Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๙๓

ความพยาบาทสีชมพู

shortstoryโดย ชลนิล



ความโกรธแค้น ทำให้อาฆาต...ความอาฆาตที่ยังไม่สะสาง ทำให้บุปผาแห่งความพยาบาทเบ่งบาน...คืนที่ฉันรอคอยมาถึงแล้ว คืนแห่งการชำระล้าง...

แสงไฟบนเสาข้างทางสว่างจ้า รถเข็นแผงก๋วยเตี๋ยวริมถนนกำลังว่างวาย ฟ้ามืดเฉกเช่นเคยเป็น เจ้าของแผงอาหารริมทางต่างนั่งซึมรอคอยลูกค้า ทว่าสิ่งที่มาหากลับตรงข้ามกับความต้องการอย่างที่สุด

บรื้น...บรื้น...
มอเตอร์ไซค์นับสิบคันแผดเสียงดังลั่นๆ พร้อมกับไฟหน้าส่องกราดดั่งนัยน์ตาภูตร้าย กระหายความปั่นป่วน

?เก๋าเจ้ง...ไอ้เวรตะไลพวกนี้มาอีกแล้ว?

?กูว่าแล้ว อย่างนี้ลูกค้าที่ไหนจะมา พวกแม่งแข่งรถกันแทบทุกคืน?

?น่าจะมีใครเอาน้ำมันเครื่องมาราดถนน ไอ้นรกพวกนี้จะได้ตายโหงตายห่ากันบ้าง?

กี่คืนแล้วที่ฉันเฝ้ารอคอย กี่คืนแล้วที่ฉันได้แต่เดินไปเดินมาอย่างเดียวดาย...กี่คืนแล้ว นับจากคืนที่ฉันต้องพบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต

?ความตาย? คือการเปลี่ยนแปลงนั้น

บนถนนไร้ยวดยาน หากแต่บริเวณริมทาง มีฝูงมอเตอร์ไซค์จอดเรียงราย รอเวลาปล่อยตัวรอบสุดท้าย

สองข้างทางเป็นทุ่งนาร้าง ถนนนี้เพิ่งตัดใหม่ ใช้เป็นทางเลี่ยงเมือง ดึกดื่นเช่นนี้ ยากจะพบพานรถรา

?ลงเท่าไหร่วะไอ้เต้? เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น

?ไอ้เต้ มึงเป็นอะไรไปวะ? เสียงเดิมดังอีกครั้ง คราวนี้ เด็กหนุ่มอีกคนค่อยๆ หันมา ใบหน้าเผือดซีด แววตาเหมือนเพิ่งได้สติ

?มึงถามอะไรกู? เสียงถามเบา ติดแหบๆ
?กูถามว่า มึงจะลงเงินพนันเท่าไหร่?
?เท่าไหร่ก็แล้วแต่มึง กูขับอย่างเดียว?
?เออ...เออ...งั้นกูจะจัดการให้?

เต้ค่อยๆ เบือนหน้าจากเพื่อนสู่ความมืด เขาไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือไม่ ที่ยังกลับมาสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง

?ไอ้เต้มันเป็นอะไรวะ? เขาได้ยินเสียงกล่าวถึงตนเองอยู่แว่วๆ
?โรคซึม อย่างเดิมแหละมึง?
?แม่ง ไม่หายจริงๆ เหรอวะ ไอ้โรคเหวอ จากตอนที่รถมันล้มคราวนั้น?
?ถ้าคราวนั้น แฟนมันไม่ตาย มันคงดีกว่านี้เยอะว่ะ?
?อะไรวะเรื่องมันผ่านมาเกือบปีแล้ว มันน่าจะหายนี่นา?

?มึงไม่รู้อะไร ตั้งแต่รถล้มคราวนั้น ไอ้เต้มันไม่ยอมจับรถอีกเลย จนเพิ่งกล้ากลับมาขับไม่กี่เดือน แล้วนี่ไม่รู้มันบ้าอะไรขึ้นมา ถึงกลับมาแข่งรถอีก?

...หนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง...เต้ตอบเพื่อนเขาในใจ

เสียงยางระเบิดคราวนั้นยังติดหู รถหลุดโค้ง ชนแผงกั้นอย่างแรง ทั้งเขาและคนซ้อนท้ายกระเด็นไปคนละทิศละทาง โลกทั้งใบหมุนโคลงเคลง เขาได้ยินเสียงดัง ตึก ตึกๆ ๆ ก่อนทุกสิ่งจะดับวูบลง

นัยน์ตาเขารับภาพอีกครั้ง เมื่อเห็นสีแดงวะวาบจากไซเรนรถพยาบาล เขาพยายามฝืนตัวเหลียวมองรอบๆ แต่ไม่พบสิ่งใด นอกจากผ้าขาวเปื้อนเลือดแดงฉาน กับเสียงหวอดังลั่นๆ

เขาไม่มีโอกาสเห็นใบหน้าคนซ้อนท้าย...ใบหน้าหญิงที่เขารัก...

เด็กสาวที่ซ้อนท้ายมาด้วยกระเด็นไปไกลกว่า ร่างถูกเสียบบนตอไม้ข้างคันนาร้าง เสียชีวิตก่อนรถพยาบาลมาถึง...

และจากวันนั้น เขาไม่กล้าแตะต้องรถมอเตอร์ไซค์อีก จนเวลาผ่านไปเกือบปี เขาจึงเกิดความกล้า...ไม่คิดหนีสิ่งที่กลัวอีกต่อไป

หลังจากทำความคุ้นเคยกับเพื่อนเก่าไม่นาน เขาก็เข้าสู่สนามแข่งเดิม เหตุผลที่มา ไม่ใช่เพื่อเงิน ไม่ใช่แค่ความสนุกแต่เพื่อเอาชนะความกลัวให้เด็ดขาด

ความจงใจของเขาในครั้งนี้ คือให้จุดเริ่มต้นการแข่งขัน เป็นจุดเกิดอุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้ว และห่างไปไม่ไกล...ตอไม้ที่เสียบร่าง
?ฟาง? หญิงที่เขารัก ยังอยู่เฉกเช่นเดิม...

ตายแล้วไปไหน...เป็นคำถามที่ฉันขบขันสมัยมีชีวิต แต่ถ้ามีใครมาถามฉันในขณะนี้ คงได้คำตอบว่า...

...ยังไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันได้แต่เดินไปเดินมาอยู่อย่างนี้...รอคอยเต้...คนที่เคยรัก คนที่พาฉันมาสู่จุดจบเช่นนี้...

รอคอยเพื่ออะไร...?
น่าขัน หากมีใครคิดถามฉันเช่นนี้

ถ้าหากคุณต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว อ้างว้างเช่นนี้ คุณต้องการรอคอยคนรักของคุณเพื่ออะไร...?

นั่นแหละ คำตอบของฉัน

ลมรัตติกาลพัดพากลิ่นแปลกๆ โชยชาย ฟ้ามืดเช่นเคยมืด แมลงกลางคืนส่งเสียงจ๊อกแจ๊กตามคันนาร้าง ถนนสายยาวไม่มีแสงไฟ ทุ่งนาข้างทางเปลี่ยวร้าง เดียวดาย

เต้รู้สึกเหมือนมีสายตาทอดมองเขามาแต่ไกล สายตานั้นทำให้เขาเย็นวะวาบตั้งแต่ต้นคอถึงไขสันหลัง เขาขบริมฝีปากระงับอาการแปลกๆ เพื่อนๆ ทุกคนเข้าประจำที่ เขาก้าวคร่อมอาน บิดกุญแจ เตรียมตัว

ถนนข้างหน้าโล่ง มืด ทุ่งนาข้างทางแห้ง วังเวง แมลงหรี่เสียงราวกับตั้งใจรอคอย

?เฮ้ย ลุยทางเดิมนะโว้ย ระยะไกล ไปตามเส้นรอบเมือง ผ่านสี่แยกสองแยก เส้นชัยอยู่หน้าโรงพยาบาล?

มีคนเคยถามว่า ทำไมเส้นชัยต้องอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล...คำตอบคือ ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนไปส่ง

ลมยะเยือกพัดมา ดังเป็นสัญญาณเตือน...

หนึ่ง...สอง...สาม...

