Print

ยารักษาใจ - ฉบับที่ ๑๔๗

TEARS SERIES 
ตอนที่ 10 ๛ ภูษาโยง ๛ (บทที่ 3 : ความจริง-ความฝัน)

wilasinee2โดย วิลาศินี




heal-147

ขอบคุณภาพจาก http://www.radwaworld.com/wp-content/uploads/2011/08/drowning-girl-sea-water-Favim.com-112419.jpg
...
...
...

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท

...
...
...


เสียงเข็มนาฬิกากระดิกเดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอภายในห้องเงียบเชียบ บุคคลภายในห้องผ่อนลมหายใจบางเบา เสียงนาฬิกาที่เดินตามจังหวะดัง เป๊ก...เป๊ก... เป๊ก... ดังก้องอยู่ในโสตประสาท เขาตัดสินใจเคาะแป้นพิมพ์เพื่อทำลายความเงียบและกลบเสียงนาฬิกาที่เป็นจังหวะมั่นคง เสียงเคาะแป้นพิมพ์อันไร้จังหวะดังขึ้นมาแทนที่ และดูจะมีอิทธิพลมากกว่าสรรพสำเนียงรอบข้าง

บันทึกพนักงานสอบสวน
สถานีตำรวจนครบาล… กองบังคับการ/ตำรวจภูธรจังหวัด ...... กองบังคับการ/ภาค นครบาล

heal-147-2

บุคคลที่อยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ชะงักมือที่พิมพ์ลงไปบนแป้นพิมพ์อยู่ชั่วครู่

พลางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น...


กลางดึกของคืนนั้น เขาได้รับวิทยุแจ้งจากหน่วยกู้ภัยให้ตามไปเก็บพยานหลักฐาน พร้อมกับได้รับแจ้งว่ายังมีผู้รอดชีวิตได้รับบาดเจ็บอยู่ในรถอีกคนหนึ่ง ในฐานะร้อยเวรผู้ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสืบสวน เขาจำเป็นต้องรีบรุดไปตรวจดูจุดเกิดเหตุ และเมื่อไปถึง ก็พบกับเศษซากยานพาหนะและอวัยวะของผู้ตายหล่นกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นถนน ภายในรถยนต์ยังมีชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งเอนซบสลบอยู่กับพวงมาลัย เมื่อเขาเข้าไปเขย่าตัวก็ค่อยส่งเสียงครางอือออ

“เอาล่ะน้องชาย... ไม่ต้องตกใจ นี่ตำรวจ ลงมาจากรถไหวไหมครับ น้องครับ”

“ผม...เจ็บ... เจ็บแขน”

มือข้างหนึ่งของเขาพับงออยู่ตรงคันบังคับเกียร์ มีเลือดไหลซึมอยู่ตรงบ่าซ้ายจนเปรอะเลอะแขนเสื้อแต่ก็มีผ้าพันแผลชิ้นหนึ่งผูกรัดห้ามเลือดเอาไว้ คงเป็นผลงานของทีมหน่วยกู้ภัยก่อนหน้าที่จัดแจงทำทิ้งไว้ให้

“ไม่เลวนี่นา นั่งพักเอาแรงอีกหน่อยคงลุกเดินไหว ถ้าอย่างนั้นผมขอถ่ายรูปเก็บหลักฐานก่อนนะครับ เดี๋ยวพาไปส่งโรงพยาบาล”

“ครับ...”

นายตำรวจเปิดประตูรถทิ้งไว้ให้ คนเจ็บยังดูงุนงงแต่ก็ค่อยๆโซซัดโซเซเดินลงมาจากรถแล้วหันไปสำรวจความเสียหายรอบๆตัว มันคือผลของความประมาทที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าจะคาดคิด คนขับและคนซ้อนมอเตอร์ไซค์นอนจมกองเลือดอยู่ไม่ไกล ส่วนสภาพรถของเขาเองก็บุบบู้บี้ตั้งแต่ด้านหลังมาจนถึงด้านข้างฝั่งซ้ายจากการไถลลงข้างทางที่เต็มไปด้วยโขดหิน ชายหนุ่มผู้นั้นสะบัดหน้าซ้ายขวาอย่างจะมองหาผู้โดยสารคนอื่นอีก

