Print

ยารักษาใจ - ฉบับที่ ๑๖๓

TEARS SERIES 
ตอนที่ 24 ๛ ภูษาโยง ๛ (บทที่ 17 : คนละภาษา)

wilasinee2โดย วิลาศินี



...
...
...

heal-163 

ขอบคุณภาพจาก http://footage.shutterstock.com

...

...

...

เพียะ !

 

ใบหน้าของนักนินหันไปตามแรงตบของอีกฝ่าย ทันทีที่ร่างของเกนโซหายเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อให้แพทย์ทำการผ่าเอากระสุนที่ฝังในออก หญิงสาวสองคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกได้หันไปคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง นักนินก้มหน้าขอโทษ และพอเงยหน้าขึ้น ฮานาโกะก็ตวัดมือใส่ใบหน้านวลเข้าอย่างจัง

เพียะ ! เพียะ ! เพียะ !

 การตบครั้งที่สอง สาม และสี่ ตามมา แต่ละครั้งคือสุดแรงเงื้อและฟาดลงบนแก้มบางอย่างไม่ปรานีปราศรัย แม้ผู้ถูกกระทำจะไม่หลบและไม่ถอยหนี แต่แรงตบครั้งหลังๆ ก็ทำให้นักนินเซทรุด และในที่สุดก็เข่าอ่อนยวบลงไปกองกับพื้นตรงทางเดิน ฮานาโกะเอียงหน้ามองพร้อมกับโน้มตัวลงและเงื้อมือหมายจะลงแรงอีก

 

 “พอได้แล้วมั้งครับ”

 

 นพพรคว้าข้อมือเล็กนั้นไว้ ฮานาโกะหันไปตวัดตามองอีกฝ่ายแล้วพูดอยู่ในลำคอ

 

.余計なお世話。[i]

 

 นพพรไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่มองจากสายตาแดงก่ำและใบหน้าฉุนเฉียวนั้น เขาเองก็พอจะเดาได้ว่าเธอกำลังไม่พอใจที่เขาเข้ามายุ่มย่าม

 

“เธอเป็นต่างชาติน่ะค่ะ แล้วฉันก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ”

นักนินยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปโอบและลูบหลังฮานาโกะเบาๆ หญิงสาวจึงค่อยๆ ลดมือลงและสะอื้นฮั่กๆ นพพรถอยฉากออกไปอย่างไม่เข้าใจอารมณ์ผู้หญิง แต่หลังจากผละออกมาได้ไม่ไกล ฮานาโกะก็ผลักนันนินออกอย่างแรงจนกระเด็นไปติดกับผนังตึก หญิงสาวขยี้เท้าอย่างไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าแล้วเดินเช็ดน้ำตาออกไปตามทางเดินโดยไม่รู้จุดหมาย เธอรู้แต่ว่า ต้องพาตัวเองออกไปให้ไกลๆ ก่อนจะทนไม่ไหวและลงมือลงไม้กับนักนินอีกครั้งหนึ่ง

“เดี๋ยวก่อนฮานาโกะ”

นักนินหันไปร้องเรียกและหมายจะเดินตาม แต่ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลออกจากจมูกและหยดแหมะลงบนพื้นเป็นคราบสีแดง เลือดกำเดาของเธอนั่นเอง นักนินถอยไปนั่งตรงเก้าอี้ตรงริมทางเดินและเอามือเช็ดเลือดที่ไหลออกมาไม่มากนัก สักครู่หนึ่งก็หายไป

“ผ้าเย็นครับ”

นพพรเดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งผ้าเย็นที่ไปขอมาจากพยาบาลยื่นให้นักนิน ที่จริงเขาตั้งใจให้มันช่วยประคบรอยแดงเป็นรูปนิ้วมือที่ประทับอยู่บนใบหน้าของหญิงสาว แต่ตอนนี้คงใช้ซับเลือดชั่วคราวก่อน

“ขอบคุณค่ะ”

“นั่นไม่เจ็บหรือ”

ชายสูงวัยชี้ที่แก้มตัวเอง นักนินก็ลูบแก้มตัวเองบ้าง พบว่ามันกำลังร้อนผ่าว

“เจ็บค่ะ แต่ ไม่เป็นไรค่ะ”

