Print

ธรรมะจากพระผู้รู้ - ฉบับที่ ๑๑๔

luangporพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช




ถาม
: ไม่อยากเกิดมาเป็นคน“รกโลก” ผมควรทำอย่างไรดีครับ

ทำอย่างไรเราจะมีชีวิตที่ไม่รกโลก มีชีวิตที่มีประโยชน์
ชีวิตที่ทำประโยชน์นะ คือชีวิตที่ทำหน้าที่ของมนุษย์ให้สมบูรณ์แบบ
มนุษย์สมบูรณ์แบบนะ มีหน้าที่สองข้อนะ
ข้อแรก ทำประโยชน์ของตนเองให้ถึงพร้อม
ข้อที่สอง ทำประโยชน์เกื้อกูลต่อผู้อื่น
ถ้าเราทำสองอย่างนี้ได้ เราไม่เป็นคนรกโลกแล้ว หรืออย่างน้อยทำข้อหนึ่งให้ได้
พัฒนาตัวเองให้ได้ พัฒนาจิตวิญญาณของตนเองให้สูงขึ้นๆ ก็ไม่เป็นคนรกโลก

คนรกโลกคือคนทุศีล คนทุศีล ไม่มีศีล ไม่มีธรรม
ถ้าคนที่ทำประโยชน์ให้โลกได้นะ คนมีทาน คนมีศีล คนภาวนา มีประโยชน์กับโลก
มีทาน มีศีล มีภาวนา ยกระดับพวกเราให้เป็นมนุษย์ที่ดี มีคุณค่า
อย่างเรื่องทำทาน ไม่ใช่เรื่องต้องจ่ายสตางค์เสมอไป
อย่างเรื่องอภัยทาน พวกเรามีไหม?
ตอนนี้คนไทยขาดแคลนที่สุดเลยนะเรื่องอภัยทาน
ฆ่ากันได้ ใส่เสื้อคนละสีก็ตีกัน สงสัยว่าติดนิสัยเล่นกีฬาสีตั้งแต่เด็ก
มาเล่นกีฬาสีนะมันมีพวกนะ สีโน้นสีนี้ แข่งบอลแข่งอะไรกันก็ทะเลาะกัน โตขึ้นมันก็มีแบ่งสีตีกันได้นะ
ถ้าเราไม่รู้จักให้อภัยกันนะ เราก็อยู่อย่างลำบาก มันเบียดเบียนซึ่งกันและกันตลอดเวลา

ไม่มีใครที่ไม่ทำความผิดหรอก ทุกคนเคยทำความผิดทั้งนั้น
แต่เราดูแต่คนอื่นทำผิดนะ เราคิดว่าเราทำถูก
แต่ถ้าฝึกกรรมฐานกับหลวงพ่อนะ จะกลับข้างนะ
เราจะเห็นว่าหาคนชั่วเท่าเรานี้หายาก ถ้าเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อจะเห็นอย่างนั้น
ลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์นี่ชั่วทั้งนั้นเลย หาดีไม่ค่อยมีนะเออ
ถ้าภาวนาเป็นนะมันจะเห็นเลยกิเลส กิเลสเกิดทั้งวันมันดีตรงไหน
ถ้าเราภาวนาเป็นนะหมายถึงระดับสูงแล้ว ระดับพื้นๆเลยรู้จักอภัยกันบ้าง
ไม่ใช่ความเห็นขัดแย้งกันแล้วก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เบียดเบียนกันรุนแรง สัตว์ไม่เบียดเบียนกันรุนแรงเท่าคนนะ
คนผลประโยชน์ขัดกันก็เบียดเบียนกัน ความคิดเห็นขัดกันก็เบียดเบียนกัน
อย่างฮิตเลอร์ฆ่ายิวไปเป็นล้านเลย เพราะความเห็น ทิฏฐิ มีความเห็นว่าพวกยิวไม่ดี
เดี๋ยวยิวครองเศรษฐกิจไปหมด ขัดผลประโยชน์เลยฆ่ากัน

