Print

ยารักษาใจ - ฉบับที่ ๑๓๕

TEARS SERIES ตอนที่ 3 “พลาด”

wilasineeโดย วิลาศินี




heal-135
ขอบคุณภาพจาก http://pqhobbit.wordpress.com/category/lent-2010/

...
...
...


เวลาพลบค่ำอย่างนี้ ไม่ค่อยมีคนมาเข้าร้าน ฉันออกไปนั่งตากลมอยู่ตรงม้าหินอ่อนหน้าคอนโด 11 ชั้น ที่แม่มาเช่าที่เปิดร้านทำผมอยู่ด้านล่าง ลมเย็นๆกับแสงแดดอ่อนๆ ช่วยให้ฉันคลายความอุดอู้ที่อยู่เฝ้าร้านแทนแม่มาตลอดวันได้เป็นอย่างดี

และฉันก็พบว่า... เขายังนั่งอยู่ตรงนั้น

ชายแปลกหน้าที่ชอบมานั่งแหงนหน้ามองดูยอดตึกอยู่ตรงม้าหินอ่อนฝั่งตรงกันข้าม ดูลักษณะการแต่งตัวน่าจะเป็นคนมีฐานะ (อย่างน้อยก็ไม่ใช่เด็กส่งหนังสือพิมพ์หรือคนกวาดถนน) หรือจะเป็นวิศวกรที่เผลอออกแบบโครงสร้างผิด แล้วมานั่งกังวลว่าเมื่อไหร่คอนโดจะถล่มลงมา...

ชั่วแวบหนึ่งเขาตวัดสายตามาปะทะกับฉันพอดี ฉันเพียงแต่เอียงหน้าและเหลือบสายตาไปมองทางอื่น

จากนั้นค่อยเลื่อนมุมมองกลับไปหาเขาใหม่อีกครั้ง เขาก็ไม่ได้มองฉันแล้ว

ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ หยาดน้ำขนาดจิ๋วก็หยดแหมะลงมาจากท้องฟ้า ฉันเงยหน้าดูจึงค่อยเห็นละอองฝนค่อยๆพร่างพรูลงมาจึงรีบลุกและวิ่งกลับเข้าร้าน ปิดประตูหน้าร้านและแขวนป้าย "ปิดบริการ" แต่สายตายังเหลือบแลไปเห็นผู้ชายคนเดิม ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

จะบ้า... เอาแต่นั่งทำมิวสิคอะไรอยู่ตรงนั้น

เหลียวมองหลังร้านมีร่มอยู่คันหนึ่ง แม่ยังไม่กลับจากธุระ
ฉันเดินถือร่มออกไปกางให้เขา

เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกค่ะ"

เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย และเริ่มขยับตัว

มาหลบฝนในร้านเราก่อนก็ได้นะ"

ฉันเห็นเขาทำท่าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยเสียงเบาหวิว

ครับ..."

ฉันกางร่มให้เขาเดินตามมาที่ร้านอย่างว่าง่ายพอผลักประตูเข้าไปเห็นม้านั่งสำหรับตัดผม และเตียงสระผมด้านใน ฉันเห็นเขายิ้มเล็กน้อย ฉันพลิกป้ายเปลี่ยนเป็น "เปิดบริการ" ฝนคงตกอีกไม่นาน ลูกค้าอาจมาเข้าร้าน

และอย่างน้อย น่าจะปลอดภัยกว่า สำหรับการที่ในร้านมีแต่ฉันกับลูกค้าผู้ชายแบบนี้

สระผมหน่อยไหมคะ ฉันหาลูกค้าเข้าร้านแบบนี้แหละ"
ฉันบอกหน้าซื่อตาใส เขาหัวเราะเล็กน้อยก่อนตอบ

ผมไม่ได้ติดกระเป๋าเงินมา"

ไม่เป็นไรนี่คะ ค่อยแวะมาจ่ายคราวหน้าก็ได้ ฉันเห็นคุณมาป้วนเปี้ยนแถวนี้บ่อยๆ"

อืม..."

