Print

ธรรมะจากพระผู้รู้ - ฉบับที่ ๘๑

พระอาจารย์ปราโมทย์? ปาโมชฺโช

?

?

ถาม: ภาวนาอย่างไรถึงจะเรียกว่าเป็นการเจริญวิปัสสนาคะ

คำว่าวิปัสสนาเนี่ยะ มาจากคำสองคำนะ?
คำว่า ?วิ? ตัวนึง คำว่า ?ปัสสนา? คำหนึ่ง?
?ปัสสนา? แปลว่าการเห็น ?วิ? ตรงกับคำว่า วิเศษ?
เห็นอย่างยอดเยี่ยมเลย เห็นอะไร? เห็นกายเห็นใจเป็นไตรลักษณ์ ถึงจะเรียกว่าวิปัสสนา?
งั้นเราคอยรู้สึกกายรู้สึกใจนะ เห็นกายมันทำงาน เห็นกายมันยืน มันเดิน มันนั่ง มันนอน ใจเราเป็นดูมัน?
เราเห็นจิตใจเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย คอยดูเฉยๆ อย่าไปบังคับมันนะ

ก่อนจะรู้ก็อย่าไปจงใจจะรู้ พวกเราบางคนภาวนาแล้วเครียดเพราะว่าเราทำผิด?
บางคนภาวนาเครียดเนี่ยะ เพราะว่าก่อนจะรู้เนี่ยะจงใจจะรู้?
เวลาคิดถึงการปฏิบัติก็เริ่มต้นด้วยการส่งจิตไปดู?
แกว่งใหญ่ เที่ยวหาใหญ่ ว่าจะดูอะไรดี ใครเคยเป็นไหม?
เวลาจะดูจิตนะ เริ่มต้นด้วยการพยายามไปดู ว่าตอนนี้มีอะไรให้ดู อย่างนี้ผิดนะ?
ต้องให้ความรู้สึกเกิดก่อนแล้วก็ค่อยรู้เอา?
โลภขึ้นมาแล้วรู้ โกรธขึ้นมาแล้วรู้ หลงขึ้นมาแล้วรู้?
ให้ความรู้สึกเกิดก่อน แล้วค่อยรู้ อย่าไปจงใจดักรอดู?
ถ้ารอดูเมื่อไหร่นะ จะเพ่ง ใจจะนิ่งๆ ทื่อๆ ใช้ไม่ได้?
งั้นเราอย่าไปดักดู ให้ความรู้สึกเกิดก่อนแล้วค่อยรู้?
โกรธขึ้นมาแล้วรู้ว่าโกรธ โลภขึ้นมาแล้วรู้ว่าโลภ หลงขึ้นมาแล้วรู้ว่าหลง?
เห็นไหม ให้มันเกิดขึ้นก่อน งั้นเราไม่ได้ห้ามโกรธนะ?
โกรธก็ได้ โลภก็ได้ หลงก็ได้ เราไม่ได้ห้ามหรอก?
มันเกิดขึ้นมาแล้วเราคอยรู้ แต่รู้ไวๆ ไม่ใช่เมื่อวานโกรธวันนี้ถึงจะรู้ อันนี้ช้าไปใช้ไม่ได้?
โกรธมาแล้วสามนาทียังไม่ทันจะหายโกรธระลึกขึ้นได้ละ โอ้...โกรธนี่ อย่างนี้ใช้ได้

แล้วเวลาเราเห็นสภาวะอันใดขึ้นมา เช่นเราเห็นความโกรธเกิดขึ้น? อย่าไปจ้องใส่มัน?
ดูห่างๆ ดูเหมือนดูคนเดินผ่านหน้าบ้านเรา?
อย่าไปวิ่งตามไปดูเค้า ดูสบายๆ อย่าถลำลงไปดู

พอดูเห็นสภาวะใดๆ แล้วนะ ขั้นสุดท้าย อย่าไปแทรกแซงมัน?
รู้แล้วจบลงที่รู้เลย เช่นความโกรธเกิดขึ้นก็ไม่ต้องหาทางทำให้หาย?
ความโลภเกิดขึ้นก็ไม่ต้องหาทางทำให้หาย?
ความสุขเกิดขึ้นก็ไม่ต้องหาทางรักษา นี่เป็นการดูที่ถูกต้อง?
ก่อนจะดูอย่าเที่ยวแสวงหา มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็ค่อยดูเอา?
ระหว่างดูอย่าถลำลงไปจ้องจะกลายเป็นการเพ่ง?
เมื่อดูแล้วเห็นแล้วนะอย่าเข้าไปแทรกแซง?
ดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นมา มันจะผ่านมาแล้วผ่านไปให้เราเห็นเอง อย่าเข้าไปแทรกแซง