ถ้าเราอยากให้โลกนี้ร่มเย็นเป็นสุขนะ รู้จักให้อภัยกันบ้าง
ถ้าใจเรารู้จักให้อภัย ใจเราจะสูงขึ้น ใจเราจะร่มเย็น ไม่ใช่คิดเบียดเบียนคนอื่น
หรือการทำทานมากกว่านั้นก็มีอีก การให้ความรู้ต่อคนอื่นเป็นธรรมทาน
คนไหนมีธรรมะ เข้าใจธรรมะ ก็ประกาศธรรมะ
คนไหนรู้วิธีทำมาหากิน รู้วิธีดำรงชีวิตให้ดี ก็แนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับคนอื่น
อย่างนี้ชีวิตก็เรียกว่าไม่รกโลกนะ รู้จักให้ทาน
ให้ทานไม่จำเป็นว่าต้องให้เงินอย่างเดียว
พวกเราบางคนยากจน แต่เราให้ทานได้ ให้ทานได้ง่ายๆเลย
คนกรุงเทพฯนะจะขึ้นรถเมล์ก็แย่งกันใช่ไหม ให้ทานไม่เป็นนะ น่าสงสาร ไม่มีความสุขน่ะ
พวกเราดูเพื่อน เพื่อนนั่งตากแดด เราเขยิบให้เขาหน่อยหนึ่ง
นี่ก็ให้ทานแล้วนะ เสียสตางค์หรือเปล่า ไม่เสียหรอก

ถ้าเราให้ ชีวิตเราจะมีความสุขนะถ้าเราคิดจะเอา เราไม่มีความสุขหรอก
คนรู้จักให้จะมีความสุข ใจมันต้องอิ่มใจมันต้องเต็มซะก่อนมันถึงให้คนอื่นได้
อย่างใจมันเต็มไปด้วยความเมตตา ก็ให้อภัยคนได้
ใจเต็มไปด้วยความไม่เห็นแก่ตัว ให้ความรู้เค้าก็ได้
ไหนใครเป็นนักศึกษา มีไหมใครเป็นนักศึกษาบ้าง
เคยไหมเพื่อนมายืมเลคเชอร์ บางคนนะโคตรหวงเลย หวงที่สุดเลยนะ
เพื่อนให้ติวให้ก็ไม่ติวนะ กลัวมันรู้มากกว่า
หวง หวงทุกสิ่งทุกอย่างนะ ใจแคบ ใจแคบ
คนใจแคบไม่มีความสุขนะ ไม่ได้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
นี่พวกเราฟังหลวงพ่อเทศน์ก็เริ่มเขยิบเริ่มดูเพื่อน
เอ้อตากแดดนะเขยิบหน่อยไหม เนี่ยเริ่มไม่รกโลกแล้ว เริ่มมีความเมตตากรุณาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน

ไม่เพียงมีทานนะ ต้องมีศีลด้วย
ทุกวันนี้คนทุศีลเต็มบ้านเต็มเมืองเลย
เราเชื่อไหมว่านักการเมืองมีศีล
?
เชื่อไหมว่าพระถือศีล
??? ...ชักคิดหนักแล้ว
กระทั่งพระยังไม่แน่ใจว่ามีศีลไหมแย่นะ เป็นเอามากแล้วนะ

ศีลสำคัญนะ เบื้องต้นพวกเรารักษาศีล ๕ ไว้ก่อน
ถ้าพวกเราไม่มีศีลเลย เรารกโลกอย่างแรงนะ
มันจะเบียดเบียนคนอื่น ระรานคนอื่นตลอดเวลา เบียดเบียนด้วยกาย วาจา รุกรานชาวบ้านเค้า
งั้นเรามีศีลไว้ก่อน ตั้งใจรักษาศีล ๕ ตื่นนอนขึ้นมาตั้งใจเลยวันนี้จะรักษาศีล ๕
กลางวันก่อนจะกินข้าวกลางวัน ก็ตั้งใจจะรักษาศีล ๕ ตอนเย็น ตอนก่อนนอน ก็ตั้งใจอีก
ตั้งใจวันละหลายๆรอบก็ได้ ไม่จำเป็นว่านานๆเจอพระครั้งหนึ่ง ก็ขออาราธนาศีลสักทีหนึ่ง ไม่จำเป็นหรอก
ตั้งใจเอาไว้เองนั่นแหละ ตั้งใจแล้วก็รักษาเอาไว้เอง