นักนินบังคับเสียงตัวเองให้เป็นปรกติ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอก็ตกใจกลัวจนมือไม้สั่น ตั้งแต่ตอนที่โดนพัลลภขู่กรรโชกจนกระทั่งเกนโซมาถึงและพลัดหลงโดนยิง แต่ก็ต้องควบคุมสติของตนเองเอาไว้ ไม่ให้แตกกระเจิงไปเหมือนฮานาโกะที่พอถึงโรงพยาบาลแล้วหมอบอกว่ากระสุนฝังใน ต้องพาเกนโซเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน เธอช็อคไปครู่หนึ่ง พอได้สติก็หันมาจ้องมองนักนิน หญิงสาวที่จู่ๆ ก็เข้ามาในชีวิตของพี่ชายและทำให้เกนโซต้องมาประสบเคราะห์กรรมโดยใช่เหตุ

“ทำไมถึงยอมให้เขาตบเอาๆ ล่ะ ทำเป็นนางเอกหนังไทยไปได้”

นพพรพยายามปล่อยมุก ซึ่งไม่ได้ผลเท่าใดนัก แต่นักนินฝืนยิ้มแล้วตอบ

“ฉัน เอ้อ หนู”

นักนินเปลี่ยนสรรพนามเรียกตนเอง เมื่อพิจารณาอายุของอีกฝ่ายซึ่งน่าจะห่างกันร่วมยี่สิบปี

“หนูผิดเองค่ะ หนูบอกว่าถ้าเธอโกรธคนที่ยิง ก็ให้มาลงกับหนูแทน”

นั่นเพราะนักนินคิดว่าเธอเองเป็นต้นเหตุทั้งหมด การลงโทษของฮานาโกะยังน้อยไปด้วยซ้ำกับความผิดที่เธอสมควรได้รับ ส่วนฮานาโกะคิดว่าหญิงสาวปกป้องคนผิดเพราะฝ่ายนั้นเป็นญาติของคนรักเก่า สรุปคือไม่ว่าจะมองมุมไหน นักนินก็ผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง หญิงสาวกำผ้าเย็นเปื้อนเลือดเอาไว้และบังคับมือไม่ให้สั่นก่อนจะเช็ดเลือดออกจากจมูก และหันด้านที่ไม่เปื้อนมาประคบสองแก้มที่ร้อนผ่าว จากนั้นจึงค่อยๆ หันมาพึมพำเบาๆ กับคนที่ทรุดตัวลงมานั่งด้วย

“หนูจำคุณได้ คุณเป็นคนช่วยชีวิตพวกเราในอุบัติเหตุคราวนั้น ใช่ไหมคะ”

นพพรพยักหน้า นาฬิกาฝังเพชรของภาคิมอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขายังไม่ได้หยิบมันออกมา สภาพคู่กรณีในเวลานี้ช่างดูย่ำแย่พอกันทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ภาคิมนอนนิ่งไม่กระดิกตัวอยู่ในห้องไอซียู ส่วนนักนินก็ดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

“ดีจังค่ะ ที่ได้เจอ คุณอาจจะช่วยบอกหนูได้ ว่าจะไปตามหาครอบครัวของคนที่โดนรถชนตายได้ที่ไหน”

หลังจากผ่านเรื่องร้ายมามาก นักนินคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่ตามมาได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงของตนเองจึงแผ่วลงและแผ่วลง โถงทางเดินเบื้องหน้าช่างดูโคลงเคลงและพื้นดินดูอ่อนยวบ

“อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ อย่าเพิ่งไป...”

ผ้าเย็นในมือร่วงหล่นลงกับพื้น หญิงสาวสลบซบกับบ่าของชายในชุดซาฟารีของหน่วยกู้ภัย นพพรขยับร่างบางนั้นให้เอนลงบนตักเขาอย่างนุ่มนวลที่สุด ในเวลานี้หญิงสาวไม่ควรได้รับความกระทบกระเทือนใดๆ มากไปกว่านี้อีก

ภาพที่ปรากฏในสายตาของคนเดินผ่านไปมาในโรงพยาบาล ไม่ขัดขัดตาเท่าใดนัก ดูไปคล้ายกับภาพของลูกสาวนอนพักกับตักพ่อในช่วงที่รอผลการผ่าตัด

นพพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วนึกตำหนิตัวเอง

เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอเสียแล้วสินะ...