เราไม่ได้ฝึกเอาดีนะ เราไม่ได้ฝึกเอาความสุข ไม่ได้ฝึกเอาความสงบ?
ความดี ความสุข ความสงบ ก็ดีเหมือนกันแหละ แต่ดีนิดหน่อย?
สิ่งที่เราต้องการฝึกให้ได้มาคือความฉลาด ความรู้ ความเข้าใจ
เราจะฝึกให้เกิดความฉลาด ให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานี้เป็นของชั่วคราวทั้งสิ้นเลย
เกิดขึ้นมาแล้วอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหายไป?
เราต้องการเห็นตรงนี้นะ ไม่ได้ต้องการเห็นอย่างอื่น?
ถ้าพูดแบบภาษาพระนะบอก ?ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ??
เราฝึกเพื่อให้เห็นว่าสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา

เพราะงั้นความโลภเกิดขึ้นได้ไหม? เกิดได้?
เรารู้ไป ความโลภเกิดเราก็รู้ เราก็จะเห็นเลยมันอยู่ชั่วคราวแล้วมันก็ดับไป?
ความโกรธเกิดได้ไหม ก็เกิดได้นะ มันอยู่ชั่วคราวแล้วมันก็ดับ?
ความหลงเกิดได้ไหม เกิดได้ อยู่ชั่วคราวแล้วมันก็ดับ

การที่เราเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในใจเรานี้เป็นของชั่วคราวเนี่ยะ?
เราเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงวันหนึ่งจิตมันจะเกิดปัญญาขึ้นมา?
มันจะรู้เลยว่า ความสุขก็ชั่วคราว ความทุกข์ก็ชั่วคราว กุศลก็ชั่วคราว อกุศลก็ชั่วคราว?
ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราชั่วคราว นี่เราฝึกมาจนมาเห็นตรงนี้นะ

ถ้าเราเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราเป็นของชั่วคราวเนี่ยะ ความทุกข์จะหายไปเยอะเลย?
ต่อไปนี้เราจะไม่ต้องดิ้นรนหาความสุขมากมายแล้ว?
ทุกคนในโลกนะดิ้นตะเกียกตะกายอยากได้ความสุขมา?
อยากได้ความสุขนะ สมมุติว่าอยากมีเมียสวยๆ สักคนนะดิ้นรน?
ได้มานะความสุขมันชั่วคราวนะ เดี๋ยววันหนึ่งก็บ่นละ?
โอ้...แก่ง่าย ตายยาก พูดมาก กินจุ ดุอย่างกับหมา?
อะไรอย่างนี้นี่ผู้ชายมันจะนินทาเมีย แต่ความจริงกลัวเมียนะ เทิดทูนขึ้นหิ้ง แต่เวลาเจอเพื่อนนะทำเก่งไว้ก่อน?
ผู้หญิงก็ชอบนินทาสามี ขี้เกียจ สกปรก อะไรก็ว่าไป กินแต่เหล้าอะไรอย่างนี้ว่าไป

ความสุขเนี่ยะมันชั่วคราว? ไม่มีหรอกความสุขนานๆ?
อย่างเวลาเราได้มือถืออันใหม่ รู้สึกไหมมีความสุขใช่ไหม อยู่ไม่นานก็ความสุขก็หายไป?
ความทุกข์ก็ชั่วคราวนะ ความทุกข์ก็ไม่นานหรอก?
กลุ้มใจอะไรนะ รู้ไปเฉยๆเดี๋ยวก็หายไป?
ไม่มีหรอกความทุกข์ถาวรไม่มี ความสุขถาวรก็ไม่มี?
กุศล อกุศล ก็ไม่มีนะที่ถาวร เราเห็นแล้วทุกอย่างเกิดชั่วคราว?
ต่อไปพอความสุขเกิดขึ้นนะเราจะไม่หลงระเริงแล้ว เรารู้ว่าชั่วคราว?
แล้วก็ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อแสวงหามันด้วย หามาทำไมของชั่วคราว?
ความทุกข์เกิดขึ้นนะเราก็ไม่ทุรนทุราย เรารู้แล้วว่าความทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว?
แล้วความทุกข์เกิดขึ้นเราก็ไม่เกลียดมันนะ แล้วก็ไม่พยายามต่อต้านมันด้วย?
รู้มันเฉยๆ พอใจของเราหมดความดิ้นรนเรียกว่ามันไม่สร้างภพ?
ใจที่สร้างภพคือใจที่มันดิ้นรน ใจที่ไม่สร้างภพนะใจจะมีความสุขขึ้นมา?
หมดความดิ้นรนหมดความปรุงแต่ง