เบื้องต้นจะรักษายาก เพราะเรารักษาศีลด้วยกาย ด้วยวาจา
รักษาที่มือ ที่เท้า รักษาที่ปาก รักษายาก
แต่ถ้าเราฝึกจิตฝึกใจของเราให้สูงขึ้นไปแล้ว การรักษาศีลจะง่าย
การรักษาศีลที่ง่ายรักษาที่ใจ รักษาที่ใจก่อนนะ
ถ้าใจเราไม่มีบาปอกุศลครอบงำเนี่ย มันผิดศีล ๕ ไม่ได้
งั้นพวกเราหัดนะ หัดมีสติ คอยรู้ทันใจตัวเองบ่อยๆ
ถ้าใจของเราเกิดกิเลสอะไรขึ้นมาคอยรู้ทัน
ใจเกิดกิเลส คอยรู้ทัน ฝึกอย่างนี้นะไม่ได้ยากอะไร ใครว่ายากมีไหม
ใครว่าดูจิตดูใจรู้ทันกิเลสตนเองยาก ใครไม่เคยโกรธมีไหม
ใครไม่เคยโลภมีไหม ใครไม่เคยฟุ้งซ่าน ใครไม่เคยหดหู่ ใครไม่เคยลังเล สงสัย ไม่มีหรอก
ใครไม่รู้ว่าความสุขเป็นยังไง ใครไม่รู้ว่าความทุกข์เป็นยังไง
เรารู้ทุกอย่างแหละ แต่เราคอยรู้ทันอยู่ที่ใจเรานะ
ถ้าใจเราโลภขึ้นมา เรารู้ทัน ถ้าใจเราโกรธขึ้นมา เรารู้ทัน
ใจเราฟุ้งซ่านขึ้นมา รู้ทัน ใจหดหู่ก็รู้ทัน ใจสงสัยขึ้นมาก็รู้ทัน
ใจเป็นยังไงก็รู้ทันใจตนเองบ่อยๆ กิเลสอะไรเกิดขึ้นที่จิตที่ใจเรา เรารู้ทันบ่อยๆ
กิเลสจะครอบงำจิตไม่ได้ เพราะกิเลสจะแพ้สติ
สติเป็นตัวรู้ทันนะ อย่างความโกรธเกิดขึ้นในใจปุ๊บ
พอเรารู้ทันว่าจิตมันโกรธปั๊ป ความโกรธจะกระเด็นหายไปต่อหน้าต่อตาเลย นี่เป็นเรื่องประหลาดนะ
ถ้าคนภาวนาไม่เป็นนะ ก็รู้สึกว่า โอ้โห มันโกรธนะ ไม่รู้จะทำอย่างไร มันจะโกรธนะ
คนมันถูกกิเลสครอบงำจิตนะ จะทำผิดศีลง่าย
อย่างพอความโกรธครอบงำจิต ก็ไปฆ่าเค้าก็ได้ ไปตีเค้าก็ได้
ไปด่าเค้าก็ได้ ไปเบียดเบียนเค้าก็ได้ ไปแกล้งรื้อบ้านเค้าก็ได้ ไปทำลายทรัพย์สินเค้าก็ได้
แกล้งเค้าได้ทุกเรื่อง นี่เพราะความโกรธมันครอบงำจิต ดูไม่ทัน
ถ้าความโลภมันครอบงำจิต อยากได้ของคนอื่น อยากได้แฟนคนอื่น อยากได้เมียคนอื่น
ถ้าเรามีสติรู้ทันนะ เราไม่ไปขโมยใคร ไม่ไปผิดศีลนะ