“คนเจ็บในรถอีกสองคนอาการสาหัสกว่า ถูกนำส่งโรงพยาบาลไปก่อนแล้ว น้องดูจะบาดเจ็บน้อยที่สุด พอจะให้ปากคำไหวไหมครับ”

เขาจำได้ว่าถ้อยคำนั้นเป็นการให้ข้อมูลและสอบถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปรกติ แต่ปฏิกิริยาที่ตอบสนองจากชายหนุ่มตรงหน้ากลับตรงกันข้าม นั่นคือสีหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยริ้วรอยของความเจ็บปวด เส้นเลือดตรงขมับของเขาปูดโปนคล้ายกับจะระเบิดออกมาได้ทุกเวลา ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง เขาคงได้ยินคำถามแต่ไม่สนใจที่จะให้คำตอบ

ค่อยๆ คิดสิ ว่าต้องทำยังไง...


ส่วนลึกในใจของเขากระซิบบอกชายตรงหน้าอย่างชินชา แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดคำใด เมื่อทิ้งช่องว่างของความเงียบให้ผ่านไประยะหนึ่ง ชายหนุ่มตรงหน้าจึงค่อยคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาใช้มือข้างหนึ่งที่ยังพอใช้การได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสาย ระหว่างรอการตอบรับจากสายนั้นด้วยความกระวนกระวาย นายตำรวจหนุ่มก็หันไปเดินพ่นสีรอบที่เกิดเหตุอย่างใจเย็น เมื่อปลายสายกดรับ คนขับผู้รอดชีวิตรีบกระซิบเสียงสั่น

“พ่อครับ... ช่วยผมด้วย”

นายตำรวจมองผู้ต้องสงสัยด้วยหางตา บทสนทนารูปแบบเดิมๆแว่วเข้ามาในหู รวมถึงข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธในเวลาต่อมา...

ผู้กองหนุ่มคนเดิมถอนห้วงคำนึงออกมาจากอดีตและเริ่มคาดการณ์ถึงอนาคต พรุ่งนี้ได้ฤกษ์ถอยรถป้ายแดงคันใหม่ เขาควรรีบทำสรุปสำนวนการสอบสวนเพื่อปิดคดีให้เสร็จสิ้นไปโดยไวที่สุด


* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

เสียงลมโกรกโบกพัด ต้นสนสลับกับต้นมะพร้าวแข่งกันโบกสะบัดใบหวิวไหว ภาคิมออกมาดื่มเหล้าย้อมใจอยู่ตรงระเบียงด้านนอก รีสอร์ทหรูบนเกาะกลางทะเลแห่งนี้เดิมจองไว้เป็นสถานที่สำหรับฮันนีมูนหลังงานแต่ง แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน พิธีการต่างๆพลันยกเลิก ภาคิมและนักนินวนเวียนเข้าออกโรงพยาบาล งานศพ บ้าน แล้วไหนจะสถานีตำรวจ ต่างฝ่ายต่างมีความเครียดกัดกินและค่อยๆฝังลึกลงในจิตใจของชายหนุ่มและหญิงสาว จนญาติผู้ใหญ่ต้องแนะนำแกมบังคับว่าเมื่อเรื่องราวต่างๆคลีคลายลงแล้ว ก็ให้เดินทางมาพักที่รีสอร์ทตามแผนเดิมที่วางไว้ อย่างน้อยก็เพื่อให้ผ่อนคลายความกดดันต่างๆ ลงบ้าง
ภาคิมกำลังนึกถึงนายตำรวจคนนั้น คนที่เขาไม่รู้จักกระทั่งชื่อหรือนามสกุล รู้แต่เพียงว่าพอเขาเอ่ยชื่อพ่อและนามสกุลของตน นายตำรวจผู้นั้นก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีในระดับหนึ่ง นั่นคือไม่ตั้งข้อซักถามใดๆเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นไปตามที่พ่อของเขากำชับไว้ ว่าไม่ให้ตอบคำถามใดๆจนกว่าทนายจะไปถึง

“ไม่สิ...”