เขาลังเลเล็กน้อย

ครับ เอาอย่างนั้นก็ได้"

เขาเอนตัวลงให้ฉันสระผมให้อย่างว่าง่าย จมูกเชิดๆและหน้าตาคมคายนั้นบ่งบอกว่าเขาเป็นคนรั้นพอสมควร แต่ที่ยอมเอนกายลงให้ฉันสระผมได้ง่ายๆ คงเพราะเขาเองก็ดูอ่อนล้า ต้องการการเอาใจใส่และหลับตาพักสักครู่หนึ่ง ฉันจัดการชโลมแชมพู สระและนวดศีรษะให้เขาเพียงเบาๆ เนื่องจากพบแผลเป็นเป็นรอยร้าวยาวๆตั้งแต่กลางกระหม่อมมาถึงท้ายทอยตอนที่เกิดแผลนั้น เขาคงเจ็บปวดมาก แม้แต่เวลานี้ก็คงจะไม่เหมาะนักที่จะไปสะกิด

ช่วงเวลาที่ฉันจัดการสระนวดและเป่าผมของเขาจนแห้งสนิท ฝนก็ยังพรำๆอยู่ด้านนอก

ที่ร้านฉันมีมาม่าคัพ ถ้าคุณหิว นั่งกินมาม่ารอฝนหยุดตกก็ได้นะคะ"

ร้านคุณมีบริการอย่างนี้ด้วยหรือครับ"

อืม...ค่ะ สำหรับลูกค้าพิเศษ"

ฉันบอกยิ้มๆ

เขาเลิกคิ้วด้วยอากัปกิริยาเดิมและนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางหยิ่งๆ(ตามแบบฉบับของเขา) แต่ฉันพอเข้าใจว่านั่นคืออาการนอบน้อมของเขาแล้ว...ก็ท่าทางหิวโซออกปานนั้น ถ้าไม่กินก็ต้องบอกว่าไม่กินแล้วล่ะ ฉันส่ายหน้ายิ้มและเปิดมาม่าคัพ รินน้ำร้อน และส่งให้

นี่ค่ะ"

เอ่อ...ขอบคุณ"

ได้ยินคำนี้จนได้ ฉันสูดลมหายใจอย่างอิ่มบุญ เวลาเดียวกันนั้นมีเสียงดังกรุ๋งกริ๋งจากกระดิ่งหน้าร้าน

ลูกค้าประจำ(ประมาณเดือนสองเดือนมาหน)แวะเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ดีจัง วันนี้ร้านไม่มีคน"

ฉันยิ้มให้เธอ ไม่วายชำเลืองมองโซฟาที่ข้างๆมีโต๊ะ และมีมาม่าวางอยู่ เขายังซดมาม่าอยู่อย่างเอร็ดอร่อย แต่ภาพที่เธอเห็น มีเพียงมาม่าวางตั้งไว้เท่านั้น

เอ่อ... พักกินมาม่าอยู่หรือเปล่า พี่แค่อยากจะสระไดร์เฉยๆ รอฝนหยุดตกแล้วจะได้ไปรับลูก"

ไม่ค่ะ เชิญพี่ขึ้นเตียงสระผมเลยค่ะ"

ฉันปฏิเสธและเชื้อเชิญเสียงใส ลูกค้าสาวเดินไปที่เตียงสระผมแล้วเอนกายลงนอน

ไม่ไหวเลย งานพี่ยุ่งมาก ไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลย พรุ่งนี้ก็เป็นวันพบผู้ปกครองอีก"

ใจเย็นๆนะคะ คุณแม่ยังสาวก็อย่างนี้ แต่ถึงยังไง ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย"

อือ..."

