบแดด รอรถบริการซึ่งนานๆ จะมาสักคัน...

ผมนั่งในเพิงสอดสายตาเข้าไปภายในบ้านหลังนั้น รั้วกระถินทึบด้านหน้าปกปิดบรรยากาศภายใน ส่วนหลังบ้านเป็นรั้วกำแพงแข็งแรงแน่นหนา

ดวงตะวันคล้อยต่ำ นกบินเป็นหมู่ หางแถวยาวตัดท้องฟ้ายามอัสดง ตะวันใกล้ตกดิน เหมือนชีวิตคนหนึ่งที่กำลังจะสูญสิ้น

หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาส่งหญิงวัยกลางคนที่หน้าประตูบ้าน เสียงของทั้งสองลอยมากระทบหู

?ขอโทษนะจ๊ะที่ป้าไม่ได้อยู่ดูแลพี่ชายของหนู หลานชายมันป่วยหนักต้องรีบไปดูมันหน่อย แต่รับรองพรุ่งนี้ป้าจะมาแต่เช้าเลย?

?ไม่เป็นไรค่ะ ป้ารีบไปเถอะ น้องช่วยตัวเองได้ นานๆ พี่ชายจะมาสักทีให้น้องดูแลเขาบ้างรับรองว่าทำได้?

หญิงกลางคนยิ้มให้หล่อนอย่างอ่อนโยน ผมเพิ่งสังเกตว่าหญิงสาวคนนั้นตาบอด

?จ้ะ...คุณน้องเก่งอยู่แล้ว ป้าไปก่อนนะจ๊ะ...?
คุณป้าเดินจาก หญิงสาวค่อยเข้าบ้าน ผมดึงปืนจากเอวใส่ที่เก็บเสียง...

เหยื่อของผมหลบตำรวจอยู่ในบ้านหลังนี้ ผมตามรอยเขาเจอไม่ยากนัก เพราะลอบสืบความเคลื่อนไหวของเขามาก่อนหน้าเป็นเดือน

ทว่า...ขณะที่เห็นน้องสาวตาบอดของเขา ความลังเลก็บังเกิด...ถ้าเขาตาย ใครจะดูแลน้องสาวพิการ...แต่วูบเดียวกันผมก็เกิดความคิดขัดแย้ง

เขาตายไปเสียคน ผู้หญิงจำนวนมากจะรอดจากการถูกส่งไปลงนรก ยาเสพติดจะขาดสายส่งหนึ่งราย ช่วยเพื่อนร่วมโลกไม่น้อยให้พ้นจากการถูกมอมเมา

ผมตัดสินใจดีแล้วที่ฆ่าเขา มั่นใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง ในใจมีความยุติธรรมแน่นอน

(อ่านต่อฉบับหน้า)
________________________________________________________

ทูตมัจจุราช เป็นเรื่องสั้นที่ได้รับการรวมเล่มในหนังสือรวมเรื่องสั้นเร้นลับ ?ลางมายา? โดย ชลนิล