เสียงพ่ออุทานเบาๆจากปลายสายและบอกใหม่

“ยื่นโทรศัพท์ให้พ่อคุยกับตำรวจตอนนี้เลย”

นายตำรวจผู้นั้นรับโทรศัพท์ไปคุยอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเลี่ยงไปทางป่าละเมาะข้างทาง ปลายรองเท้าบูทเหยียบย่ำลงบนมันสมองกองหนึ่งที่กระเด็นมากองตรงพื้นถนน ผู้กองหนุ่มสะบัดปลายเท้าเดินผ่านเลยไปอย่างไม่ใยดี ภาคิมมองตามด้วยความรู้สึกปั่นป่วน ถึงผู้กองจะเดินห่างออกไปหลายช่วงแต่ก็ยังพอจะได้ยินบทสนทนาสั้นๆ

“ครับ...”
...
“คงจะไม่พอหรอกครับ...”
...
...
“แล้วผมจะติดต่อกลับไปครับ”

ผู้กองหนุ่มคนนั้นคุยจบแล้วเหยียดยิ้มบางๆก่อนส่งโทรศัพท์คืนให้ จากนั้นเข้ามาพยุงให้เขาลุกขึ้นไปนั่งบนรถสายตรวจแล้วพาไปส่งโรงพยาบาล ภาคิมรู้สึกรังเกียจรอยยิ้มนั้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

แต่ก็น้อยกว่าสิ่งที่ตนเองกระทำในเวลาต่อมา...

ชื่อของเตชิตซึ่งเสียชีวิตหลังนำส่งโรงพยาบาล ถูกนำไปบรรจุไว้เป็นชื่อผู้ขับในบันทึกและรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดติดตัวในทุกกรณี บิดาของภาคิมมอบเงินจำนวนหลายแสนบาทให้กับนายตำรวจหนุ่มผู้นั้น เพื่อเป็นค่าทำขวัญและทำศพแก่คนต่างด้าวสองคนที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยต่างเป็นที่รู้กันดีกว่า ชายหนุ่มหญิงสาวต่างด้าวสองคนนั้นไม่มีญาติมิตรคนใดไหนอื่นอีกแล้วในแผ่นดินนี้

เหตุการณ์จึงกลับตาลปัตรไปเป็นว่า

ภาคิมคือพยานในที่เกิดเหตุ
เช่นเดียวนักนิน...
ภาคิมกระดกแก้วเหล้าในมือแล้วกรอกลงลำคอเข้าไปจนหมด เป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่นอนอยู่เพียงลำพังในห้องถัดไป

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

นักนินนั่งขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง หญิงสาวกอดเข่าตัวสั่นและหลั่งน้ำตาเป็นสายในความมืด ไม่กล้าแม้แต่จะกลับขึ้นไปนอนบนเตียง เมื่อภาคิมเปิดประตูเข้ามาหาเธอยิ่งก้มหน้าเอาศีรษะซุกลงกับท่อนแขน ภาคิมเข้าไปโอบไหล่และกอดประคองหญิงสาวก่อนกระซิบถามเบาๆ

“ฝันร้ายเหรอนิ่ม”
“อึก... ฮือ...”

คนรักในอ้อมแขนยังคงสะอื้นไห้ มือสองข้างของนักนินค่อยๆเคลื่อนมาโอบกอดชายหนุ่มข้างตัว

“เต้... เราขอโทษ เราขอโทษนะเต้”

ปฏิกิริยาและชื่อที่เธอเรียกขานทำให้ภาคิมชะงักกึก มันคืออาการละเมอ ประสาทหลอน หรืออะไรสักอย่าง และเป็นผลมาจาก...

ภาคิมกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงลำคอที่แห้งผาก

การเผชิญกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้เขาได้พบกับคนที่ไม่คาดฝัน อาพัลลภน้องชายของพ่อที่ครอบครัวของไม่ได้ติดต่อมานาน เข้ามามีบทบาทในการจัดการหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายในการล็อบบี้ตำรวจและนักข่าว การอำพรางหลักฐาน และการเจรจาไกล่เกลี่ยไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง นักนินผู้ฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ ดูจะไม่ถูกชะตากับอาพัลลภตั้งแต่แรกเห็น แต่ก็จนใจโต้เถียงเมื่อการดำเนินการต่างๆเสร็จสิ้นไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่การเซ็นให้การเป็นพยานของเธอเท่านั้น ภายหลังการเกลี้ยกล่อมซ้ำแล้วซ้ำเล่า นักนินจึงยินยอมเซ็นเอกสารให้อย่างไม่เต็มใจนัก

“เห็นเรียบร้อยอย่างนี้ มองตาดีๆ ดื้อเอาเรื่อง”
พัลลภรำพึงเมื่ออยู่ด้วยกันกับหลานชายเพียงลำพัง

“หมายความว่าไงครับอา”

“ผู้หญิงคนนั้น ยังไม่มีอะไรกันใช่ไหม”

“โอ... ยังสิครับ นิ่มหวงตัวมาก เธอบอกว่าอยากรอถึงวันแต่ง”

“งานแต่งก็ยกเลิกเสียแล้วนี่”

“ครับ”

“อืม... น่าเป็นห่วง”

“ครับ?”
ภาคิมทวนถามด้วยความสงสัย

“พ่อของหลานกับอา ช่วยกันไกล่เกลี่ย เจรจา คลี่คลายคดีจนหลานอาสะอาดหมดจดไร้มลทิน พร้อมจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกต้นปีหน้า แต่อาไม่รู้สิว่า แฟนหลานจะให้ความร่วมมือไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า”
พัลลภหมายถึง วันหนึ่ง นักนินอาจจะลุกขึ้นมาเปิดเผยความจริงก็ได้

“นิ่มไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกครับอา อีกอย่างเธอก็ยอมเซ็นเอกสารเป็นพยานให้ผมไปแล้วด้วย”

“อยากให้มั่นใจกว่านั้นไหมล่ะ”
พัลลภมองตาหลานชายแล้วหยิบของบางอย่างมาใส่มือ มันคือกระปุกยาเล็กๆ ด้านในเป็นแคปซูลที่แกะเปลือกได้ง่าย

“ไม่จำเป็นอย่าให้กินทั้งเม็ดแคปซูล แต่ให้แกะผงยาเทลงในน้ำอัดลม ผสมแล้วไร้กลิ่น ไร้สี ถ้าไม่ตรวจฉี่ภายในสามวันก็ไม่เจออะไรหรอก...”

ภาคิมอ้าปากค้างฟังพัลลภบอกคุณสมบัติต่อมาของยาดังกล่าวจนจบ

“นี่มันยาไอซ์นี่อา”
“ก็ใช่น่ะซี แพงนะ แถมไม่ได้หามาง่ายๆ”
“อาครับ...”

ภาคิมพึมพำด้วยเสียงเบาหวิว คิ้วของเขาขมวดมุ่นก่อนยื่นกระปุกยาคืนให้กับพัลลภ

“ถ้าผมใช้ไอ้นี่ นิ่มก็ติดยาสิครับ”
“เฮ่ยยย แค่ไม่กี่เม็ดน่ะ ไม่ทำให้ติดหรอก แต่ข้อดีของมันคือทำให้มึนเมา เคลิ้มง่าย กล่อมอะไรก็ยอมทำตามหมด พอหลับไปสักตื่น ลืมตาขึ้นมาก็ลืมเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด”

พัลลภบรรยายสรรพคุณพร้อมกับดันกระปุกยาคืนไปใหม่ ภาคิมสบตาพัลลภผู้เป็นอาแล้วคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เขาให้เกียรตินักนินเป็นอย่างดีมาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ หล่อนเสียอีก ที่มองเขาด้วยสายตาดูถูกดูแคลนและหมางเมินเสียเต็มประดา ราวกับไม่ต้องการพบหน้าและเตรียมตีตัวออกห่าง ยิ่งพองานแต่งต้องเลื่อนออกไป เขายิ่งเข้าใกล้เธอได้ลำบาก