 

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *

 

หงุนส่องกระจกในห้องน้ำของโรงพยาบาลแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเท่เหลือกำลัง

 เสื้อยืดคอวีสีดำตราห่านคู่ สวมทับด้วยแจ็คเก็ตเข้ารูปสีดำ บวกกับกางเกงยีนส์ขาเดฟทรงทันสมัยที่เขาซื้อมาจากตลาดเมื่อเช้า เพิ่งลองสวมได้ไม่ทันไร นพพรก็โทรหา ให้ไปรับรถจากโรงพยาบาลไปคืนมูลนิธิ เพราะเจ้าตัวคงจะยังไม่กลับในเวลาอันใกล้ ครั้นจะจอดรถทิ้งไว้ก็เกรงว่าจะมีอุบัติเหตุอื่นแล้วรถของมูลนิธิจะไม่พอใช้กัน และที่จริงคืนนี้ไม่ใช่เวรของเขา แต่หงุนก็ว่างอยู่เรื่อยๆ ตามประสานักศึกษาอาชีวะปีสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีอะไรทำ เขากระโดดขึ้นรถเมล์มาเพราะค่าแท็กซี่ดูท่าจะไม่พอจ่าย แต่พอถึงโรงพยาบาลก็ยังพอวางมาดได้ เพราะชุดยังไม่ยับเกินไปนัก

 

“รถจอดอยู่ประตูสี่ มีกุญแจสำรองใช่ไหม ฝากขับไปคืนแปะซ้งด้วยนะ”

นพพรสั่งมาทางโทรศัพท์สั้นๆ ตั้งใจให้หงุนนแวะมาเอารถแต่เพียงอย่างเดียว แต่ด้วยความที่นั่งรถเมล์มาหลายป้าย ทำให้ถูกข้าศึกโจมตีจนต้องแวะเข้าห้องน้ำของรพ.เสียก่อน

ครืดดดดด!!!

เสียงล้วงกระดาษทิชชู่และกดอุปกรณ์ชำระดังฟืดฟาดกึงกังอย่างคนใช้สุขภัณฑ์ไม่เป็นดังมาจากห้องน้ำหญิงในฝั่งตรงกันข้าม หงุนแอบนึกในใจว่าคงจะเป็นคุณป้าแก่ๆ จากต่างจังหวัดมาเยี่ยมหลาน ดูท่าทางจะงกๆ เงิ่นๆ น่าดู ถึงขนาดเฟอะฟะ ปึงปัง จนทำให้เสียงอุปกรณ์ครวญครางดังมาถึงห้องน้ำชายได้

ชายหนุ่มทำธุระเสร็จในช่วงเวลาเดียวกับคุณป้าในห้องน้ำอีกฟาก ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินกระทบพื้นกระเบื้องดังก๊อกๆ แก๊กๆ พร้อมด้วยเสียงสูดน้ำมูกฟึดฟัดระหว่างเจ้าตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ

หงุนชะโงกหน้าออกจากฝั่งของตัวเองเมื่อคล้อยหลังเสียงรองเท้าส้นสูง เขาเห็นแค่แผ่นหลังสะโอดสะองของหญิงสาวนางหนึ่งเดินเปะปะไปตามทางเดินและดูเหมือนจะมีเรื่องกลัดกลุ้มใจอะไรบางอย่าง จึงก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำมูกน้ำตาอยู่เป็นระวิง

“สงสัยจะป่วยเป็นโรคประสาท”

เขาพึมพำกับตัวเองแล้วถอยหนีออกมา โรงพยาบาลคงไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะเจอสาวๆ สวยๆ ได้ง่ายนัก มิสู้เอารถกลับไปส่งแล้วไปเดินเล่นตามตลาดหรือห้างสรรพสินค้า แบบนั้นความเป็นไปได้น่าจะสูงกว่าหลายเท่า

หงุนส่ายหน้าและเดินแยกจากมาทางที่จอดรถ ส่วนฮานาโกะเหลียวมองดูทางหนีไฟแล้วเกิดความคิดว่า อยากไปขึ้นไปยืนรับลมบนดาดฟ้าสักหน่อย ทั้งสองคนเดินแยกจากกันไปคนละทางเหมือนถนนคนละสายที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้

เว้นแต่จะมีทางลัดตัดผ่าน...

