Print

ธรรมะจากพระผู้รู้ - ฉบับที่ ๑๐๖

luangporพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

 


ถาม
- เมื่อแยกได้รูปธรรมนามธรรมแล้ว ควรจะดูอย่างไรต่อไปดีคะ

พอเราแยกได้รูปธรรมนามธรรมคนละอันกัน ต่อไปเราฝึกต่อไปอีก
นั่งให้นานขึ้นหน่อย พอนั่งนานขึ้นมันเจ็บมันปวดขึ้นมา
อดทนนิดนึงนะลองดู ให้มันเจ็บมันปวดขึ้นมาบ้าง แล้วก็ดูลงไป
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นที่ร่างกายแต่ไม่ใช่ร่างกายหรอก
ร่างกายมันตั้งอยู่ก่อน ความเจ็บปวดมาทีหลัง
เราจะเห็นเลยว่าความเจ็บปวดที่เข้ามาในร่างกายไม่ใช่ร่างกายหรอก
เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้าด้วยซ้ำไป เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่จิต
เนี่ย ค่อยฝึกต่อไปอีก พอมันปวดมากๆ อย่าพึ่งขยับ
ปวดมากๆ แล้วก็อยากขยับ อยากเปลี่ยนอิริยาบถ อย่าพึ่งเปลี่ยน
ให้รู้ทันใจที่อยากเปลี่ยนอิริยาบถก่อน
ความอยากเปลี่ยนอิริยาบถเกิดขึ้นที่ใจ เกิดขึ้นที่จิตใจ
ความเจ็บปวดเกิดที่ขา ความอยากเปลี่ยนอิริยาบถมาเกิดที่ใจ
เพราะฉะนั้นความอยากเปลี่ยนอิริยาบถกับความเจ็บปวดคนละอันกัน
แล้วความอยากเปลี่ยนอิริยาบถก็ไม่ใช่ขาด้วย ใช่ไหม เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้าด้วย

พวกเราค่อยฝึกแบบนี้นะ ในที่สุดเราก็จะเห็นเลย
ความอยากที่เกิดขึ้นเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เป็นอีกขันธ์หนึ่ง
ไม่ใช่รูปขันธ์ ไม่ใช่เวทนาขันธ์ ไม่ใช่วิญญาณขันธ์ คือไม่ใช่จิต เป็นขันธ์อีกต่างหาก
พอเราหัดแยกขันธ์ได้แล้ว เราคอยรู้คอยดูไป
บางครั้งสติมันไปเห็นร่างกายมันก็จะรู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
เวลาสติระลึกรู้เวทนา คือความรู้สึกสุขทุกข์ที่เกิดขึ้นในกาย
หรือความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์รู้สึกเฉยๆ ที่เกิดขึ้นในใจ
ก็จะเห็นว่าความรู้สึกสุขทุกข์ ความรู้สึกสุขทุกข์และเฉยๆ เนี่ย ไม่ใช่กาย ไม่ใช่ใจ
เป็นอีกอย่างหนึ่ง เป็นอีกขันธ์หนึ่ง เนี่ย เฝ้ารู้เฝ้าดูเรื่อยนะ
ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ดูไปเรื่อย

ใหม่ๆ อาจจะต้องช่วยมันคิดนะ ว่าไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา
แต่บางคนไม่ต้องช่วยคิดเลย บางคนที่เคยอบรมอินทรีย์แก่กล้า
เคยฝึกเจริญปัญญามาแต่ชาติก่อน แค่จิตสงบ จิตตั้งมั่น ก็เห็นขันธ์แยกออกไปแล้ว
ขันธ์แต่ละขันธ์ไม่ใช่ตัวเราแล้ว เราค่อยฝึกของเราไปเรื่อย
ความสุขเกิดขึ้นก็รู้ทัน ความทุกข์เกิดขึ้นก็รู้ทัน
ความโลภ ความโกรธ ความหลงเกิดขึ้นที่ใจก็คอยรู้ทัน
ก็จะเห็นเลย ความโลภไม่ใช่คน ไม่ใช่เราด้วย ไม่ใช่สัตว์ด้วย
ความโกรธไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เราด้วย ใจฟุ้งซ่าน
ความฟุ้งซ่านไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ เราเฝ้ารู้ เฝ้าดูลงไปในขันธ์ห้านี่แหละ

ศาลากาญจนาภิเษกอนุสรณ์
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๓

ถาม - เราควรใช้เวลาในชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดครับ

ชีวิตคนเรามีเวลาจำกัดมาก เอาเวลาไปยุ่งกับอกุศลทั้งหมดก็แย่แล้ว
ใช้เวลาที่จำกัดนี้แหละมาพัฒนาจิตใจตนเองให้ดีให้ได้
ไหนๆก็เจอศาสนาพุทธทั้งทีแล้ว โอกาสเจอยากมากนะ