“อาไม่ได้บอกให้คิวไปฉุดใครมาทำเมียซะหน่อย นั่นน่ะว่าที่เจ้าสาวของหลานอาแท้ๆ แค่ยังไม่ได้ร่วมหอลงโรงกัน แต่เชื่ออาสิ ลงได้ขึ้นสวรรค์ด้วยกันแล้ว ไปไหนไม่รอดหรอก”

ที่พัลลภพูดมาก็ถูก หากงานแต่งเลื่อนไป นักนินตีตัวออกห่าง แล้วเธอและเขาต้องพรากจากกัน

ไม่มีทาง เขาไม่ยอมปล่อยเธอให้หลุดหายไปจากชีวิตแน่ๆ

“ครับอา ขอบคุณครับ”

ในที่สุดภาคิมก็รับกระปุกยาเม็ดนั้นมาเก็บรักษาไว้อย่างดี เขาอาศัยเข้าทางผู้ใหญ่หลายคนเกลี้ยกล่อมให้นักนินเดินทางมาพักผ่อนที่รีสอร์ทหรูบนเกาะที่เงียบสงบและห่างไกลผู้คน ระหว่างการเดินทางทั้งนั่งรถและลงเรือ เมื่อมีโอกาส เขาค่อยๆผสมยาดังกล่าวลงในน้ำอัดลมกระป๋องก่อนส่งให้นักนินดื่มเป็นระยะและคอยสังเกตอาการ หญิงสาวมีอาการง่วงซึมลงเป็นพักๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังทำใจแข็งขอนอนแยกห้องเมื่อมาถึงรีสอร์ทอันเป็นที่หมาย

ตกดึก ภาคิมแยกตัวออกมาโทรปรึกษาพัลลภแล้วได้รับคำแนะนำให้เพิ่มปริมาณยา เขาต้องอาศัยสุราปลุกปั่นความกล้าของตัวเองพอสมควร ระหว่างที่นั่งจิบเหล้าพลางคิดถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ เสียงนักนินละเมอด้วยความหวาดกลัวก็ดังขึ้น ภาคิมทิ้งแก้วเหล้าแล้วเข้าไปดูหญิงสาวที่นั่งซุกตัวอยู่ในมุมห้องและร้องไห้ตัวโยน ยาคงเพิ่งจะออกฤทธิ์

ว่าแต่เธอละเมอถึงใครนะ

“ฮือ... เต้... เราขอโทษ เราขอโทษนะเต้”

นักนินยังคงพร่ำเพ้อละเมอประโยคเดิมไม่หยุด ภาคิมค่อยๆคลายอ้อมกอดที่เขาโอบหญิงสาวออก

“นิ่ม... ตื่นสินิ่ม”

ชายหนุ่มหันมาเขย่าตัวคนรักจนตัวโยน ผมเผ้าของหญิงสาวปรกหน้าปรกตาดูยุ่งเหยิง นักนินยังละเมอและพร่ำเพ้อไม่หยุด

“คิว... คิวไม่เป็นไรใช่ไหม งั้นมาช่วยเต้หน่อย มา... มาช่วยเต้ก่อนสิ”

นักนินเอื้อมมือคว้าเปะปะเมื่อภาคิมผละออกมา ชายหนุ่มได้ยินแล้วขบกรามแน่น

ไอ้เต้…”

ภาคิมส่งเสียงคำรามในลำคอ

“ฝันถึงมันใช่ไหม คิดถึงมันมากใช่ไหม”

ชายหนุ่มกำหมัดแน่น ฤทธิ์ของเหล้าที่ลงคอผสมกับความเครียดจนบันดาลเป็นโทสะ ทำไมนักนินจะต้องละเมอถึงเตชิตที่ตายไปแล้ว ไม่ควรเลยสักนิด เขาต่างหากที่ยังมีชีวิตอยู่และกำลังจะเป็นสามีเธออยู่รอมร่อ