 

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *

 

“ว.2 ว.7 ว.2 ว.7 มีผู้หญิงโทรมาที่สถานีตำรวจ บอกว่ากำลังจะฆ่าตัวตายบนดาดฟ้าโรงพยาบาล...”

 หงุนชะงักกุญแจที่กำลังบิดเพื่อสตาร์ทรถค้างเติ่ง เครื่องยังไม่ทันติด เสียงจากวิทยุสื่อสารก็ตะเบ็งขึ้นมาเสียก่อน

 “ว.7 ว.7 มีผู้หญิงโทรมาที่สถานีตำรวจ บอกว่ากำลังจะฆ่าตัวตายบนดาดฟ้าโรงพยาบาล... ตำรวจกำลังคุยไกล่เกลี่ย ระหว่างนี้ขออาสาสมัครที่อยู่ใกล้ถนน... กม. 14 ไปเคลียร์พื้นที่โดยด่วน”

 หงุนฟังชื่อโรงพยาบาลแล้วแทบอยากเอาหัวโขกพวงมาลัย

  นี่มันโรงพยาบาลที่เราเพิ่งเดินออกมาเลยนี่หว่า...

 “ว.2 ศูนย์กู้ชีพปราบดาหาญ กำลังไป”

  เสียงตอบจากอาสาสมัครที่สังกัดอีกมูลนิธิหนึ่งตอบเข้ามาในสาย หงุนเลยเงียบเสียงไม่กดตอบรับ

  วันนี้เป็นวันพัก ปล่อยเขามาจัดการไปก็แล้วกัน...

 นึกในใจอย่างนั้น แต่มือก็หมุนกระจกลง ตัวก็ชะโงกขึ้นไปมองบนตึก

  “เฮ่ย!!”

 เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่บนดาดฟ้าตรงราวระเบียง ลมบนยอดตึกพัดกรูให้ผมหยิกและฟูฟ่องของหญิงสาวปลิวสยายเหมือนก้อนเมฆแตกกระจายเวลาเจอพายุหมุน

  “นั่นอาซิ้มรองเท้าส้นสูงที่เจอหน้าห้องน้ำนี่นา”

หงุนหมุนกระจกลง เปิดประตู แล้วกระโดดลงจากรถ เขาปิดประตูปังโดยไม่รอฟังรายละเอียดอื่นๆ ในวิทยุสื่อสาร

 

“ไปที่ตึก 2 ชื่อตึกวชิราพรนะครับ ตั้งสติให้ดี เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อย่าหลงตึก...”

 

หงุนไม่ได้ฟังประโยคนั้นและยังเดินตรงแหน่วไปยังตึก 1 ตึกที่เพิ่งจากมา ชายหนุ่มวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟจนหอบแฮ่ก อากาศร้อนสะบัดจนเหงือแตก หงุนถอดแจคเก็ตออกจนเหลือแต่เสื้อยืดสีดำตราห่านคู่ พร้อมกับถีบประตูหนีไฟตรงดาดฟ้าและตะโกนก้อง

 

“อาซิ่ม หยุดก่อน!!”

ฮานาโกะซึ่งกำลังเกาะระเบียงดาดฟ้ากินลมชมวิวเพลินๆ หันไปตามเสียงเรียกโดยที่เธอก็ไม่รู้ภาษา เห็นแต่หน้าตาตื่นๆ ของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังหอบแฮ่กและตะโกนโหวกเหวกอะไรสักอย่าง

 “あなた は 誰 ですか?[ii]

 ฮานาโกะตะโกนถามว่าเขาเป็นใครและค่อยๆ ถอยหลังหนีไปตรงระเบียง เธอระแวงคนแปลกหน้าอย่างหนัก ต้นเหตุมาจากพัลลภ นักนิน และเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ

 ‘ซวยล่ะ ไม่ใช่อาซิ่ม’

แถมสวยอีกต่างหาก... หงุนสบถพร้อมกับเบิ่งตาค้าง เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าชัดๆ ใบหน้าหวานขาวละมุนผุดผ่องและดวงตาโฉบเฉี่ยวเปล่งประกาย แล้วไหนจะปากจิ้มลิ้มพริ้มเพราราวกับผลเชอรี่นั่น นึกได้ดังนั้นหงุน ต้องรีบตบหน้าตัวเอง พร้อมกับกางขาอ้าแขน เตรียมพร้อมเต็มที่ที่จะเข้าไปประชิดและถึงเธอออกมาจากระเบียงก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจกระโดดลงไปโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด

 “怖い[iii]

 ถึงจะแปลไม่ออก แต่หน้าเบ้ๆ และสายตาที่ฮานาโกะส่งมา ให้ความหมายที่ใกล้เคียงกับ...