ให้เราฝึกอย่างนี้นะ ฝึกรู้ทันใจตัวเองบ่อยๆ เราจะมีศีล ศีลจะเกิดง่าย
ถ้าเราไม่มีสติรู้ทันใจ แป๊บเดียวใจฟุ้งซ่าน พอรับศีลเสร็จนะก็ฟุ้งแล้ว
ฟุ้งก็คุยใช่ไหม คุยจ๊อกแจ๊กๆเทศน์แข่งกับพระ
พอเริ่มต้นก็อาราธนาศีล อาราธนาเสร็จพระเริ่มเทศน์ เราก็เทศน์แข่ง
คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ พอพระเทศน์จบก็ส๊าาาธุได้บุญแล้ว โถ...บุญอะไรมันง่ายปานนั้นนะ

คอยรู้ทันใจตัวเองนะ ไม่ใช่เรื่องยาก
หลวงพ่อสอนลูกเล็กเด็กแดง หัดดูจิตดูใจตัวเอง ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร
กิเลสอะไรเกิดขึ้นในใจคอยรู้ทัน กิเลสอะไรเกิดขึ้นในใจคอยรู้ทัน รู้บ่อยๆ ศีลมันมาเอง
มีใครเคยเจอหลวงพ่อคำเขียนไหม (ยกมือ) อืมเยอะเหมือนกันนะ สาธุเลยนะ สาธุหลายๆรอบเลย
หลวงพ่อเคยคุยกับท่าน ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านไปเทศน์ที่แห่งหนึ่ง
ท่านก็เทศน์บอกให้มีสติอย่างโน้นอย่างนี้นะ
พอเทศน์จบคนไปว่าท่านเทศน์อะไรมีแต่เรื่องมีสติ ทำไมไม่เทศน์เรื่องศีล เรื่องสมาธิ เรี่องปัญญา
ท่านก็หัวเราะนะ โอ้ อาจารย์ปราโมทย์ เค้าพูดก็ถูกของเค้านะ แต่เราก็ถูกแบบของเรา
ถ้ามีสติก็มีศีลนะ มีสติก็มีสมาธิ มีสติถึงจะมีปัญญาได้
ขาดสติตัวเดียว ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญาหรอก
คนฟุ้งซ่านจะมีศีลเร้อ แป๊บเดียวศีลก็ขาดแล้ว
คนฟุ้งซ่านสมาธิไม่มีหรอก คนฟุ้งซ่านจะเจริญปัญญาได้ไง ทำไม่ได้
งั้นพวกเราค่อยๆฝึกนะ ฝึกให้มีสติ จะได้ไม่เป็นคนรกโลกนะ
ให้มีสติคอยรู้ทันใจของตัวเองบ่อยๆ กิเลสเกิดขึ้นที่ใจ กุศลเกิดขึ้นที่ใจ มรรคผลเกิดขึ้นที่ใจของเรา
เราคอยมีสติคอยรู้ทันจิตใจของตัวเองเรื่อยๆไป

ถ้าหัดดูหัดรู้บ่อยๆนะ สักเดือน สองเดือน สามเดือน
เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองอย่างมหาศาลเลย กล้าท้าเลยนะ
คนเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อ หลวงพ่อสอนให้รักษาศีล ๕
พอรักษาศีล ๕ แล้วค่อยๆมีสติคอยรู้ทันจิตตัวเองไว้ ศีลจะค่อยๆดียิ่งขึ้นๆ
ต่อไปรักษาศีลเป็นเรื่องง่ายเลย เพราะรักษาที่ใจ ไม่ใช่รักษาที่มือ ที่เท้า ที่ปาก
รักษาที่ปากรักษายากรู้สึกไหมปากมันไว ปากไป ชุ๊บบบๆๆๆ เรื่องคนอื่นนี่ไวมากเลย
งั้นเรารักษาที่จิตนะ คอยรู้ทันจิต จิตเกิดกิเลสอะไรคอยรู้ทันไปเรื่อย ไม่ยาก ไม่ยากอะไร
ฝึกเดือน สองเดือน สามเดือน เราก็จะรักษาศีลได้ดีขึ้น ศีลเราจะสะอาดหมดจดขึ้น