ภาคิมเดินเตะข้าวของแล้วกลับห้องไปหยิบกระปุกยาที่ซ่อนไว้ในกระเป๋า แกะยามากำมือหนึ่งเทใส่แก้วแล้วราดด้วยน้ำโซดา จากนั้นถือแก้วนั้นกลับมาจ่อปากหญิงสาว

“ยาเพิ่งออกฤทธิ์สินะ งั้นดื่มเพิ่มเข้าไปให้มีอารมณ์อีกหน่อย”

คนกำลังละเมอที่ไหนจะดื่มน้ำได้ด้วยวิธีธรรมชาติ นักนินคออ่อนคล้ายจะเอนพับลงไปใหม่ ชายหนุ่มจึงดึงตัวเธอไปพิงกับผนังห้อง ก่อนจับใบหน้านั้นหงายแล้วบีบแก้มให้ปากเผยอแล้วกรอกน้ำโซดาผสมยาลงไป หญิงสาวสำลักแล้วสะบัดหน้าหนีทั้งที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น ภาคิมเอื้อมมือไปปิดปากและจมูกของเธอไว้แล้วกึ่งกระซิบกึ่งขู่อยู่ข้างหู

“กลืนลงไปสินิ่ม กลืนลงไป แล้วเราจะได้มีความสุขด้วยกันไง”

ภาคิมกรอกยาและออกคำสั่งอย่างกระแทกกระทั้น นักนินกลืนยาอึกสุดท้ายลงไปในที่สุด ก่อนจะเบิ่งตาค้างเมื่อสารละลายตกถึงท้อง หญิงสาวเกลือกตาและหันหน้ามามองคนรักอย่างคนที่เพิ่งตกใจตื่น ภาคิมโอบรัดร่างบางด้วยความรู้สึกสะใจที่ได้ระบายความโกรธ เขาเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างของคนรักแต่ก็ต้องชะงักและผละออกมาอย่างตะลึงงันเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาว นักนินรู้สึกราวกับมีน้ำกรดมาเทราดตลอดลำไส้ที่บีบตัวอย่างรุนแรง หล่อนบิดตัวร้องครวญครางก่อนจะขย้อนน้ำใสๆออกมา จากนั้นจึงอาเจียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ของเหลวสีขาวไหลเจิ่งนองอยู่บนพื้น ภาคิมผละหนีออกมาด้วยความตกใจระคนขยะแขยง ภาพของนักนินที่นุ่มนวลชวนฝันได้เลือนหายไปหมดสิ้น เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวในสภาพน่าเกลียดน่ากลัวอย่างนี้มาก่อน นักนินอาเจียนออกมาเปรอะเปื้อนพื้นและเสื้อผ้า ผมเผ้ารุงรังปกคลุมใบหน้าซีดขาวเลอะคราบน้ำตา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาขอความช่วยเหลือก่อนจะโก่งตัวขย้อนของเหลวออกมาไม่หยุด ชายหนุ่มร้องอุทานไม่เป็นภาษาและรีบยันกายลุกขึ้นถอยห่าง

ชั่ววินาทีนั้นเป็นการตื่นจากฝันที่ยิ่งกว่าฝันร้าย นักนินทิ้งตัวลงนอนกับพื้นห้องอย่างหมดแรงบนกองอาจมและน้ำตาที่รินไหล เธอเห็นเท้าของภาคิมตวัดหนีและเดินออกไปจากห้อง

