Print

ยารักษาใจ - ฉบับที่ ๑๒๘

ตอน โบโบคนซื่อ

wilasinee โดย วิลาศินี


heal-128
ภาพและเค้าโครงเรื่องจาก http://www.uexpress.com/


นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าน่ารักๆจากประเทศเปอร์โตริโกค่ะ :)

กาลครั้งหนึ่งมีเด็กชายที่ชื่อฮวน ซึ่งใครๆก็เรียกเขาว่า ฮวน โบโบ (โบโบเป็นชื่อท้ายที่เอาไว้ล้อเลียนคนที่มีลักษณะซื่อๆ และไม่ค่อยฉลาด ฮวนเป็นคนประเภทนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย) และต่อมาเพื่อให้เรียกสั้นและง่าย ทุกคนก็พลอยเรียกฮวน ว่าโบโบ ไปเสียหมด ^^

โบโบเป็นเด็กที่มีน้ำใจ แม้เขาจะสมองไม่ดี คิดเลขไม่เก่ง คัดลายมือไม่สวย แต่ถ้าใครออกปากขอความช่วยเหลืออะไร โบโบจะรีบทำให้โดยไม่มีปริปากบ่น ยกตัวอย่างเช่นเช้าวันหนึ่ง แม่ของโบโบจะทำสตูว์เพื่อแจกจ่ายคนในหมู่บ้าน เพื่อจะให้ได้สตูว์ปริมาณมาก ต้องใช้หม้อขนาดใหญ่ ซึ่งมีอยู่ใบเดียวในบ้านของคุณยายที่อยู่บนเนินเขา

“โบโบช่วยไปขอยืมหม้อที่บ้านของคุณยายมาให้แม่หน่อยนะลูก” คุณแม่ขอร้องโบโบอย่างอ่อนหวาน

“ได้สิครับคุณแม่”
โบโบรับปากอย่างขมีขมัน จากนั้นก็เดินขึ้นเนินเขาไปที่บ้านคุณยายเพื่อขอยืมหม้อใบใหญ่ คุณยายใจดียกหม้อมาให้โบโบทันทีที่ร้องขอ

หม้อใบนั้นมีขนาดใหญ่จริงๆ และยังมีน้ำหนักมากอีกด้วย ช่างปั้นหม้อต้องทำขาหม้อไว้ถึงสามขา เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักของหม้อได้ โบโบแบกหม้อใบนั้นเดินออกมาจากบ้านคุณยายจนถึงทางลงเนินเขา โบโบชักรู้สึกตะขิดตะขวงใจ

“ขอเราคุยกันหน่อยได้ไหม”
โบโบพูดกับหม้อใบใหญ่ใบนั้น พอวางมันลง มันก็ยืนสามขาจังก้าสบตากับโบโบ

“นายมีตั้งสามขา แต่โบโบมีแค่สองขาเอง มันยุติธรรมที่ไหน” โบโบเริ่มโวยวาย

“แน่จริงนายเดินลงไปเอง โบโบจะกลับบ้านล่ะ”

โบโบวางหม้อใบใหญ่ทิ้งไว้เสียดื้อๆ และเดินกลับไปหาแม่ ฟ้องแม่ว่าถูกหม้อเอาเปรียบ ตนจึงเดินกลับมาเพียงคนเดียว

“โธ่เอ๋ยโบโบ หม้อน่ะเดินเองได้เสียที่ไหน ไปพามันมาใหม่เดี๋ยวนี้เลย”

แม่ออกคำสั่งด้วยความอิดหนาระอาใจ โบโบหน้าง้ำ โมโหที่หม้อไม่ตามมา และทำให้ตนถูกแม่ดุ เขาเดินปึงปังขึ้นไปบนเนินเขาและเตะหม้อเสียเต็มฝ่าเท้า
“นี่แน่ จะไปไม่ไป”

หม้อใบกลมๆใบใหญ่ถูกโบโบเตะ ก็กลิ้งขลุกๆๆ ลงไปตามทางเดินจนไปถึงบ้านของโบโบ โบโบวิ่งตามด้วยความดีใจ ร้องเยๆๆๆ ไปจนถึงหน้าบ้านและส่งหม้อให้กับแม่

แม่ของโบโบยิ้มและเอ่ยคำขอบใจ นำหม้อไปทำสตูว์ขนาดที่เลี้ยงคนได้ทั้งหมู่บ้าน

เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว แม่ล้างหม้อและส่งให้โบโบใหม่
“ฝากเอาไปคืนคุณยายนะลูก”

“ครับแม่”


โบโบเป็นเด็กที่มีน้ำใจ แม้เขาจะสมองไม่ดี คิดเลขไม่เก่ง คัดลายมือไม่สวย และออกจะขี้โมโห เขารับหม้อใบใหญ่มาจากแม่ และแบกมันเดินออกมาจนถึงตีนเขา

โบโบหันไปพูดกับหม้อว่า
“เอาเถอะ เจ้าหม้อกระดำกระด่าง”

โบโบกระแอมเบาๆ ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจที่สีผิวของตนขาวกว่าหม้อนิดหน่อย
“ถึงนายจะมีตั้งสามขา มากกว่าโบโบตั้งขานึง แต่เมื่อวานนี้ทั้งวัน นายช่วยแม่ของโบโบทำสตูว์หม้อใหญ่ และมันอร่อยมาก ทุกคนในหมู่บ้านก็ชอบมันเสียด้วย
ดังนั้น โบโบจะยอมแบกนายไปคืนคุณยาย นายไม่ต้องเดินเองหรอกนะ พักผ่อนเสีย โบโบจะบริการให้”

โบโบยิ้มก่อนสำทับ
“แต่รอบหน้านายต้องเดินเองนะ”

หม้อใบนั้นไม่ตอบว่ากระไร และไม่มีใครรู้ว่า รอบหน้า โบโบจะจัดการกับหม้อใบนี้อย่างไรอีก.


หมายเหตุส่งท้าย :)

หลายคนอ่านแล้ว อาจกำลังอมยิ้มให้กับพฤติกรรมของโบโบ แต่ใครจะรู้บ้างว่า แท้ที่จริงแล้ว หลายครั้งหลายหน โบโบก็เข้ามาแผลงฤทธิ์อยู่ในจิตใจที่ไร้เดียงสาของพวกเราเกือบทุกคนนี่แหละค่ะ บางครั้งจิตเราก็ไม่เข้าใจเรื่องแสนธรรมดาในโลก แต่กลับตีโพยตีพายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เหมือนที่โบโบโทษว่าหม้อมีตั้งสามขาทำไมไม่เดินเอง และบางครั้งจิตเราก็ไปให้ค่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นตามปรกติธรรมดา เหมือนที่โบโบให้รางวัลด้วยการอุ้มหม้อ ทั้งที่หม้อก็ทำหน้าที่เพียงเป็นภาชนะให้แม่นำมาทำอาหาร

อมยิ้มให้โบโบแล้ว อย่าลืมอมยิ้มให้จิตที่แสนซื่อของตัวเราเองบ้างนะคะ ว่าเขาจะดื้อดึงกับโลกใบนี้ไปถึงไหน

ธรรมะสวัสดีค่ะ :)