ถัดจากนั้นเรามาพัฒนาตัวเองให้สูงกว่านั้นอีกมีทานมีศีลแล้วมาหัดภาวนา
การภาวนาเนี่ยชื่อมันน่ากลัว ความจริงมันเจริญนั่นเอง เจริญสติเจริญปัญญานั่นเอง
การภาวนามันมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเรียกว่าสมถะกรรมฐาน ส่วนหนึ่งเรียกว่าวิปัสสนากรรมฐาน

การทำสมถะกรรมฐานนี่จริงๆไม่ใช่ยากอะไร มันเป็นการพักผ่อนใจ
ใจของเราวุ่นวายตลอดวันตลอดคืน รู้ทันไหม ใจมันวุ่นทั้งวันทั้งคืน นึกออกไหม
หาความสุขหาความสงบไม่ได้หรอก
เรามานั่งหายใจเข้าหายใจออก รู้ลมหายใจอะไรไป ก็ไม่ค่อยจะสงบง่าย
สงบก็ประเดี๋ยวประด๋าวเดี๋ยวก็ฟุ้งอีกละ
หรือมาท่องพุทโธ ดูท้องพองยุบ ขยับมือ ทำจังหวะนะ อะไรก็ได้ อะไรก็ได้
แต่ว่ามันต้องมีเคล็บลับนะใจถึงจะสงบง่าย

ใจที่ไม่สงบเพราะอะไร เพราะว่าใจนี้แส่ส่าย เที่ยวแสวงหาอารมณ์ที่มีความสุข
ใจของเราเที่ยวหาความสุขตลอดเวลานึกออกไป
อย่างเราจะไปดูหนังก็อยากได้ความสุขใช่ไหม
ดูหนังเสร็จแล้วจะต้องไปหาอะไรกินต่ออีกเพราะหวังว่าจะมีความสุขเห็นไหม
กินเสร็จแล้วอิ่มเกินไปอยากให้หายอิ่มอีกแล้ว อยากมีความสุขอีกแล้ว
พอหายอิ่มหน่อย เอ้าอยากไปเที่ยวต่อ อยากไปโน่นอยากไปนี่ต่อ
ใจเรามีความอยากเกิดขึ้นตลอดเวลา จริงๆมันอยากได้ความสุข
ก็แสวงหาความสุขตลอดชีวิตเลย ความสุขก็เป็นของแปลก
เหมือนๆจะหยิบมาได้นะ มันก็หลุดมือไปทุกที
เหมือนๆจะจับได้นะ ก็หนีไปทุกครั้ง หายไปแว๊บๆ ต่อหน้าต่อตา
ทำอย่างไรก็ไม่อิ่มไม่เต็มในความสุข หาไม่ได้ ใจก็เลยดิ้นไปเรื่อย
ทำอย่างนี้น่าจะมีความสุข ทำอย่างนี้น่าจะมีความสุข
เพราะงั้นใจไม่สงบ เที่ยววิ่งเร่าๆๆตลอดเวลานะ แสวงหาอารมณ์ที่มีความสุข

ทีนี้เราหาอารมณ์ที่มีความสุขมาป้อนมันเสียเอง
เรามาเลือกดู ถ้าคนไหนท่องพุทโธแล้วมีความสุขเรามาท่องพุทโธ มาล่อให้จิตมาอยู่กับพุทโธ
ท่องพุทโธแล้วมีความสุข จิตจะไม่หนีไปจากพุทโธ
บางคนรู้ลมหายใจแล้วมีความสุขนะ จิตจะไม่หนีไปจากลมหายใจ
ตรงนี้คือเคล็ดลับของการทำสมถะกรรมฐาน
หลวงพ่อหัดทำสมถะกรรมฐานตั้งแต่ ๗ ขวบ ทำอานาปานสตินั่นแหละ
หายใจเข้า หายใจออก เรื่อยๆ ทำมาตั้งแต่ ๗ ขวบ
แต่กว่าจะจับหลักได้ จับเคล็ดลับได้นะ ต้องฝึกกันนาน
เคล็ดลับที่จะทำให้ใจเราสงบนะต้องมีความสุข
ในอภิธรรมสอน ความสุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ
มีความสุขนะ จิตจะมีสมาธิ จิตจะไม่ฟุ้ง
จิตที่ฟุ้งไปก็เพราะว่ามันเที่ยวหาความสุขแล้วมันหาไม่ได้