 “คนบ้า!”

หญิงสาวนึกภาษาไทยที่เรียนมางูๆ ปลาๆ ออกแล้วรีบตะโกนใส่

 

“เอ้ย ผมไม่ได้บ้าสักหน่อย คุณน่ะสิบ้า”

 

“ไอ้บ้า! ไอ้บ้าๆๆๆ”

“นี่คุณ เป็นสาวเป็นนาง พูดจาแบบนี้ได้ยังไง ที่สำคัญ อย่าคิดสั้นเลยนะ มา ออกมาเถอะ”

 หงุนพยายามใช้ไม้อ่อนแต่ฮานาโกะเองยังมองเลิ่กลั่กและไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มกล่าว เธอถอยหนีไปติดระเบียงเข้าไปใหญ่ และทันใดนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นดาดฟ้าของตึกถัดไป ฝั่งนั้นมีหญิงสาวท่าทางตื่นกลัวและกลุ่มคนชุดฟอร์มแปลก รวมทั้งแพทย์และพยาบาลไปออกันอยู่ที่นั้น ต่างส่งเสียงร้องห้ามกันอย่างโกลาหล

 ‘เข้าใจล่ะ...’

ฮานาโกะพึมพำเป็นภาษาตัวเอง

 ‘ตาซื่อบื้อคนนี้ คงจะนึกว่าเรากำลังจะกระโดดตึกตายสิท่า คนที่จะกระโดดจริงๆ น่ะ อยู่บนดาดฟ้าของตึกโน้นต่างหาก’

คิดได้แล้วก็ทำเป็นขยับซ้ายที หงุนก็ขยับตาม พอเปลี่ยนไปขยับขวา หงุนก็เยื้องตัวตามอีกเช่นกัน ฮานาโกะเห็นท่าทางของชายหนุ่มแล้วอดหัวเราะคิกขึ้นมาไม่ได้

‘ท่าทางจะอาการหนักไม่ใช่เล่น หน้าตาก็น่ารักดี ไม่น่าคุ้มดีคุ้มร้ายเลย’

หงุนเองก็นึกอยู่ในใจและพยายามหาทางแก้ไข พร้อมกับสอดสายสายตามองว่ามีใครตามมาช่วยบ้างหรือยัง ปรากฏว่าข้างหลังก็ไม่มี ข้างล่างก็ว่างเปล่า และทันใดนั้น สายตาก็ไปปะทะกับตึกข้างๆ

 “เอ้ย!”

หงุนเข้าใจในเวลาต่อมา ว่าเขาขึ้นมาผิดตึก ฮานาโกะกอดอกมองตาซื่อบื้อยิ้มเบี้ยวๆ เอามือเคาะและเกาหัวตัวเองแกรกๆ ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินจากไป ฮานาโกะหัวเราะคิกคักอยู่ข้างหลัง จากนั้นเดินตามมาคว้าแขนหงุนเอาไว้

 “ไป ส่ง หน่อย”

 “หืม”

“ช่วย ไป ส่ง หน่อย นะ คะ”

  ฮานาโกะพูดภาษาไทยได้กระท่อนกระแท่น แต่ก็น่ารักน่าชังและชวนให้หัวใจอ่อนไหวพอๆ กับเต้นรัว หงุนเปลี่ยนมาจูงมือเธอแล้วพยักหน้าแรงๆ

  “อื้อ”

  ถึงจะต่างภาษา แต่ก็เห็นอกเห็นใจและเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มและหญิงสาวจูงมือกันลงมาจากดาดฟ้าเพื่อจะเดินกลับไปยังห้องผ่าตัดที่มีนักนินรอดูอาการของเกนโซอยู่

 

...

 ...

...

 

- โปรดติดตามตอนต่อไป –



[i]余計なお世話。 อ่านว่า Yokeinaosewa. แปลว่า ไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย

[ii]あなた ですか? อ่านว่า Anata wa dare desu ka? แปลว่า คุณเป็นใครน่ะ

[iii]怖い อ่านว่า Kowai แปลว่า น่ากลัวจัง