ฉันลงมือสระผมพร้อมๆกับนวดศีรษะให้เธอเบาๆ

พี่ชื่อแพรใช่ไหมคะ ถ้าหนูจำไม่ผิด"

ใช่จ้า เก่งเหมือนกันนะเรา จำชื่อลูกค้าได้ด้วย"

แน่นอน แล้วลูกสาวพี่ น้องพลอย แต่หนูไม่เคยเห็นพ่อของน้อง"

ระหว่างสนทนากัน หางตาฉันชำเลืองมองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งซดมาม่าอยู่ ดูเหมือนเขาเริ่มรู้สึกตัวและหันมาสนใจลูกค้าสาวของฉันบ้าง

พ่อเขา.... เสียไปตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่เกิด"

ค่ะ หนูพอจะทราบ หนูเคยได้ยินลูกค้าคนอื่นพูดกับแม่เหมือนกัน
แต่หนูอยากฟังเรื่องเล่าจากปากของพี่มากกว่าค่ะ พี่เล่าให้หนูฟังได้ไหมคะ"

เธอเลิกคิ้วและเบ้ปาก ส่วนฉันยังยิ้มให้และนวดศีรษะเธอเบาๆราวกับจะประจบ

เถอะค่ะ ระบายมานะคะ"

ฉันชโลมน้ำเย็นๆเพื่อล้างแชมพูให้และลงครีมนวดต่อ

อืม... พ่อเขาตายไปโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าพี่มีลูกอยู่ในท้อง"

เธอเริ่มหลับตาเล่า

ตอนที่พี่เริ่มแพ้ท้อง พี่พยายามจะนัดเจอเขา เพื่อจะให้เขาพาไปโรงพยาบาล แต่เขาก็เบี้ยวนัดตลอด พี่รอแล้วรอเล่า เขาไม่ยอมมาตามนัด ก็เลยไปตรวจกับหมอเอง ตอนที่รู้ว่าท้อง พี่สับสนและลังเลมาก"

ไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับลูกของตัวเองไหม"

ฉันเสริมให้

อื้อ มากกว่านั้น พี่ไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นพ่อที่ดีของเด็กได้หรือเปล่า เราขาดการติดต่อกันไปพักหนึ่งช่วงน้ำท่วม พี่ต้องอพยพไปอยู่ต่างจังหวัด ส่วนเขามีบ้านที่เพิ่งจะผ่อน น้ำท่วมสูงสองเมตรอยู่ร่วมเดือน ข้าวของเสียหายหมด ธุรกิจก่อสร้างที่เคยรับเหมาก็พากันยกเลิกงานไม่มีกำหนด นั่นยิ่งทำให้เขาตัดขาดจากโลกภายนอก"

ฉันใช้น้ำเปล่าชโลมล้างครีมนวดผมออก เอาผ้าเช็ดผมคลุมศีรษะและพยุงให้เธอลุกขึ้นนั่ง จากนั้นพากันเดินไปที่เก้าอี้หน้ากระจกเตรียมพร้อมสำหรับการไดร์ผม ขณะให้เธอนั่งพักและฉันเตรียมอุปกรณ์ ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมด้วยอาการตัวชาดิก บนศีรษะเขาเริ่มมีรอยปริและเลือดไหลซึม พอได้สติ

เขาค่อยๆลุกเดินมายังเก้าอี้ที่พี่แพรนั่งอยู่ พยายามจะเอื้อมมือไปกอดและคว้าตัวเธอไว้ แต่นั่นไม่เป็นผลอันใด ถ้าไม่ใช่คนแผ่ส่วนบุญให้ เขาไม่มีสิทธิ์หยิบจับอะไรทั้งสิ้น

แต่จู่ๆ พี่แพรก็ดูเศร้าซึมลึก ฉันเอาผ้ามาคลุมและบีบไหล่เธอเบาๆ

ไม่ใช่ความผิดของพี่นี่คะ"

ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ แทนที่พี่จะอยู่เคียงข้างเขา พี่กลับกลัวปัญหา ยิ่งรู้ว่าเขาสิ้นเนื้อประดาตัว คงไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก พี่เกือบจะทำแท้งเองด้วยซ้ำ แต่ใจไม่แข็งพอ และเคราะห์ดีที่สุดคือพอสารภาพทุกอย่างกับคุณตากับคุณยายของหนูแพร เขาไม่ตำหนิพี่เลยสักนิด ทุกคนพร้อมจะให้กำลังใจในการเริ่มชีวิตใหม่ พี่เลยไปตามหาเขาที่บ้าน ไม่เจอ โทรหาก็ไม่รับสาย มารู้ทีหลังว่า สถานที่สุดท้ายของเขาคือบนตึกสูง อาคารสุดท้ายที่เขาควบคุมดูแลการก่อสร้าง ไม่นึกเลย ว่ามันจะเป็นที่ตายของเขาด้วย เสียงโทรศัพท์ของพี่ ดังขึ้นพร้อมร่างของเขาที่กระโดดตึกลงมา"

ฉันหันมองออกไปด้านนอก

ที่อาคารนี้เอง"

ใช่ ที่อาคารนี้เอง เดือนหรือสองเดือน พี่ก็จะแวะมาที่นี่สักที ไม่รู้สินะ มันเหมือนเขายังอยู่ ทั้งที่ไม่เคยมีอะไรมาสะกิดใจเลย แต่พี่อยากได้ความเข้มแข็งเมื่อไหร่ พี่ก็จะแวะมาที่นี่ ประหลาดดีไหม"

ค่ะ ประหลาดดี"

ฉันบอกยิ้มๆ แต่เขาเริ่มร้องไห้

เขาและเธออาจผูกพันจนเกิดสายใยรัก แต่ด้วยกรรมตัดรอนก่อนตาย ทำให้เขาไม่อาจสื่อสารกับเธอได้ และก่อนหน้านี้ ไม่ แม้แต่จะเห็นเธอมา

ถ้าพี่แพรบอกอะไรเขาได้สักอย่าง พี่จะบอกอะไรคะ"

คงบอกวันเกิด บอกอายุของลูก บอกนิสัยของลูกให้เขาฟังนะ หนูพลอยน่ารักมาก ตอนนี้อายุหกขวบแล้ว"

แม้จะไม่มีพ่อ"

อื้ม ไม่ต้องมีพ่อ"

ชายหนุ่มตรงโซฟาเริ่มกลับคืนสู่ร่างเดิม ศีรษะของเขาแบะกว้างออกจนเห็นมันสมองไหลเยิ้มแต่นัยน์ตาเปี่ยมสุขระคนสำนึกผิดที่ทอดทิ้งคนรักไป ฉันแอบกังวลว่าต้องทำความสะอาดร้านครั้งใหญ่ ไม่สิ ลืมนึกไป คนทั่วไปไม่เห็นน้ำเลือดน้ำเหลืองของวิญญาณในร้านนี้สักหน่อย

พี่แพรเข้มแข็งมากนะคะ ถ้าแฟนพี่รู้ เขาคงไปสู่สุขคติได้แบบไม่ต้องกังวล"

ใช่จ้ะ นั่นล่ะ สุดยอดปรารถนาของพี่เลย"

เสียงกรุ๋งกริ๋งจากกระดิ่งประตูหน้าร้านดังขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้น เด็กน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคนหนึ่งก็โผล่หน้าเข้ามา

คุณแม่ขา...."

อ้าว หนูพลอย มาได้ยังไงลูก รู้ได้ไงว่าแม่อยู่ที่นี่ แม่กำลังจะไปรับหนูพอดีเลย"

หนูติดรถป้าอี๊ดมาค่ะ ป้าอี๊ดบอกว่า ถ้าเสาร์แรกของเดือน แม่แพรจะชอบแวะร้านป้าอี๊ดก่อน"

ป้าอี๊ดที่ว่า คือแม่ของฉันเอง เธอคงไปเจอหนูพลอยแถวๆป้ายรถเมล์ตอนกลับจากธุระ เข้าร้านมาเห็นว่าฉันกำลังให้บริการลูกค้าอยู่ก็เลี่ยงไปเก็บของหลังบ้าน

งั้นรอแม่ทำผมอีกแป๊บนะลูก พรุ่งนี้แม่จะได้สวยๆ ไปงานประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนหนูนะคะ"

ได้เลยค่ะคุณแม่"

หนูพลอยกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปนั่งเอี้ยมเฟี้ยมอยู่บนโซฟาที่พ่อตัวเองนั่งมาก่อน

โหย มาม่าใครเนี่ย น่าทานจัง ขอหนูทานบ้างได้มั้ยคะ"

อย่าค่ะลูก ของพี่เค้า"

งือ...ก็หนูหิว"

ให้น้องพลอยทานได้นะคะพี่แพร หนูยังไม่ได้กินเลย ใส่น้ำร้อนไว้เฉยๆ หนูยกให้น้องแล้วกัน"

ลูกค้าสาวมองด้วยสายตาเหมือนจะสำรวจว่ามาม่าเป็นพิษไหมแต่เมื่อเห็นเป็นมาม่าคัพเพิ่งเติมน้ำร้อนและปิดฝาสนิท มีช้อนวางอย่างเรียบร้อยไม่มีร่องรอยปนเปื้อนใดๆ ก็พยักพเยิด

อืมม ขอบคุณพี่เค้าซะลูก"

ขอบคุณค่ะพี่"

หนูพลอยยกมือไหว้ไวปานจรวด จากนั้นนั่งซดมาม่าด้วยท่าทางแบบเดียวกับพ่อเขาไม่มีผิด
ชายหนุ่มหัวแบะๆเละๆ ค่อยๆเดินลงไปทรุดนั่งกับพื้น นั่งดูลูกเขากินมาม่าอยู่บนโซฟาด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก ถ้าป่านนี้เขายังมีชีวิตอยู่ คงได้เป็นคนตักมาม่าป้อนลูกและเช็ดปากที่เลอะๆนั้นอย่างง่ายดาย แต่ไม่ใช่เวลานี้

ฉันจัดการจัดแต่งทรงผมของลูกค้าสาวจนเข้าทรง ถอดผ้าคลุมออกสะบัดๆเป็นสัญลักษณ์ว่าทุกอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มยังดูเศร้าสร้อย ขณะที่แม่แพรและน้องพลอยยิ้มอย่างสดชื่น ลูกค้าสาวจ่ายค่าบริการแล้วเดินออกจากร้านไป ส่วนชายหนุ่มยังคงอ้อยอิ่ง

ขอบคุณ...."

อื้ม"

ฉันยิ้มให้ โบกมือบายๆ แต่เขายังเก้ๆกังๆอยู่

อ้อ... พี่แพรคะ"

ฉันวิ่งตามลูกค้าสาวออกไปนอกร้านพร้อมยื่นน้ำสิงห์ขวดเล็กให้เธอขวดหนึ่ง

อะไรเหรอ"

หนู... เพิ่งทำบุญมา อยากให้พี่อนุโมทนาด้วยกัน ฝากกรวดน้ำให้หนูหน่อยนะคะ อุทิศส่วนกุศลให้แฟน"

เอาอย่างนี้เลยนะ"

เธอตั้งคำถามพร้อมกับกระตุกยิ้ม

ค่ะ ด้วยเกียรติของเนตรนารี หนูรับรองว่าแฟนพี่จะไปสู่สุขคติด้วยน้ำขวดนี้แน่นอน"

ด้วยน้ำเสียงและแววตาที่ฉันตั้งใจบอก แม้เธอจะงุนงงเล็กน้อย แต่ก็นับว่ายังมีความหวังปรากฏในสายตา

จ้ะ ขอบใจนะ"

ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ"

ฉันบอกกับลูกค้าสาวและหันไปส่งกระแสจิตอำลาวิญญาณของชายหนุ่ม

'ไปได้แล้วสินะ'

เขายิ้มให้ฉันแล้วล่ะ เป็นรอยยิ้มที่น่าประทับใจที่สุด
ก่อนจะเดินตามภรรยาและลูกไป เธอกรวดน้ำเมื่อใด เขาคงได้ไปสู่สุขคติภพ

ฉันเดินกลับไปทำความสะอาดร้าน ถึงแม้จะไม่มีใครเห็นเศษมันสมองพวกนั้นก็เถอะ..


(-โปรดติดตามตอนต่อไป-)