นาฬิกาในใจเต้ดังเป็นจังหวะ เพื่อเตรียมตัว...เขาเคยชอบขับมอเตอร์ไซค์เร็วๆ บนถนนที่โล่งว่าง ให้ลมปะทะหน้า และเสียดสีผ่านร่าง มันทำให้เขามีความสุขคล้ายกับล่องลอยบนปุยเมฆ เสียงเร่งเครื่องเสมือนเสียงดนตรีปลุกเร้าจิตใจ ลมที่ห่อหุ้มร่างคล้ายอ้อมกอดอันอบอุ่นของธรรมชาติ โอบอุ้มเขาไว้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

แต่ช่วงเวลาที่เขาหยุดขับรถ กลายเป็นคนเดินถนนธรรมดา บางค่ำคืน เขามานั่งกินก๋วยเตี๋ยวตามแผงริมถนน ทุกครั้งที่กลุ่มมอเตอร์ไซค์เพื่อนๆ เขา หรือจะเป็นกลุ่มอื่นก็ตาม ได้โลดแล่น เร่งเครื่องไปบนถนน เขาจะได้ยินเสียงสาปแช่ง ด่าทอจากเหล่าเจ้าของแผงอาหารริมทาง ลูกค้าบางคนรีบอิ่ม เพื่อหนีมลภาวะทางเสียง

ช่วงเวลานั้น เขานึกเสียใจ ที่ความสนุก ความสุขของพวกเขาตั้งอยู่บนความเดือดร้อนของผู้อื่น...

นี่เป็นอีกเหตุผล ที่ทำให้เขาไม่อยากแข่งมอเตอร์ไซค์

แต่แล้ว...เพราะต้องการชนะความหวั่นกลัวในใจ เขาจึงย้อนกลับมาทำในสิ่งที่อยากหลีกหนี

...นี่จะเป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายของเขา...

ฉันเดินช้าๆ ไปบนถนน ฝูงมอเตอร์ไซค์กำลังเร่งเครื่องแผดร้อนราวกับกลัวชีวิตในวันพรุ่งนี้ ขาทั้งคู่พาฉันเดินผ่านนักบิดแต่ละคน ฉันมองเห็นใบหน้าที่มีทั้งความมุ่งมั่น เอาชนะ และบางที ก็มีเพียงความสนุกสะใจ...


จนกระทั่งถึงใบหน้าเขา...

ฉันหยุดยืน พิจารณาเขาอย่างถี่ถ้วน ชายคนนี้ เปลี่ยนแปรไปมากมายเหลือเกิน จากเด็กหนุ่มที่เล่นสนุก เที่ยวเฮฮาวันๆ กลับกลายเป็นคนเคร่งขรึม ช่างคิด...

ฉันอยากรู้นักว่า ในสมองเขา กำลังคิดถึงอะไรอยู่...ระหว่าง การแข่งขันคืนนี้ หรือ...ฉัน...

ใครนะ ชอบบอกว่า...คนตายมักล่วงรู้จิตใจคนเป็นได้...

?ระวัง?
เสียงแรกดังขึ้น แทบจะพร้อมๆ กับเสียงเข้าเกียร์ เร่งเครื่อง
?เตรียมตัว?
เสียงเร่งเครื่องดังสนั่น
?ไป?

ปล่อยคลัช รถทะยานดังติดปีก แสงไฟเกือบสิบดวงพุ่งตรงเป็นลำยาว โลดแล่นไม่ผิดกับงูพระเพลิงแข่งขันล่าเหยื่อ

สายลมปะทะร่างเขา เสียงเร่งเครื่องปลุกเร้าสัญชาตญาณเดิมๆ ให้คืนมา เขาลืมทุกสิ่งรอบตัว สายตาเพียงจับอยู่บนถนนเบื้องหน้า มือบิดคันเร่ง ทะยานรถให้นำหน้ากลุ่มเพื่อนฝูง

เสียงแผดร้องของเหล่ามอเตอร์ไซค์ ไม่ผิดจากเสียงอสูรกาย ที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยจากนรก...

ผ่านย่านชุมชน ร้านรวงข้างทางลับผ่านโดยไม่ทันมอง แต่เต้ก็รู้สึกเหมือนแว่วเสียงด่าทอ ผ่านเข้ามาในหู

?แม่ง...แข่งกันอีกแล้ว ไอ้พวกเด็กนรก?
?กลางค่ำกลางคืนไม่รู้จักหลับนอน มีแต่หาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน?
?เมื่อไหร่ยมบาลจะมาเอาตัวพวกมันไปสักทีวะ?

เขาถอนใจ ไม่มีคำแก้ตัว

นักแข่งรถไม่ห่วงชีวิตเช่นเขาและเพื่อนๆ มีเหตุผลไม่กี่อย่างที่ยอมลงสนาม ส่วนใหญ่จะเป็นพวกใจรัก ชอบความเร็วและหวังเงินเดิมพัน

ถึงอย่างนั้นก็มีอีกพวก ที่ชอบเสี่ยงตาย ถอดเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้น แล้วนอนขับมอเตอร์ไซค์ ใช้มือตบเปลี่ยนเกียร์แถมยังดับไฟหน้า และเกือบทุกรายได้ตายสมใจ...

