Print

นิยาย/เรื่องสั้นอิงธรรมะ - ฉบับที่ ๘๑

ซวยซ้ำซวยซาก

ธีระวัฒน์ อนันตวรสกุล?

พรรณบุปชาติ เป็นแม่ค้าขายอาหารอยู่เพิงริมถนนย่านชานเมือง แกเพิ่งไปเปลี่ยนชื่อมาจากคำแนะนำของหมอดู ที่บอกว่าชื่อเก่าคือทองสุกนั้นไม่เป็นมงคลต่อชีวิต เพราะคำว่า "สุก" คือ การถูกต้มจนสุก เป็นชื่อร้อน ทองสุกจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "พรรณบุปชาติ" ชื่อที่หมอดูบอกว่า ผูกดวงแล้ว อักษรต่างๆมีความเชื่อมโยงกับดวงดาวที่ให้คุณแก่ดวงแกทั้งสิ้น และแกจะต้องร่ำรวย แต่กว่าจะได้ชื่อนี้ แกก็เสียเงินค่าเซ่นวิชาหมอดูไปแล้ว ๙๙๙ บาท ทั้งๆที่ปะราคาไว้หน้าร้านแค่ ๓๙ บาทเท่านั้น?

แกไม่เห็นจะโชคดีอย่างที่หมอดูบอก หลังเปลี่ยนชื่อ พรรณบุปชาติก็ซวยเซ่นชื่อใหม่ ด้วยการถูกสาวทำงานบัญชีคนหนึ่งที่เมากลับมาจากงานแต่งงานเพื่อน เพราะเศร้าที่อายุสามสิบแล้วยังหาแฟนกับเขาไม่ได้ ขับรถด้วยความมึนเมา เสยแผงอาหารของแกตอนตีสี่ เวลาที่แกเตรียมจะเปิดร้าน แม้แกจะไม่บาดเจ็บ แต่สิ่งของทุกอย่างเสียหาย เว้นแต่ซึ้งนึ่งขนมกับตู้โชว์กับข้าวกระจกเท่านั้นที่ไม่เป็นอะไรเลย?

ถึงจะได้ค่าชดเชยก็ไม่คุ้มกับโอกาสที่เสียไปหลายวัน สาวทำงานไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่แกคิด แต่งตัวดี มีรถขับ แต่ไม่มีเงินเก็บเลย รถก็ยังผ่อนเขา จะไปเอาอะไรชดใช้มากมาย ถือว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน นึกถึงความซวยไปเช็ดตู้โชว์กับข้าวไป ตู้ใบนี้อยู่กับเธอมายี่สิบปีแล้ว ตั้งแต่ลูกชายยังเล็กๆ?

พอนึกถึงลูกชายวัยยี่สิบของแก ก็เศร้าอีก วันๆ เอาแต่ถลุงเงิน ไปนั่งร้านเกมงานการไม่ทำ หนีเรียนตั้งแต่ม.ต้น ขลุกอยู่แต่ร้านเกมออนไลน์ซึ่งแกไม่ค่อยจะรู้จักนัก พอเงินหมดก็กลับมาบ้านเพื่อขอเงิน?

ตู้กับข้าวมีรอยบุบอยู่นิดนึง และกระจกร้าว บิ่นไปหน่อยๆ รอยนี้เองที่สามีขี้เมาของเธออาละวาดทุบตีแก แล้วขว้างปาสิ่งของไปโดนเข้า สามีแกหนีไปมีเมียใหม่แล้ว ไม่เคยสนใจมาส่งเสียเลี้ยงดูแกและลูก?

ก่อนหน้านี้ ป้าพรรณบุปชาติหรือป้าทองสุก มีลูกจ้างต่างด้าวสองคนที่แกแอบจ้างไว้ เพราะค่าแรงถูกแถมขยันกว่าแรงงานไทยที่แกเคยจ้าง แบบที่มาทำงานตั้งแต่ตีสาม ก่อนเธอเปิดร้านถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะกลัวนายจ้างไม่จ้าง ไม่เคยบ่น ใช้อะไรก็ทำ และไม่เคยโกงเงินแกเลย แกคิดว่าแกมีวาสนาที่มีลูกจ้างดี แต่ที่ไหนได้ ไม่นานก็ถูกคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่แรงงานปรับเป็นเงิน 20,000 บาท พอเช็คกับกระทรวงแรงงานแล้ว กระทรวงยืนยันว่าไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไป และสรุปว่าแกน่าจะถูกหลอกจากพวกแก๊งค์มิจฉาชีพ?

