Print

ยารักษาใจ - ฉบับที่ ๑๐๓

อะไรอยู่ในกระจก

wilasineeโดย วิลาศินี




วันนี้ มาว่าด้วยเรื่องความสวยความงามกันบ้างค่ะ : )

heal-103
ภาพ : Old Woman at the Mirror
ศิลปิน : STROZZI, Bernardo (Pushkin Museum, Moscow)

ตวัดสายตามองภาพประกอบคอลัมน์ปราดเดียว
ดูเผินๆอาจไม่มีอะไรน่าสนใจสักเท่าไหร่ ก็แหม...
แค่ภาพของสตรีสูงวัยมาแต่งกายเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้ม
แต่ขอร้องเรียนว่าอย่าเพิ่งมองเลยผ่านไปเร็วนัก
แวะมาฟังที่มาของภาพจากปลายพู่กันของศิลปินกันก่อนนะคะ

ภาพนี้วาดในปี ค.ศ. 1615 โดยศิลปินชาวอิตาเลียน Bernardo Strozzi
เขาวาดภาพนี้ในวัย 34 ปี ผลงานในเวลานั้น เท่ากับออกมาจากปลายพู่กัน
ของชายวัยฉกรรจ์คนหนึ่ง ที่วาดภาพสีน้ำมันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของสตรีสูงวัย
ที่ไม่เคยใช้ชีวิตอย่างอื่นเลย นอกจากการชื่นชมรูปโฉมของตนเองในกระจก
ศิลปินตั้งใจสร้างความกลมกลืนในความขัดแย้งด้วยการวางดอกไม้ไว้ในมือของหญิงชรา
วาดแก้มใสและปากจิ้มลิ้มพริ้มพรายลงในใบหน้าของสาวใช้
ที่ต่างดูชื่นชมยินดีไปกับหญิงชราคล้ายจะกำลังบอกว่า
"
วันนี้คุณนายสวยกว่าเมื่อวานอีกนะคะ" หรือสารพัดคำจะหามาป้อยอกันไป

ส่วนหญิงชราก็แต่งกายด้วยอาภรณ์ของสาวน้อย ดวงตาจ้องมองกระจก
เบื้องหน้ากระจกที่สะท้อนเงาของสิ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
เป็นปรากฏการณ์หักเหแสงตามธรรมดาและธรรมชาติ
หากแต่สิ่งที่เกินธรรมดาไปกว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่สะท้อนสู่ดวงตา
สิ่งที่ซึมลึกเข้าสู่ดวงใจต่างหาก ที่สะท้อนอะไรมากมายกว่านั้น...

ภาพเขียนของจิตรกรอาจวาดให้ดูเกินจริงไปสักหน่อย
ด้วยการแสดงถึงความหลงๆลืมๆของคนแก่ที่ไม่ได้แยแสต่ออายุ
ยังคงนั่งลุ่มหลงเงาของตนในกระจกให้เป็นที่ขบขันของคนที่พบเห็น
ซึ่งถ้าศิลปินไม่สื่อด้วยภาพเกินจริงชนิดนี้ ก็คงไม่มีใครสังเกตหรอกว่า
จะหญิงแก่ แม่หม้าย ชายหนุ่ม หญิงสาว
ต่างก็ล้วนแล้วแต่มองกระจกด้วยสายตาเดียวกัน
นั่นคือความลุ่มหลงในตัวตนที่สะท้อนออกมา

ไม่เชื่อลองตอบคำถามว่า ใครมองกระจกแล้วรู้สึกบ้างคะ
ว่ากำลังมองเห็นคนธรรมดาหนึ่งคน
ที่มีสังขารร่วงโรยราไปตามวันและเวลาที่ผันผ่าน
มีใครรู้สึกบ้างว่ากำลังมองเห็นคนๆหนึ่งที่มีจิตใจแปรปรวน
แค่ไม่กี่นาทีที่ตวัดหางตาดูรอยยิ้มเก๋แล้วแอบภูมิใจ
แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรอยตีนกาหรือผมหงอกหนาขึ้นก็รู้สึกว้าวุ่นและเคืองขุ่น

คนเราใช้เวลามากเกินไปในการมองหาความสดใสเบิกบานจากภายนอก
ลุ่มหลงอยู่กับภาพสะท้อนที่หลายๆครั้งก็ถูกบิดเบือนด้วยใจเราเอง

หากคนเรามัวแต่มองว่าอะไรอยู่ในกระจกแต่ไม่เคยมองว่าอะไรอยู่ในใจบ้าง
ย่อมไม่มีกระจกบานไหนสะท้อนความเป็นจริงในใจเราได้สักบาน

แต่ถ้าไม่อยากปล่อยให้รูปลักษณ์ภายในรกร้าง จนสุดท้ายก็เน่าเปื่อยผุพังไปตามกาย
เราคงต้องหากระจกส่องใจเอาไว้ใกล้มือใกล้ใจเสียแล้วล่ะค่ะ : )

กระจกชนิดนั้นมีชื่อว่า "สติ" ที่มีไว้คอยสะท้อนสภาวะธรรมทั้งหลายอันปรากฏอยู่เนืองๆ
ใครที่พกกระจกชนิดนี้เอาไว้และหมั่นใช้ ก็จะรู้ทันความน่าเกลียดในใจแล้วละวางได้ทันเวลา
ความอัปลักษณ์ไม่น่าดูทั้งหลายก็ไม่สามารถครอบครองใจ กลับมาสดชื่นสดใสได้ทันควัน

แหม... น่าใช้ขนาดนี้ แต่ไม่มีขายนะคะ
ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลด้วย ก็ในเมื่อสติคือความระลึกได้
เมื่อระลึกได้อยู่เนืองๆ ไม่ปล่อยใจให้เคลิ้มไปหลงไปหรือกดแช่ให้นิ่งไว้
สติจะค่อยๆเป็นอัตโนมัติ ตามความถนัดในการใช้งานของแต่ละบุคคลไป

พอเห็นข้อดีและวิธีใช้อย่างนี้แล้ว คุณๆลุกขึ้นมาอาบน้ำแปรงฟันแล้วส่องกระจกดูตอนเช้า
อะไรโผล่มาในกระจกก็คงไม่สำคัญเท่า อะไรปรากฏอยู่ในใจแล้วนะคะ : )