ใครระลึกชาติได้จะรู้เลยว่าชาติไหนไม่มีพระพุทธศาสนานะ วังเวง
ไม่ชั่วนะ ชั่วไม่ชั่วถึงมีศาสนาพุทธก็ชั่วได้ถ้ามันจะชั่ว
แต่คนที่เป็นชาวพุทธในสายเลือดอย่างพวกเราเนี่ย สนใจในเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา
ชาติที่ไม่ได้เจอพระพุทธศาสนานะ ในใจลึกๆมันจะวังเวง รู้สึกชีวิตไม่มีเป้าหมาย
เวลาพวกเรายังไม่ได้เจอศาสนาพุทธรู้สึกไหม เราก็ไม่รู้ว่าเป้าหมายชีวิตเป็นอย่างไร
ไม่ต้องชาติไหนหรอก ชาตินี้แหละ ตอนเด็กๆ ตอนวัยรุ่น ตอนที่เรายังไม่รู้เป้าหมายของชีวิต
เราไม่รู้ว่าเราทำอะไร อยู่เพื่ออะไร ทำเพื่ออะไร ก็ทำตามๆกันไป
เค้าเรียนหนังสือก็เรียนตามเค้าไปนะ เรียนให้มากๆ ไว้ก่อน
เรียนไปทำอะไรก็ยังไม่รู้เลย เค้ามีงานทำก็ทำตามเค้าไป
เค้ามีครอบครัวก็มีตามเค้าไป มีไปเรื่อย
ไม่มีลูกก็ไปบนบานให้มีลูก สมัยโบราณนะ
สมัยนี้ต้องไปหาหมอ ให้มีลูก ก็คนอื่นมีก็มีตามเค้าไป

เนี่ยชีวิตมันไม่มีทิศทางที่ชัดเจน มันตามๆคนอื่นตลอดเวลาเลย
แต่พอเรารู้จักพระพุทธศาสนาแล้ว เรารู้ว่าชีวิตเรามีเป้าหมาย
ไม่ใช่ชีวิตที่เลื่อนๆ ลอยๆ แล้ว เรามีงานใหญ่ที่จะต้องทำ
คืองานพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้สูงขึ้นไปให้ได้
ยกระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมันพ้นจากโลกนะ
อยู่กับโลกแหละ แต่โลกไม่สัมผัสมัน
ร่างกายจิตใจเราก็จะอยู่ในโลกนี้แหละ
แต่มันอยู่เหมือนดอกบัว อยู่ในน้ำไม่เปียกน้ำ อยู่ในโคลนก็ไม่เปื้อนโคลน
จิตมันจะอยู่อย่างนั้น เนี่ยจิตวิญญาณที่มันพัฒนาแล้ว
เรารู้ว่างานนี้เป็นงานใหญ่นะ งานนี้เป็นงานหลัก
ส่วนงานอื่นๆ นั้นเป็นงานสนับสนุน เป็นงานรอง เพื่อให้เรามีชีวิตอยู่ในโลกได้เท่านั้น
แต่เรามีชีวิตอยู่ในโลกเพื่ออะไร เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองให้สูงขึ้นไป นี้งานหลักนะ
งานสนับสนุน งานรอง เช่นไปเรียนหนังสือ ไปทำงาน ไปหาเงิน
ไปอยู่ไปกินอะไรต่ออะไรเนี่ย เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้
แต่มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงขึ้นไป

เรื่องอะไรต้องอยู่อย่างสัตว์เดรัจฉาน
อย่างอยู่มาหาผัวหาเมียหาสามีภรรยา หมามันก็หาเป็น ไม่เห็นจะอัศจรรย์ตรงไหนเลย
แย่งอำนาจหมาแย่งไหม แย่งนะ แย่งกัดกันนัวเนียเลย กูต้องใหญ่
เพราะกูใหญ่แล้วกูได้ผลประโยชน์ ได้ครองสาวๆ ทุกตัว
เพราะฉะนั้นไม่อัศจรรย์เลย อยู่อย่างนั้นสัตว์เดรัจฉานก็ทำเป็น
หาผลประโยชน์ หาอาหาร หาอำนาจ
แต่ที่จะพัฒนาจิตวิญญาณขึ้นมาได้จริงๆ ต้องเป็นมนุษย์นะ มนุษย์ขึ้นไป
พวกเรามีโอกาสแล้ว หาทางพัฒนาจิตวิญญาณตัวเอง
อะไรที่เลวๆ เอาออกไปนะ อะไรที่ดีที่ยังไม่ได้ทำก็ทำขึ้นมา

สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๓