ขณะนี้ เขาผ่านเส้นรอบเมืองมาได้ครึ่งทาง ผ่านสี่แยกมาหนึ่งแยก ความเร็วของรถ ทำให้เขาแทบไม่อาจแยกแยะบรรยากาศสองข้างทาง เขาเพียงพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้เร็วเท่าที่ใจต้องการ ทิ้งเพื่อนที่ตามหลังมาไม่ต่ำกว่าห้าสิบเมตร

หูเขาได้ยินเสียงลมที่ดังลอดหมวกกันน็อก ร่างของเขาสัมผัสกับผิวผ่านของสายลมยามดึก สมาธิ จิตใจเขามุ่งมั่นอยู่กับเส้นทางเบื้องหน้า จนกระทั่ง...

ใช่...จนกระทั่ง มีน้ำหนักบางอย่างกดทับลงบนอานด้านหลัง

ขนบนคอเขาลุกเกรียว มือผ่อนคันเร่งโดยไม่รู้ตัว เต้รู้สึกเหมือนมีใครบางคน กำลังขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ ในขณะที่ความเร็วเกินร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

เบาะยุบวูบ น้ำหนักของผู้นั่ง ไม่ได้ทำให้ความเร็วลดลง แต่ความมืดรอบตัว โอบล้อมด้วยนาโล่งๆ บนมอเตอร์ไซค์ ความเร็วสูง ทำให้เต้เริ่มสั่น หวั่นไหว

เขาพยายามขบกราม ข่มความกลัว บอกกับตนเองว่า
?ไม่มีอะไร? แล้วบิดคันเร่งขึ้น...

?ไม่มีอะไร?...แน่หรือ? คราวนี้ไม่ใช่เพียงน้ำหนักที่กดบนอานด้านหลังเท่านั้น แต่เขากำลังสัมผัสกับอีกร่างหนึ่งที่นั่งซ้อนท้าย และเอนร่างแนบหลังเขา

เต้ขนลุกเกรียว เสียววูบที่ท้องน้อย เหงื่อกาฬแห่งความกลัวค่อยๆ ซึมลงมา...

หล่อนเป็นผู้หญิง เขาแน่ใจเช่นนั้น ที่สำคัญ มือของหล่อนกำลังเลื่อนมาโอบเอวเขาช้าๆ

ร่างเขาสั่นระริก สติสั่นคลอน จิตใจหล่นวูบสู่ปลายเท้า มือที่มองไม่เห็นโอบเอวเขากระชับมั่น เขาขับรถเหมือนไม่ได้ขับ เวลาเพียงไม่กี่วินาที นานเหมือนชั่วกัปกัลป์

ฉันนั่งซ้อนท้ายเขา เหมือนที่เคยนั่ง โอบเอวพิงกับแผ่นหลังกว้างอย่างคุ้นเคย ผสานความรู้สึกตนเองให้เป็นส่วนหนึ่งกับสายลม อย่างที่เขาเคยบอก

ความสุขในวันวาน ย้อนทวนกลับมาหาฉัน ภายในเวลาไม่กี่วินาที

ใช่...เหตุการณ์จากนี้ไป ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที เท่านั้นเอง


เต้กำลังขับรถอย่างโดดเดี่ยว บนถนนร้างที่ไม่คุ้นเคย บรรยากาศรอบๆ วังเวงจนน่าสะพรึงกลัว เพื่อนๆ ที่ขับตามต่างเร้นหายไปจนหมด

ขับมาอีกสักครู่ เขาเริ่มมองเห็นผู้คนอยู่เต็มสองข้างทาง ค่อยใจชื้นขึ้น แต่แล้วเมื่อเข้าไปใกล้ เขาต้องขนลุกซู่ นึกอยากเร่งเครื่องหนีโดยเร็ว

คนหรือปีศาจ เขาไม่อาจแยกแยะ ถ้าหากเป็นคน ก็เป็นคนในสภาพใกล้จะเป็นศพ กำลังแห่แหนขึ้นมาบนถนน ยื่นมือไขว่คว้าจะกระชากเขาลงจากรถ เขาอยากบิดคันเร่งขับหนี แต่รถมอเตอร์ไซค์ไม่ยอมทำตามคำสั่ง มันวิ่งไม่เร็วไม่ช้าผ่านฝูงซากศพที่พยายามจะทำร้าย โดยไม่อาจเข้าถึงตัว...เขาเพียงเป็นผู้ผ่านมาเห็นเท่านั้น

