Print

ธรรมะจากพระผู้รู้ - ฉบับที่ ๑๒๗

พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

luangporขันธ์ ๕ เป็นตัวทุกข์
มันเป็นทุกข์เพราะอะไร ?
มันเป็นทุกข์เพราะ...มันไม่เที่ยง
มันเป็นทุกข์เพราะ...มันถูกบีบคั้น
มันเป็นทุกข์เพราะ...มันไม่อยู่ในอำนาจบังคับ
เป็นของไร้สาระ เอามาเป็นที่พึ่งที่อาศัยอะไรไม่ได้
ฉะนั้นถ้าเราไม่รู้ทุกข์คืออะไร
เราไม่ใช่ชาวพุทธ เป็นไม่ได้หรอก

พระพุทธเจ้าสอนว่า...ทุกข์ให้รู้ ทุกข์ก็คือขันธ์ ๕
หน้าที่ต่อขันธ์ ๕ คือ รู้ไม่ใช่คือ ละ

พวกเรามีความทุกข์เกิดขึ้น อยากละทุกข์
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ ละพระพุทธเจ้าให้ รู้
ท่านให้ ละอะไร ?
ท่านให้ละสมุทัย ให้ละความอยาก
เราอยากละทุกข์ เรามีความอยาก
อยากอะไร อยากละทุกข์
ท่านบอกให้ละความอยากเสีย ฉันจะมีความอยาก
ท่านบอกให้รู้ทุกข์ ฉันจะละทุกข์
เราไม่ได้ทำอะไรที่พระพุทธเจ้าสอนสักอย่างเดียวเลย
เรามีความอยาก ท่านบอกให้ละความอยาก
เราอยากละทุกข์ จะละทุกข์
ท่านบอกให้รู้ทุกข์ ไม่ใช่ละ
ใช่มั๊ย ? เราไม่ได้ทำสิ่งที่ท่านสอนหรอก
ฉะนั้นคนในโลกยังเวียนว่ายตามเกิดไม่มีที่สิ้นสุดหรอก

อาศัยธรรมะที่พุทธเจ้าสอน อัศจรรย์ที่สุดเลย
รู้ทุกข์นะ วันหนึ่งพ้นจากทุกข์ได้
ถ้าจิตยอมรับความจริงได้ว่า ขันธ์เป็นทุกข์
ขันธ์ไม่ใช่ของดี ขันธ์ไม่ใช่ของวิเศษ
จิตจะปล่อยวางขันธ์ ปล่อยเอง ปล่อยโดยอัตโนมัติ
เพราะมีปัญญาเห็นแจ้ง ว่าขันธ์นี้เป็นตัวทุกข์
บางคนเห็นทุกข์...เพราะไม่เที่ยง
ทุกข์เพราะ...ถูกบีบคั้น
ทุกข์เพราะ...บังคับไม่ได้
เห็นมุมใดมุมหนึ่งในไตรลักษณ์นั่นแหละ เรียกว่าเห็นทุกข์
ถ้าเห็นแล้วมันจะเอาไว้มั๊ย ? ตัวทุกข์
ของเป็นทุกข์ไม่มีใครยึดหรอก
ของเป็นทุกข์นะ จิตจะสลัดทิ้งเอง
ไม่ต้องเชื้อเชิญ...ทิ้งเอง.

ยกตัวอย่างจิตของพวกเราเหมือนเด็กไร้เดียงสา
เห็นถ่านไฟแดงๆ สวย !
ถ่านติดไฟแดงๆ สวยมั๊ย? ... สวยนะ !
ถ้าเด็กไร้เดียงสาเห็นถ่านไฟแดงๆ อาจจะอยากหยิบไปหยิบ !
พอไปหยิบ มันจะเอาไว้มั๊ย ?...มันไม่เอาไว้
เพราะอะไร ? ...มันทุกข์
มันจะโยนทิ้งไป

จิตนี้เหมือนกัน ...
ถ้าเขาเห็นแจ้งนะว่าขันธ์เป็นตัวทุกข์
เขาจะโยนทิ้ง แล้วเขาจะไม่หยิบขึ้นมาอีก
ฉะนั้นความอยากที่จะหยิบเอาขันธ์ขึ้นมาอีกไม่มีเลย
รู้ทุกข์แจ่มแจ้งเมื่อไหร่ ละสมุทัยเมื่อนั้น
หมายถึงละความอยากที่จะหยิบไปฉวยขันธ์ขึ้นมาไม่มีอีกแล้ว
โยนทิ้งเลย

ฉะนั้นรู้ทุกข์เมื่อไหร่ ละสมุทัยเมื่อนั้นเลย ละความอยากเมื่อนั้นเลย

อยากอะไร ?
อยากให้กายให้ใจเป็นสุข
อยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์
อยากมีกาย อยากมีใจ อยากเอาไว้ อยากมี
อยากมีกายมีใจ มีรูปมีนาม อยากมีตัวเรา
พอรู้แจ้งลงไป ขันธ์มีแต่ทุกข์ มันสลัดทิ้งเอง
นั้นไม่มีใครปฏิบัติแล้วทำจิตให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้
ไม่มีเลยสักคนเดียว ที่ปฏิบัติแล้วทำจิตให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้
จิตเขาบรรลุมรรคผลนิพพานของเขาเอง
เรามีหน้าที่พาเขาเรียนรู้ความจริงไปเรื่อย
แล้วเขาก็รู้ของเขาเอง เข้าใจของเขาเอง

สวนสันติธรรม
วันเสาร์ ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๔