งั้นเรามาเลือกเอา ทุกคนนะต้องเลือกเอา
ถ้าคนไหนอยู่กับพุทโธแล้วมีความสุขเราอยู่กับพุทโธ
คนไหนอยู่กับลมหายใจแล้วมีความสุข เรามาอยู่กับลมหายใจ
คนไหนดูท้องพองยุบแล้วมีความสุข ก็ดูท้องพองยุบ
คนไหนรู้อิริยาบทสี่แล้วมีความสุข ก็รู้อิริยาบทสี่
คนไหนขยับมือทำจังหวะ อย่างอาจารย์กำพลเนี่ยขยับทำจังหวะ ทำแล้วจิตมีความสุข จิตก็สงบ
เคล็ดลับอยู่ที่ต้องทำอย่างมีความสุข อย่าไปบีบไปเค้นจิต
ถ้าพวกเราคิดถึงการทำสมถะปั๊บ แล้วไปเค้นจิตทันนะ
เนี่ยสมมุตจะเริ่มหายใจแล้ว (ทำหน้าให้ดู) เนี่ยอย่างนี้ชาติหนึ่งก็ไม่สงบนะ

เพราะอะไร เพราะจิตไม่มีความสุข ความสุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ ให้เกิดความสงบนะ
งั้นเลือกนะ เลือกอารมณ์ที่มีความสุข แต่ไม่ใช่ความสุขแล้วเรื่อยเจื้อยไปตามโลกนะ
อารมณ์นั้นต้องไม่ยั่วกิเลส ถ้าเล่นไพ่แล้วมีความสุขไม่เอานะ หรือตกปลาแล้วมีความสุขอย่างนั้นไม่เอา
ดูบอลโลกมีความสุข มีสมาธิไหมดูบอลโลก เมียมาคุยด้วยยังไม่ได้ยินเลย
หรือเล่นไพ่แล้วมีความสุข ตำรวจมาจับเพื่อนไปหมดแล้วยังไม่รู้เรื่องเลย มัวแต่ดูว่าจะจั่วตัวไหน อย่างนี้นะ
ถ้าสมาธิชนิดนี้ไม่เอา อารมณ์ชนิดนี้ไม่เอา เราเอาอารมณ์ที่ไม่ยั่วกิเลส
คิดถึงพระพุทธเจ้า คนไหนรักพระพุทธเจ้ามาก คิดถึงพระพุทธเจ้าบ่อยๆนะ
เรียกว่าพุทธานุสติ คิดถึงพระพุทธเจ้าบ่อยๆก็มีความสุข
หลวงพ่อมีวิธีทำสมาธิที่ง๊ายง่าย เวลาเรากราบพระนะ
เรากราบกับต้นไม้ก็ได้ถ้าเราไม่มีพระพุทธรูปให้กราบ
กราบกับต้นไม้ก็ได้แต่ใจของเราน่ะคิดนะ
คิดขึ้นมา ทำความรู้สึกขึ้นมา เหมือนเรากราบอยู่แทบเท้าพระพุทธเจ้า
คิดอย่างนี้นะเวลากราบพระ จิตจะเกิดปีติเกิดความสุขขึ้นมา ได้ความสุขฉับพลันเลย ง่ายๆแค่นี้เอง
งั้นเคล็ดลับที่จะทำสมาธิต้องทำด้วยความสุข และต้องเป็นอารมณ์ที่ไม่ยั่วกิเลสนะ


งานฟ้าสางที่กลางอุโมงค์
วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม จ.เชียงใหม่

วันอาทิตย์ ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