ทำไมหนอ ชีวิตแกจึงเจอแต่เรื่องซวยๆ นึกว่าจะได้ลูกจ้างดีไว้ใช้สอย ก็พลันต้องเลิกจ้างเพราะเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง คนต่างด้าวสองคนนั้นก็น่าสงสาร เพราะจริงๆทั้งสองเป็นคนไทยพลัดถิ่น อยู่ในหมู่บ้านไทยใกล้ชายแดนที่ถูกขีดเส้นแบ่งเขตแดนว่าอยู่ในเขตพม่า ทั้งสองคนเป็นคนหนักเอาเบาสู้ ไม่เที่ยวเตร่เสเพล และพูดไทยได้ชัดเจนเหมือนคนไทย ทั้งสองอาจจะซวยกว่าเธอ เพราะคนพวกนี้ ทางฝั่งพม่าก็ขับดันไล่ให้ข้ามแดน เพราะบอกว่าไม่ใช่พม่า พอมาฝั่งไทย ก็ถูกผลักไสว่าเป็นคนพม่า โชคชะตาช่างกลั่นแกล้งคนดีๆ ขยันทำงาน คิดแล้วน้ำตาจะไหลให้ได้?

เช็ดตู้กับข้าวเสร็จก็นั่งลง มีคนเข้ามาสั่งอาหาร คนๆนั้นพาลูกสาววัยน่ารักมาด้วยหนึ่งคน แกคิดถึงลูกสาวแกขึ้นมาจับใจ เพราะตอนนี้หนีตามผู้ชายไปเสียแล้ว อุตสาห์คิดหวังจะพึ่งลูกสาวในยามชรา ที่แกเลี้ยงดูและสนับสนุนอย่างดี ไม่ให้ช่วยงานที่ร้าน เพื่อให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือสร้างอนาคตอย่างเต็มที่ แต่ความหวังสิ้นสูญ ลูกสาวที่เธอคิดว่าตั้งใจไปโรงเรียนทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ไปติวกับเพื่อนนั้น ไม่เคยถึงโรงเรียน กลับไปขลุกอยู่บ้านผู้ชายที่ไม่ได้ดูดีมีอนาคตอะไรเลย จนพลาดพลั้งท้องและหนีตามผู้ชายไป ไม่คิดถึงหัวอกแม่?

ตักกับข้าวไปส่งให้ลูกค้าเสร็จ ก็กลับมานั่งเศร้า ถอนหายใจยาว คิดท้อแท้ในชีวิต?

....................?

หลวงตาแก่ๆรูปหนึ่งเดินมาจากไหนไม่รู้ แกคิดว่าโอกาสดีแท้ๆ มีหลวงตาน่าศรัทธาเลื่อมใสมาให้ถวายภัตตาหารถึงร้าน หวังว่าหลวงตาอาจให้ลาภเป็นเลขเด็ดหวยที่จะทำให้แกรวยๆ จึงกล่าวนิมนต์ว่า?

?หลวงตาเจ้าคะ หลวงตารีบไปไหนหรือเปล่า อีชั้นอยากจะนิมนต์หลวงตามารับถวายภัตตาหารสักมื้อค่ะ นิมนต์ค่ะ??

หลวงตารับนิมนต์ แล้วเดินเข้ามาที่ร้าน ไต่ถามทราบว่า ท่านกำลังจะเดินทางไปโรงพยาบาลในตอนบ่ายตามคำนิมนต์เชิญของลูกศิษย์ ที่เห็นว่าท่านมีโรคของคนชรารุมเร้าอยู่หลายโรค?