หลวงพ่อต้องเทศน์เร็วนิดหนึ่ง? เพราะว่าพลังงานของเด็กเนี่ยะมีจำกัดมากเลย?
เด็กส่วนใหญ่เริ่มหิวแล้ว และเด็กอีกส่วนใหญ่เริ่มง่วงแล้ว?
รวมความแล้วเนี่ยะส่วนใหญ่เลย หิวและง่วง เลยต้องเทศน์แบบลุยๆนิดนึง

สรุปง่ายๆนะเด็กๆทั้งหลาย? การภาวนาเนี่ยะไม่ยากอะไร?
อย่าไปคิดว่าต้องเดินจงกรม นั่งสมาธิทั้งวันทั้งคืนไม่ใช่?
เมื่อไหร่เดินอย่างมีสตินะเรียกว่าเดินจงกรม?
อย่างเราเดินไปโรงอาหารนี่นะ เดินอย่างรู้เนื้อรู้ตัวไปนี่เราปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว?
เรานั่งอยู่ตอนนี้เราก็นั่งอยู่ใช่ไหม ถ้าเรานั่งใจลอยก็ใช้ไม่ได้?
ถ้าเรานั่งแล้วก็คอยรู้ทัน จิตใจเคลื่อนไหวคอยรู้ทัน ร่างกายเคลื่อนไหวคอยรู้สึก?
คอยรู้ไปเรื่อย นี่ก็เรียกว่าเราปฏิบัติอยู่แล้วเรานั่งสมาธิอยู่แล้ว?
ส่วนนั่งท่านี้แล้วก็เคลิ้มๆไป หรือไปนั่งเครียดๆอยู่ไม่เรียกว่าปฏิบัติหรือนั่งสมาธิหรอก?
เดินจงกรมแล้วก็ใจลอยไปหรือใจเครียดๆ ขึ้นมาก็ไม่เรียกว่าเดินจงกรม

การปฏิบัติธรรมให้มีสติ? มีสติคอยรู้ความเปลี่ยนแปลงของใจตัวเองไป?
ฝึกนะหลวงพ่อฝึก ใช้เวลาไม่นานหรอก?
หลวงพ่อเรียนจากหลวงปู่ดูลย์ ๗ เดือนเอง มาดูใจตัวเอง?
ดูผิดอยู่ ๓ เดือน ดูผิดตรงพยายามบังคับจิต?
ไปเรียนจากหลวงปู่ดูลย์ปี ๒๕๒๕?
เด็กๆยังไม่เกิดมั้ง ๒๕๒๕ เกิดหรือยัง ยังไม่เกิดหรอกนักเรียนอายุยังไม่ยี่สิบเลย?
หลวงพ่อไปเรียนจากหลวงปู่ดูลย์นะ ท่านสอนให้ดูจิตตัวเอง?
ไปเรียนวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ไปหาท่าน กลับมานะมาดูอยู่ ๓ เดือน?
ดูนะจิตหนักๆก็แก้มันให้เบาๆ จิตไม่สบายนะทำให้มันสบาย?
จิตเป็นอย่างนี้แก้อย่างนี้ๆ แก้ไปเรื่อย?
จัดการจนกระทั่งแหม ใจเราสบายเก่งเรารู้สึกเก่งแล้วนะ?
ไปหาหลวงปู่ดูลย์ครั้งที่สอง ใช้เวลา ๓ เดือนแล้ว?
ไปถึงไปส่งการบ้านท่านนะท่านบอกว่า ดูผิดแล้ว?
ไปยุ่งกับอารมณ์ ไปแทรกแซงมัน ไปดัดแปลงสภาวะดัดแปลงอารมณ์?
เช่นมันโลภขึ้นมาทำอย่างไรจะหายโลภ มันโกรธทำอย่างไรจะหายโกรธนะ?
มันใจลอย ทำอย่างไรจะไม่หลงเลย นี่พุทโธๆถี่ๆจะไม่ให้หลงเลย?
พยายามแทรกแซง มันหนักๆ ก็หาทางทำให้เบา?
พยายามจะเอาดี ท่านบอกว่านี่ไม่ได้ปฏิบัติหรอก?
ไม่ได้ดูจิตหรอก แต่ไปแทรกแซงมันไปบังคับจิต ให้ไปดูใหม่?
หลวงพ่อมาดูใหม่ ๔ เดือน รู้แล้วว่าเราต้องไม่แทรกแซง?
มันโลภก็รู้ มันโกรธก็รู้ มันหลงก็รู้ มันฟุ้งซ่าน มันหดหู่ มันดีใจ มันเสียใจ?
มันกลัว มันอิจฉา มันกังวล มันมีความสุข มันมีความทุกข์ มันมีอะไรรู้ลูกเดียวเลย?
หลวงพ่อรู้อย่างนี้ ๔ เดือน ใช้เวลา ๔ เดือนเอง ไม่มากอะไร?
พวกเราไปฝึกเอานะ บางคนอาจจะเดือนนึงเข้าใจแล้ว?
ดูไปเรื่อยเราจะเห็นเลยทุกอย่างเกิดแล้วดับ ทุกอย่างเกิดแล้วดับ