หญิงสาวมองตามคนรักออกไป นักนินได้ยินเสียงจังหวะหัวใจตัวเองเต้นถี่รัว แต่เรี่ยวแรงแม้แต่จะหายใจกลับแทบไม่เหลือ ในห้วงลมหายใจรวยรินเข้าออกช้าๆ เป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวได้คิดใคร่ครวญว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านั้นเธอฝันกว่ากลับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่ยังพอจะช่วยแก้ไขอะไรได้ คนตายอยู่ตรงหน้า และเสียงของเตชิตร้องครวญครางอยู่ด้านหลัง ปะปนกับความฝันนั้นภาคิมเดินเข้ามาลูบหน้าลูบหลัง พอเธอตะโกนบอกให้เขาช่วยเตชิต ชายหนุ่มกลับผละจากไป แล้วกลับมาใหม่พร้อมกับจับเธอกรอกยา ผลจากความเจ็บปวดและการอาเจียนทำให้ความฝันความจริงแยกกันอย่างแจ่มชัด นักนินสะอื้นฮักตัวสั่นเทา ภาคิมต้องเข้าใจอะไรเธอผิดสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำร้ายเธออย่างนี้

“คะ... คิว”

นักนินเปล่งเสียงเรียกคนรักด้วยลำคอที่แห้งผาก เสียงนั้นเบาหวิวจนแม้แต่ตัวเธอเองก็แทบไม่ได้ยิน จนแล้วจนรอด ก็ไร้ซึ่งความช่วยเหลือหรือแม้แต่ความเห็นใจจากภาคิม หญิงสาวปิดตาลงอย่างจนปัญญาจะขัดขืน

ภาคิมหนีไปตั้งหลักแต่แล้วก็ย้อนกลับมาในห้องอีกครั้ง เห็นนักนินยังนอนฟุบอยู่กับพื้นอยู่ที่เดิม ไม่ใช่ความผิดของเขา อาบอกว่ายาไม่แรงเท่าไร ชายหนุ่มเริ่มคิดหาข้อแก้ตัวเพื่อปกป้องตัวเองจากความผิด

อย่างน้อย คงยังไม่ตายสินะ...

ภาคิมปัดเท้าไปเตะ ร่างบางนั้นยังสั่นกระตุกเบาๆ และมีลมหายใจรวยริน ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนอนอย่างอ่อนล้า เขาเอามือกุมขมับอย่างกระวนกระวาย

ยังไม่ตาย แต่จะให้ทำอย่างไรต่อ...

ชายหนุ่มมือไม้สั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาบีบมือตัวเองและนวดเค้นอยู่พักใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจกลับคืนมา ก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาอาที่เคารพและขอความช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง

ปลายสายตอบรับไวกว่าที่คิด

“ขอโทษครับอา ที่โทรมาดึกๆดื่นๆ”

“....”

“คือผมมีเรื่องด่วนจะขอความช่วยเหลือครับ คือผมทำตามที่อาบอกแล้วครับ ... ครับ แต่เผลอกรอกยาหนักมือไปหน่อย”

ปลายสายเหมือนจะส่งเสียงหัวเราะลั่นจนดังเล็ดรอดออกมา นักนินไม่ได้ยินบทสนทนาของทางนั้นแต่ก็พอจับใจความได้จากการโต้ตอบของคนรัก หญิงสาวฝืนใจหลับตานอนนิ่งไม่กระดิกตัวเพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอีก

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับอา ตอนนี้ผมทำอย่างว่าไม่ลงแล้ว แม่เล่นอ้วกออกมาจนเลอะพื้นห้องไปหมด อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับว่าหนักไปหน่อย”

“...”

“ก็... กรอกไปทีเดียวหลายเม็ดเลยครับ นึกว่าจะช็อคตายคามือเสียแล้ว”

“...”

“อ้าว ไหนอาบอกว่าไม่ติดไงครับ... โธ่ อา ... ครับ ก็ได้ ผมมันพลาดเอง...”

“...”

“เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับอา... มันจะได้ผลเหรอครับ... ครับ ไหนๆก็ไหนๆ แต่ที่แน่ๆ ผมต้องหาอุปกรณ์มามัดไว้ไม่ให้หนีก่อน”

ภาคิมลุกขึ้นยืนค้ำศีรษะของหญิงสาวที่นอนหลับตาทว่าได้ยินทุกคำที่เขาโต้ตอบ นักนินใจหายวาบ รู้สึกตัวชาไปทั้งร่าง เสียงภาคิมลุกขึ้นคุยโทรศัพท์ไกลออกไปแต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในห้อง เขาเดินไปค้นตู้และรื้อลิ้นชักต่างๆ แต่ดูเหมือนจะไม่พบอุปกรณ์ที่ต้องการ นักนินหวาดกลัวจนแทบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ หญิงสาวตัวสั่นเทาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ชายหนุ่มหันมามองร่างที่นอนอยู่ตรงมุมห้อง ความมืดสลัวทำให้เขาเข้าใจว่าเธอยังคงนอนแน่นิ่งไม่ได้สติ แต่ก่อนสาวเท้าออกไปจากประตู เพื่อความรอบคอบ เขาคว้ากุญแจออกไปและล็อคประตูเอาไว้จากด้านนอก อย่างน้อยก็เพื่อความมั่นใจว่าจะยังไม่มีใครมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี่

เสียงประตูปิดดังปัง นักนินค่อยๆ ลืมตาและยันตัวขึ้นมาด้วยร่างกายที่อ่อนล้า ดวงใจของหญิงสาวแหลกสลายในพริบตาแค่ช่วงเวลาไม่กี่นาทีที่ตื่นจากฝันร้าย

ภาคิมตั้งใจพาเธอมาเสพยา มีเซ็กส์ เพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะเก็บความลับทุกอย่างไว้จนกว่าจะตายจาก...

หญิงสาวหลั่งน้ำตาจนไม่มีน้ำตาจะไหล รู้สึกพะอืดพะอมแต่ก็ไม่มีอะไรในท้องให้ขย้อนออกมาอีก เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มเดินออกไปไกลจากเรือนที่พัก คงจะกลับไปเอาของที่รถ เหลียวมองนอกหน้าต่างเป็นเวลากลางดึกสงัด จะเรียกให้ใครช่วย แล้วไหนจะอิทธิพลที่รายรอบตัวภาคิมนั่นอีก

หนี...

เป็นทางออกเดียวที่หญิงสาวคิดได้ในเวลานั้น กลอนประตูด้านนอกถูกสลักไว้แน่นหนา แต่ประตูหลังที่เปิดออกไปหาระเบียงกลับถูกมองข้าม

นักนินค่อยๆคลานไปเปิดประตูนั้น แต่พอผลักประตูออกกลับพบว่าเบื้องหน้าคือระเบียงที่ล้อมรอบด้วยกระจกแก้ว ไม่มีบานพับหรือสลักใดๆให้เปิดออก หญิงสาวยันตัวไปพิงกระจกนั้นแล้วมองออกไปเบื้องหน้า สุดลูกหูลูกตาคือขอบฟ้ากว้าง เบื้องล่างคือทะเลเวิ้งว้าง จุดที่เธอพักคือด้านบนสุดของหินผา ริมระเบียงมีเก้าอี้ไม้ให้นั่งชมวิว แต่นี่ไม่ใช่เวลานั้น

เสียงฝีเท้ากุกกักใกล้เข้ามา ภาคิมคงได้อุปกรณ์ที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว

หันหลังกลับไปอาจต้องกลายเป็นคนติดยา ฝ่าไปข้างหน้าอาจจมทะเลตายไปเป็นอาหารของฝูงปลา นักนินบีบมือสั่นเทาของตนเองแล้วหยิบเก้าอี้ขึ้นมาจับไว้มั่น


ภาคิมได้ยินเสียงดังเพล้งจากฝั่งตรงข้ามของประตูที่เขาเปิดออก ชายหนุ่มรีบผลักประตูเข้าไปในห้อง เขายังทันเห็นนักนินยืนอยู่ตรงสุดขอบระเบียงนั้นแล้วหันมายิ้มเศร้าๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปเบื้องล่าง

ชายหนุ่มผวาไปคว้าได้เพียงอากาศ เสียงตูมดังจากเบื้องล่างเมื่อร่างของหญิงสาวดำดิ่งลงสู่ผืนทะเลกว้าง

แล้วร่างนั้นก็หายวับไปกับความมืด

...
...
...

-โปรดติดตามตอนต่อไป-