ถนนมืด ไร้ซากศพ เขากำลังขับรถบนถนนที่ไม่มีใครรู้จักอีกครั้ง มือของหล่อนเลื่อนสูงจากรอบเอวขึ้นแตะต้นแขน เขารู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะเป็นอัมพาต เริ่มจากขา เอว และต้นแขน มันลามไปเรื่อยๆ ตามมือที่หล่อนสัมผัส

?หล่อน? เลื่อนมือช้าๆ ไปตามแขนเขา จนมือหล่อนทาบทับมือทั้งสองข้างของเขา และเวลานี้ อัมพาตลามจนเกือบทั้งร่าง เหลือเพียงความรู้สึกเหนือคอขึ้นไป

?ฟาง? เขาเอ่ยปากเบาๆ รู้ดีว่าหญิงสาวที่ซ้อนท้ายเป็นใคร ต่อให้หล่อนไม่มีตัวตน แต่สัมผัสเช่นนี้ คุ้นเคยในความทรงจำ

เพียงคำพูดเดียว ถนนเปลี่ยวร้าง ไร้ผู้คนพลันแปรเปลี่ยนเป็นทางเส้นเดิม เขากำลังขับมอเตอร์ไซค์นำหน้ากลุ่มเพื่อนๆ อย่างไม่ไกลนัก เวลานี้เต้ไม่สนใจผลแพ้ชนะอีกแล้ว ร่างเขายังเป็นอัมพาตเช่นเดิม รถวิ่งได้ด้วยอำนาจของมือที่มองไม่เห็น

?บรื้น...บรื้น...? มอเตอร์ไซค์ด้านหลังต่างเร่งแซงเขาไปทีละคน ไม่มีใครสังเกตความผิดปกติของเขา ทุกคนมุ่งหวังอยู่ที่เส้นชัย...พ้นโค้งสุดท้าย...ผ่านสี่แยก จะถึงหน้าโรงพยาบาล

?คุณจะทำอะไรกับผม...ฟาง? เขาถามเบาๆ ขณะที่กำลังล้าหลังเพื่อนๆ

ไม่มีคำตอบ นอกจากมือของหล่อนสั่งมือเขาให้บิดคันเร่งจนสุด รถทะยานไล่ตามคันหน้าอย่างเร็ว

เร็ว...เร็ว...เร็ว...เป็นความเร็วจนน่าหวั่นวิตก เขาไม่เคยขับรถเร็วขนาดนี้ เพียงมองเห็นไฟท้ายรถเพื่อนๆ อยู่ลิบๆ ไม่นานมันก็ใกล้เข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อ

ใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามา จนดูเหมือนเขาจะพุ่งเข้าชนมอเตอร์ไซค์คันหน้า เต้หลับตารวบรวมความกล้าพูดออกไป...

?ถ้าคุณต้องการผม ก็พาผมไปคนเดียว อย่าให้เพื่อนผมต้องเดือดร้อนด้วย?

จากนั้นเขาลืมตามองกระจกข้างรถ

ฟางอยู่ในนั้น หล่อนจ้องมองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า ซีดจาง ใบหน้าขาวเผือด ใสจนแลแทบจะทะลุได้ ในความว่างเปล่าของดวงตา เขาคล้ายจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างที่ถ่ายทอดออกมา แล้วหล่อนก็เริ่มยิ้ม เป็นรอยยิ้มสาสมใจอันน่าสะพรึงกลัว...

ฝูงรถมอเตอร์ไซค์ที่นำหน้าขับผ่านโค้งสุดท้ายไปแล้ว...สำหรับเขา...รู้ตัวดี...

มือที่ถูกบังคับผ่อนคลายลง ทว่าเมื่อเข้าโค้งสุดท้าย มอเตอร์ไซค์กลับไม่ยอมตีวงเลี้ยว รถทั้งคันพุ่งชนแผงกั้นแหกโค้งลงสู่ข้างทางด้วยความเร็วสูง...

ไม่นาน...ไม่นานเลย
?เอี้ยด...ปัง...ปัง...โครม...?

ฉันได้ยินเสียงเหล่านี้อีกครั้ง...เสียงที่ทำให้ฉันต้องทิ้งชีวิตมนุษย์ของตนลงไป...
เวลานี้ ฉันแน่ใจว่าได้กระทำในสิ่งที่ตรงกับความต้องการอย่างที่สุดแล้ว...