ใหม่ๆเรายอมรับไม่ได้นะ? ความทุกข์เกิดเนี่ยะ เรายอมรับไม่ได้เราอยากให้ดับเร็วๆ?
ความสุขเกิดแล้วก็ยอมรับความจริงไม่ได้ เราอยากให้ความสุขอยู่นานๆ?
ทั้งๆที่ทุกอย่างมันดับไปตามเหตุตามผลตามเวลาของมัน?
งั้นเราดูของจริงในใจเราเรื่อยๆนะ วันหนึ่งปัญญามันเกิด?
มันเห็นเลยทุกอย่างเกิดแล้วดับหมดเลย?
ถ้าทุกอย่างเกิดแล้วดับ ใจยอมรับความจริงตรงนี้ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นในชีวิตเราเราจะไม่กลุ้มใจแล้ว
แฟนเราทิ้งต้องกลุ้มใจไหม มีแฟนมันก็ของชั่วคราวนะ?
มันไม่ทิ้งเราวันนี้ไปแต่งงานกับมันนะ วันหนึ่งมันก็ตายไป หรือไม่เราก็ตายจากมันก็ต้องทิ้งกันอยู่ดีแหละ?
ทุกอย่างมันชั่วคราวนะ เพียงแต่ชั่วคราวบางอันมันหลายสิบปีหน่อย หลายสิบปีแห่งความทุกข์ทรมาน?
งั้นไม่มีหรอกของถาวร ถ้าเมื่อไหร่ใจเรายอมรับความจริงตรงนี้ได้ใจเราจะทุกข์น้อยมากเลย

