Print

ยารักษาใจ - ฉบับที่ ๑๑๙

บุคคลที่ควรกราบ

wilasineeโดย วิลาศินี



นิทานเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากแคว้นอโยธยาในอดีต หากแต่เรื่องราวผ่านมานานหลายร้อยปี จึงไม่ปรากฏที่มาว่ามาจากแคว้นไหน แต่ผู้เล่ามักบอกว่า นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วในโบราณกาล

พระราชาแห่งราชอาณาจักรหนึ่งถึงเวลาใกล้สวรรคต เมื่อทรงเหลียวดูประยูรญาติรอบกาย บ้างก็ยังทรงพระเยาว์ บ้างก็เป็นพระเทวีที่ทรงอ่อนแอ เมื่อไม่พบผู้ใดเลยที่เหมาะสมจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระราชาองค์ใหม่ พระราชาองค์เก่าจึงตัดสินใจสถาปนาสามัญชนคนหนึ่ง ซึ่งมีปัญญามากขึ้นมาครองอำนาจแทน เสนาอำมาตย์พากันไม่เห็นด้วย แต่พระราชาก็ไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย ยืนยันให้สามัญชนคนนั้นขึ้นมาเป็นพระราชาองค์ใหม่แทน

ก่อนสิ้นบุญพระราชาองค์เก่า เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างรวมตัวกันกระด้างกระเดื่อง เมื่อเข้าว่าราชการก็ต่างพากันไม่ทำความเคารพพระราชาองค์ใหม่ เนื่องจากไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ซึ่งจุติลงมาจากสวรรค์ พระราชาทราบดังนั้น จึงให้ช่างแกะสลักประจำตัว ไปตัดเสาสะพานข้ามแม่น้ำต้นหนึ่ง นำไปแกะสลักเป็นประพุทธรูปสวยงามประดิษฐานอยู่ในวิหาร เหล่าเสนาอำมาตย์เมื่อเข้าไปในวิหารเพื่อประกอบพิธีทางสงฆ์ เมื่อไปเห็นพระพุทธรูปก็ก้มลงกราบ พระราชาเสด็จตามเข้ามาแล้วตรัสถามว่า "พวกท่านทำอะไรกันอยู่หรือ" เสนาอำมาตย์ตอบพร้อมกันว่า "กำลังกราบพระพุทธรูปพระเจ้าข้า" พระราชาได้จังหวะ จึงตรัสถามต่อ

"แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพระพุทธรูปแกะสลักองค์นี้ ทำจากอะไร"
"ทำจากไม้พระเจ้าข้า"
เหล่าเสนาอำมาตย์ตอบอย่างพร้อมเพรียง

"แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ไม้ที่นำมาแกะพระพุทธรูปนี้ นำมาจากที่ใด"
เสนาอำมาตย์มองหน้ากันเลิกลั่ก เมื่อพระราชาหันไปทางราชครูผู้ดูแลการแกะสลักพระพุทธรูปดังกล่าว ราชครูได้ทำการชี้แจงแถลงไข

"พระพุทธรูปองค์นี้แกะสลักขึ้นจากตอสะพาน ที่แต่เดิมที ส่วนบนก็ถูกเหยียบย่ำโดยผู้คนที่เดินผ่านสะพาน ส่วนล่างก็จมปลักอยู่ในโคลนใต้น้ำ พระเจ้าข้า"

"เมื่อไม้จากตอสะพาน เปลี่ยนมาเป็นพระพุทธรูป พวกเจ้ายังจะกราบหรือไม่ เพราะอะไร"

เหล่าเสนาอำมาตย์นิ่งฟังแล้วก็พากันตอบว่า

"ยังจะกราบอยู่พระเจ้าข้า เพราะนี่คือพระพุทธรูป ไม่ว่าจะสร้างจากอะไร แต่เมื่อผ่านการสลักเสลา ทำพิธี และนำมาประดิษฐานในวิหารแล้ว ก็ย่อมกลายเป็นพระพุทธรูปที่สมควรแก่การกราบไหว้"

พระราชาฟังแล้วก็ทรงสรวล ตรัสอย่างเรียบง่ายว่า

"แล้วต่างอะไรเล่า กับพระราชาที่แต่เดิมเป็นสามัญชนหากแต่ได้รับการฝึกอบรม และสถาปนาเป็นกษัตราธิราช พวกเจ้าจงตรองดูเถิด ว่าจะพระราชาองค์นั้น สมควรแก่การกราบไหว้หรือไม่"

เหล่าเสนาอำมาตย์เมื่อได้ฟังดังนั้นก็ต่างพากันได้สติ ต่างน้อมกายลงถวายพระพร ทำความเคารพในพระราชาองค์ใหม่ และไม่มีใครคิดกระด้างกระเดื่องอีกต่อไป

นับจากวันนั้นเป็นต้นมา พระราชาพระองค์ใหม่ ก็ได้ปกครองบ้านเมืองโดยธรรมและเป็นที่เคารพยำเกรงของข้าราชบริพารตราบจนสิ้นอายุขัย

กุศโลบายกำราบเหล่าเสนาอำมาตย์ของพระราชาพระองค์นี้ มีคติสอนใจอย่างน้อยข้อหนึ่ง นั่นคือพระองค์มิได้ทรงเลือกทางที่จะใช้อำนาจที่พระองค์มี ลงโทษแต่ละคนที่กระด้างกระเดื่อง แต่ทรงใช้ปัญญาในการชี้แนะให้แต่ละคนเกิดความเข้าใจและยอมรับ

มิพักต้องสงสัย ปัญญาในเรื่องปรมัตถ์มีไว้ปล่อยวางไม่ยึดติดกับสุขทุกข์ ลาภ ยศ สรรเสริญและคำนินทาฉันใด ปัญญา สำหรับสมมติทางโลก ก็มีไว้ให้ดำเนินไปด้วยความปกติสุขราบเรียบฉันนั้น

คุณผู้อ่านเห็นด้วยไหมคะ : )