เต้มองเห็นแสงสว่างอันพร่าพราย ก่อนที่จะพบใบหน้าของพ่อและแม่

?เป็นยังไงบ้างลูก สลบอยู่ตั้งหลายวัน แม่เป็นห่วงเหลือเกิน?
?ผม...ยังไม่ตายหรือครับ? เขาถามเสียงแหบแห้ง

?ก็เกือบไปล่ะ แกนี่มันจริงๆ เลย เจ็บคราวก่อนยังไม่เข็ด ยังอุตส่าห์หาเรื่องไปแข่งรถอีก? เสียงของพ่อแม้จะฟังฉุนเฉียว แต่ก็แฝงความโล่งใจ ?ยังดีที่รอดตายมาได้ ไม่เหมือนพวกเพื่อนๆ แก มันตายกันยกทีมหมด?

เขาสะดุ้ง แทบลุกพรวดจากเตียงพยาบาล
?ใครตายน่ะพ่อ?

?ก็พวกเพื่อนแกสิวะ? พ่อกระแทกเสียง ?มันขับมอเตอร์ไซค์ไปชนสิบล้อ ที่สี่แยก ก่อนถึงโรงพยาบาล ตายหมด ตำรวจเขาสงสัยว่า ไอ้คนขับสิบล้อมันเมายาหรือเปล่า จู่ๆ เล่นขับพรวดมาจอดกลางสี่แยก ตอนเพื่อนๆ แกห้อตะบึงกันมาพอดี ไฟหน้ารถก็ไม่เปิด พอเสร็จไอ้คนขับก็เปิดหนี บางคนเขาว่ามันจงใจขับมาให้มอเตอร์ไซค์ชนเหมือนกัน?

เต้หลับตา เขารู้เหมือนกันว่า มีคนมากมาย ไม่ชอบการแข่งขันมอเตอร์ไซค์เช่นนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่า จะมีใครจงใจแกล้งขับรถสิบล้อมาขวางทาง ให้ชนกันระเนระนาดขนาดนี้

?แกยังดี ที่ไปแหกโค้งเสียก่อน ไม่งั้นก็ไปเฝ้ายมบาลพร้อมเพื่อนๆ แกเหมือนกัน?

?พ่อก็...อย่าพูดอะไรไม่ดีกับลูกอย่างนั้นสิ?

เขาพลิกตัวเอียงหน้าหนีพ่อแม่ ไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรอีกต่อไป สิ่งที่สื่อจากแววตาของฟางในกระจกก่อนรถจะแหกโค้งนั้น เขาเพิ่งเข้าใจ...แท้จริง มันแทนคำพูดเพียงไม่กี่คำ...

?...ยังรักเขาเสมอ...?

เขาไม่แน่ใจว่า แรกทีเดียวหล่อนต้องการอะไร แต่ในที่สุด หล่อนจงใจช่วยชีวิตเขา...เท่านั้นก็เพียงพอต่อคำอธิบายใดๆ แล้ว

ความมืดคลี่คลุมถนนสายยาวที่เพิ่งจะร้างราจากยวดยาน สองข้างทางวังเวงด้วยทุ่งนาโล่ง บริเวณริมถนน ไม่มีเงาวอบแวบของวิญญาณสาวที่เคยเดินวนไปเวียนมา หล่อนจากไปนานแล้ว...จากไปตั้งแต่วินาทีที่ไว้ชีวิตคนรัก แทนการคร่าชีวิตเขา

แต่ทว่า ห่างไปไม่ไกล ระหว่างโค้งมรณะกับสี่แยกใกล้โรงพยาบาลจะมีเงาดำๆ คล้ายเงาไม้ที่มืดสนิทกว่ารัตติกาลนับสิบเงา เดินวนเวียนอย่างหดหู่ ทดท้อ...พวกมันกำลังรอคอย...รอคอยเพื่อนฝูงที่จะแวะเวียนมาหา

และไม่แน่...เพื่อนฝูงเหล่านั้น อาจได้มาอยู่เป็นเพื่อนมัน ไม่ก็เป็นตัวตายตัวแทนของพวกมัน

...ไม่นานหรอก...ไม่นาน...พวกมันบอกกล่าวแก่กันเช่นนี้...
ไม่นาน...การรอคอยของมัน คงสิ้นสุดลง...สักวัน

________________________________________________________

ความพยาบาทสีชมพู เป็นเรื่องสั้นที่ได้รับการรวมเล่มในหนังสือรวมเรื่องสั้นเร้นลับ ?ลางมายา? โดย ชลนิล

?