พวกเด็กๆหลวงพ่อให้การบ้านแล้วนะ ไปดูใจของเราบ่อยๆ?
ให้เห็นเลยทุกอย่างในใจเรานี้ชั่วคราว อย่าคิดเอานะ ดูของจริง?
ดูความโลภเกิดขึ้น ดูซิเธอจะอยู่ได้นานไหม ดูเรื่อยๆ?
แต่อย่าจ้องใส่นะ ถ้าจ้องมันจะนิ่งไปหมดเลย ไม่ดี?
แค่รู้สึก แค่รู้สึกเอาเท่านั้น?
ความโกรธเกิดขึ้นมาก็รู้ อ้อ มันโกรธแล้วนะ?
อย่าไปจ้องใส่ตัวความโกรธนะ แค่รู้ อย่าไปเพ่งใส่?
เวลาเพ่งใส่เนี่ยะ จิตเราจะเคลื่อนเข้าไปเกาะนิ่งๆ อันนี้ใช้ไม่ได้?
เราแค่รู้ ใจเราอยู่ต่างหากนะ เราเห็นความโกรธเหมือนคนเดินผ่านหน้าบ้าน?
เห็นความโลภ ความหลง ความสุข ความทุกข์ เหมือนคนเดินผ่านอยู่ห่างๆ?
เราเดินอยู่สบายๆ อย่าเข้าไปคลุกวงใน ดูแบบวงนอกไว้?
ดูอย่างนี้เรื่อยๆ วันหนึ่งปัญญามันเกิด?
ปัญญามันสรุปได้เลย จิตจะเข้าใจความจริงเนี่ยะ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของชั่วคราว?
ถ้าวันใดที่เราเห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา?
ใจยอมรับความจริงตรงนี้ได้เมื่อไหร่เรียกว่าพระโสดาบัน?
เราอย่าไปวาดภาพพระโสดาบันเอาไว้ลึกลับนะ?
คือต้องนั่งสมาธิเก่ง เดินจงกรมโต้รุ่งได้ ไม่จำเป็นหรอก?
พระโสดาบันบางองค์พิการเดินไม่ได้ก็มี ไม่ใช่ต้องเดินได้ตลอด?
บางองค์ก็นอน เป็นอัมพาตนอนป่วยอยู่ เค้าก็ภาวนาของเค้าได้เห็นไหม?
ไม่จำเป็น มันอยู่ที่ว่าเค้ามีสติรู้ทันทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจเค้าไหม?
ถ้าเค้ามีสติรู้ทันทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจของเค้า โดยที่เค้าไม่เข้าไปแทรกแซงไม่ไปเพ่งจ้องนะ?
ไม่แทรกแซง ไม่เพ่งจ้องนะ แล้วก็ไม่แทรกแซง?
ไม่นานเค้าก็จะเห็นความจริงว่าทุกอย่างชั่วคราว ทุกอย่างเกิดแล้วดับ

ต่อไปนี้อะไรเกิดขึ้นในชีวิต จะไม่กังวลมากแล้ว?
ร่างกายเราจะแก่ ร่างกายเราจะเจ็บ ร่างกายเราจะตาย?
เพื่อนรักของเราจะตาย เพื่อนรักของเราจะย้ายโรงเรียนอะไรอย่างนี้?
ครูที่เราชอบคนนี้จะไม่อยู่แล้วจะเกษียณIแล้ว ครูที่เราเกลียดนี่ยังหนุ่มอยู่ต้องอยู่อีกนานอะไรอย่างนี้?
ใจเราก็จะไม่กังวลนะ ถ้าครูคนไหนเราเกลียดนะ วันหนึ่งก็ต้องจากกันใช่ไหม?
เราไม่จากครู ครูก็จากเรา ทุกอย่างในชีวิตนี้ชั่วคราวหมดเลย?
ถ้าเห็นได้อย่างนี้นะความทุกข์จะหายไปเยอะเลย

ทุกวันนี้คนเราดิ้นรนมีความทุกข์ขึ้นมามากมาย?
ดิ้นรนขึ้นมามากมายนะ เพราะอยากได้ของไม่จริง?
อยากได้ของที่เที่ยง อยากได้ของที่มีแต่ความสุข?
อยากจะบังคับกาย บังคับใจ บังคับโลกนี้ให้อยู่ในอำนาจให้ได้ มันเป็นของที่มันไม่มีจริง?
ของจริงคือมันไม่เที่ยงนะ ของจริงคือมันมีแต่ทุกข์?
ของมันจริงๆคือมันบังคับไม่ได้ คอยรู้อย่างนี้เรื่อยๆนะพวกเด็ก?
สอนเด็กสอนแค่นี้พอแล้ว

พวกเด็กๆ?ที่ภาวนา รู้สึกไหมใจเราเปลี่ยนแปลง?
รู้สึกไหม มีความสุข รู้สึกไหม?
แล้วรู้สึกไหมมันเหมือนเราตื่นขึ้นมาจริงๆ?
นึกออกหรือยัง แต่เดิมนะเรานึกว่าเราตื่นนะ แต่จริงๆไม่ตื่นหรอก?
เราฝันอยู่ทั้งๆที่ร่างกายนี้ลืมตาอยู่?
แต่ตอนนี้เราภาวนา เริ่มภาวนาเป็นนะ มันเหมือนกับใจเราตื่นขึ้นมาจริงๆ?
ภาวนาได้ดีเยอะเลยนะเด็กๆหลายคนเลย ดีๆเยอะเลยเด็กๆ ใครสอนมาเนี่ยะ?
เขาเรียกว่าครูดีนะ ดีหลายคนเลย

วันที่? ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒ (ส่วนที่สอง)?
สวนสันติธรรม