แกจัดการถวายอาหารที่ดีที่สุดของร้าน มีข้าวขาหมูติดมันขาวที่หลายๆคนชอบกัน น้ำอัดลม และขนมหวาน เช่นพวกทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง?

หลวงตาฉันแต่น้อยไม่ขัดศรัทธา แม้ว่าตัวหลวงตาจะมีโรครุมเร้าจนต้องมาโรงพยาบาล ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอาหารหวานมันที่ญาติโยมนิยมใส่ถวายพระ อาหารเหล่านี้ทำลายสุขภาพโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์?

ดูเหมือนอานิสงส์ผลบุญที่ได้ถวายภัตตาหารจะส่งผลทันตาเห็น คณะทัศนศึกษาจากต่างจังหวัดหนึ่งคันรถบัส จำนวนห้าสิบกว่าคน ไม่รู้มาจากไหน ทราบภายหลังว่าหลงทางกันมา เลยมาจอดรถสั่งข้าวที่เพิงพักขายอาหารของเธอกิน โต๊ะเต็มทุกตัว ทำให้เธอตักบริการแทบจะไม่ทัน จนลืมหลวงตาที่เธอนิมนต์มาถวายภัตตาหารเสียสนิท?

โชคดีเป็นของแก ตอนนี้เป็นช่วงก่อนเที่ยงที่โรงงานใกล้ๆจะหยุดพัก วันนี้แกคงมีกำไรจากการขายอาหารได้มากเป็นพิเศษ หลวงตาต้องไปแล้ว ในเวลาที่แกกำลังง่วนอยู่กับการดูแลลูกค้าในร้าน จนไม่สนใจที่จะรับพรพระตามประเพณีปฏิบัติ และขอเลขเด็ดจากหลวงตาตามที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก หลวงตาเดินไปบอกลา แล้วยื่นกระดาษให้แผ่นหนึ่ง บอกว่า?

?ถ้าว่างก็อ่านมันนะโยม อาจจะช่วยเรื่องที่โยมสงสัยได้? หลวงตาพูดด้วยน้ำเสียงเมตตาก่อนออกจากร้านไป ?

...........................?

แกขายอาหารอย่างมีความสุข เพราะหลังจากที่คณะทัศนศึกษาจากไป โรงงานใกล้เคียงร้านแกก็ได้เวลาพักเที่ยง แกก็ขายอาหารให้บรรดาคนงานอีกรอบจนบ่าย โรงงานเข้างานแกจึงได้นั่งพัก จัดการนับเงินรายได้จากการขายในวันนี้ นึกศรัทธาหลวงตา ร้อยวันนานปี ไม่เคยขายดีจนของไม่พอขายขนาดนี้ ทุกอย่างหมดเกลี้ยง เหลือเพียงน้ำแกงและน้ำกับข้าวก้นถาดอาหาร?

วันนี้แกได้กินอาหารเป็นข้าวสวยก้นหม้อ ลงไปคลุกกับน้ำของผัดกระเพราก้นถาดที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข ราดเสริมด้วยน้ำพะแนงหมูที่เหลือติดก้นถาดนิดหน่อย กินเสร็จจึงมานับเงิน แล้วแกก็อุทานขึ้นด้วยเสียงอันดังลั่นร้านว่า?

?ทำไม กูซวยอย่างนี้วะ ได้แบงค์พันปลอมมาใบหนึ่ง? จากนั้น คำสบถด่าอย่างหยาบคายก็พรั่งพรูออกมาจากปากแกอีกเป็นชุดด้วยความเจ็บใจ หลังจากหัวเสียอยู่พักหนึ่ง แกก็นั่งลง ปากยังถามตัวเองว่า ?ทำไมกูซวยอย่างนี้วะ? แล้วคลี่กระดาษออกอ่านข้อความที่หลวงตาเขียนให้ หลวงตาเขียนข้อความสั้นๆแค่สองบรรทัด?

ตู้กระจกใบนี้ โยมได้มายังไง?
ซึ้งนึ่งอาหารใบนี้ โยมได้มาจากที่ไหน?

ข้อความแค่สองบรรทัด ตอบคำถามในใจแกได้ทันที?

ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว แกหนีออกจากบ้านป้าและลุงที่ทุบตีเธอสารพัดด้วยความเจ็บใจ ลุงและป้ารับแกไปอุปการะหลังจากพ่อแม่ของแกตายในอุบัติเหตุ เลี้ยงดูแกเหมือนคนใช้ ก่อนออกมาจากบ้านขโมยเงินมาด้วยจำนวนหนึ่ง เงินนั้นเป็นเงินที่ลุงและป้าตั้งใจจะเอาไปทำบุญกฐินใส่ซองไว้เรียบร้อย แกเอาเงินก้อนนั้นมาทำทุนค้าขายที่ชานเมืองกรุงเทพ จนพบกับสามี และอยู่กินกันมาจนเลิกรากันไป คงเป็นเพราะเงินนี่เป็นเงินที่ลุงป้าจบอธิษฐานทำบุญในพระพุทธศาสนา จึงมีอาถรรพ์แรงนัก ดึงดูดความซวยมาหาแกอย่างไม่หยุดไม่หย่อน?

คิดถึงลุงกับป้า ที่ถึงจะร้ายอย่างไร ก็ถือว่ามีบุญคุณ จะไปหาก็ทราบแต่ว่า เสียชีวิตไปแล้ว?

ส่วนซึ้งขนาดกลางใบนั้น แกฉ้อโกงมาจากยายขายขนมข้างบ้านเช่าของแก เมื่อตอนมาอยู่กรุงเทพใหม่ๆ เพราะเห็นว่าเป็นของรุ่นเก่า อลูมิเนียมมีความหนาคงทน ยายคนนั้นเลิกขายขนมและจ้างวานแกให้เอาไปถวายโรงครัวของวัดให้ที แกรับปากและรับเงินค่าจ้างมา ก่อนที่จะเอาซึ้งชุดนั้นไปซ่อน หลังจากนั้น เมื่อยายทราบว่าซึ้งไม่ถึงโรงครัวของวัด จึงมาทวงถามแก แกก็โบ้ยความผิดไปให้เด็กวัดคนหนึ่งว่าขโมยไปขาย จนเป็นเรื่องเป็นราว แต่ยายใจดีไม่เอาเรื่องราวต่อ บอกว่าให้แล้วๆไปเถอะ ของหายไปแล้วก็หายไป?

พอย้ายบ้านเช่า แกก็ใช้ซึ้งชุดนั้นประกอบอาชีพด้วยความภูมิใจ คิดเข้าข้างตัวเองว่าวัดแต่ละวัดรวยๆทั้งนั้น จะเอาไปทำไม่กัน สู้แกเอามานึ่งขนมขายเลี้ยงชีพไม่ได้ ไม่นานแกก็ท้องลูกชายคนแรกกับสามี นี่เอง ต้นเหตุที่ดึงดูดความซวยมาหาแกทั้งชีวิต การเปลี่ยนชื่ออีกร้อยครั้งก็ไม่น่าจะทำให้อะไรดีขึ้น?

วันนี้แกรู้สึกสมน้ำหน้าตัวเอง และคิดว่ากฎแห่งกรรมได้ลงโทษแกอย่างยุติธรรมที่สุด และทันตาเห็นในชาตินี้ด้วย แกนึกถึงคำพูดของนักจัดรายการวิทยุธรรมมะช่องหนึ่ง ที่แกฟังมาไม่นานนี้?

?เวลาใจเราต่ำเพราะทำชั่ว มันก็จะดึงดูดคนต่ำทรามเข้ามาในชีวิต ทำให้เราได้รับความทุกข์ เหมือนคลื่นในใจ ปรับจูนเข้าไปพบกับความชั่วในใจของคนที่มีความชั่วเสมอกัน คนชั่วไร้ศีลธรรมจึงพบรักกับคนชั่วไร้ศีลธรรม พออยู่ด้วยกันก็ดึงดูดดวงวิญญาณที่ไม่ดีมาเป็นลูก ความชั่วจะดึงดูดเรื่องชั่วเข้ามาในชีวิต ทำให้ชีวิตตกต่ำลงเรื่อย?

?