Print

ยารักษาใจ - ฉบับที่ ๙๑

อัญมณีของชีวิต

wilasineeโดย วิลาศินี

?

?

?

ภาพจาก http://www.flickr.com/photos/ikayama/328708521/

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น
ผู้คนอยู่กันด้วยอาชีพค้าขาย มีพ่อค้าวา
ณิชและเด็กหนุ่มมากมาย
ต่างเดินทางออกไปหาประสบการณ์ในการซื้อขายสินค้าและร่ำเรียนวิชา
ว่ากันว่า ที่ขอบชายแดนของดินแดนแห่งนั้น มีภูเขาสูงตระหง่านลูกหนึ่ง
บนยอดเขามีชายชราที่เคยร่ำรวยมหาศาล แต่ในวันหนึ่ง
เขากลับทิ้งทรัพย์สมบัติขึ้นไปอยู่กินอย่างเรียบง่ายบนภูเขา
บ้างก็ว่าชายชรายังจะต้องมีสมบัติติดตัวอยู่มากมาย
จึงอยู่อย่างสมถะบนเขาได้ บ้างก็ว่าเขาตายไปแล้ว
บ้างก็ว่าวันหนึ่งเขาต้องทนไม่ไหว
และลงมาเสพสุข
ยังพื้นดินเบื้องล่างในสักวันหนึ่ง

เด็กหนุ่มคนหนึ่งมีชื่อว่าปาหัน เป็นลูกขอทานในเมือง
เขาใฝ่ฝันจะร่ำเรียนวิชาเพื่อจะเป็นพ่อค้า
และหลีกหนีให้พ้นการเป็นขอทานเที่ยวแบมือขอเศษเงินจากผู้คน
เมื่อได้ยินเรื่องราวชายชราบนยอดเขา ปาหันเก็บเอาไปฝันในคืนหนึ่ง
ว่าชายชราได้เรียกเขาไปพบภายในถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่บนยอดเขานั้น
ชายชราแปลกหน้ามอบอัญมณีสีน้ำตาลวาวเจิดจรัสก้อนใหญ่ให้แก่เขา
ปาหันยกอัญมณีนั้นขึ้นชูบนฟ้า ก็สามารถบดบังพระอาทิตย์ได้ทั้งลูก
แสงของอัญมณีที่อยู่ในฝันเจิดจ้าจนปลุกปาหันให้ตื่นขึ้นมา
เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นพร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน

?นี่คงเป็นนิมิตที่มาบอกว่าเราจะได้พบสมบัติล้ำค่าบนยอดเขา แน่ล่ะ
เราไปขอสมบัติที่ชายชราไม่ต้องการแล้ว มาสร้างเนื้อสร้างตัวก็ได้นี่!!?


ปาหันทำตามความคิดโดยไม่บอกกล่าวแก่ผู้ใด
เขากล่าวอำลาพ่อเพื่อไปสร้างเนื้อสร้างตัว และเริ่มเดินทางขึ้นไปบนภูเขา
วันแล้ววันเล่า ปาหันเดินทางจนถึงยอดเขาและพบกับชายชราผู้สงบนิ่ง
เครื่องแต่งกายของเขามีลักษณะคล้ายนักบวช
ในอากัปกิริยาที่สงบนิ่งของชายชราแฝงความร่าเริงมาในดวงตาและรอยยิ้ม

?อรุณสวัสดิ์ พ่อหนุ่มน้อย เจ้าจะมาเรียนการปล่อยวางกับเราใช่ไหม?
ปาหันไม่คิดจะร่ำเรียนวิชาอันใดบนยอดเขา เขาตอบปฏิเสธ
?เปล่าเลย ข้ามาขอสมบัติจากท่าน เอาไปสร้างเนื้อสร้างตัว
ข้าฝันเห็นท่านมามอบอัญมณีให้แก่ข้า ข้าจึงมาเพื่อพิสูจน์ความฝัน?
?นั่นล่ะ เจ้ามาตามคำอธิษฐานของเรา?

ชายชรายิ้มอย่างยินดี และเดินเข้าไปหยิบเพชรสีน้ำตาลเจิดจรัส
สะท้อนอรุณรุ่งของพระอาทิตย์วิบวับ รูปพรรณสัณฐานเดียวกับในฝัน
นำมายื่นให้กับปาหัน เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปรับอย่างตื่นตะลึง
ชายชราทำท่าจะเชื้อเชิญให้เขาร่ำเรียนวิชาการปล่อยวาง

ประโยชน์อันใดที่จะต้องเรียนวิชาอื่นใดอีกในเมื่อมีสมบัติล้ำค่าแล้ว
"ไม่ล่ะขอรับ"
ปาหันรีบปฏิเสธและขอลากลับ

ชายหนุ่มประคองเพชรเม็ดงามเอาไว้ เบื้องต้นก็หาผ้ามาห่อ
ต่อมาก็เริ่มหวาดระแวงผู้คนที่ตีนเขา ว่าจะมีใครมาเห็นแล้วแย่งชิง

?เราเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก....?

เขาคิด และเริ่มพูดคุยกับตัวเองตลอดการเดินทางกลับไปยังผืนดินเบื้องล่าง

?ว่าแต่เราจะเอาเพชรเม็ดนี้ไปทำอะไรดีนะ ควรจะเอามันไปขายที่เมืองข้างๆ
ด้วยราคาที่สูงที่สุด ไม่สิ เราจะกลายเป็นคนที่รวยเร็วเกินไป
แล้วก็จะมีคนมาหลอกลวง เพื่อเอาเงินของเราไปอีกมากมาย
หรือควรจะนำเพชรไปตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยๆทยอยขาย ว่าแต่ที่ไหนดีล่ะ
ว่าแต่เอ...คนตัดเพชรอาจจะเกลี้ยกล่อมให้เราขายเพชรนั้นให้แก่ใครสักคน
หรือไม่ เขาอาจจะบอกแต่แก่ผู้อื่นแล้วทุกคนก็จะมาแย่งชิงเพชรของเรา
หรือเราจะเอาเพชรไปซ่อน... ว่าแต่ที่ไหนล่ะที่จะปลอดภัย
เราคงต้องมาคอยระแวดระวังตลอดเวลา ว่าใครจะมาขโมย
จะปรึกษาใครดีหนอ...ไม่สิ ขืนบอกใครเข้า
ทุกคนจะมากลุ้มรุมแย่งเพชรไปจากมือเราทั้งหมด?

ปาหันเริ่มกุมขมับ หยุดเดินและคิดหาคำตอบอยู่จนค่ำ
ในที่สุด เขาก็เดินหันหลังกลับ และปีนขึ้นไปบนยอดเขาใหม่

เมื่อพบกับชายชราบนยอดเขาผู้ให้เพชรเม็ดงามแก่เขา
ปาหันจ้องมองชายชราผู้ไม่มีร่องรอยของความยึดติดหรือเสียดายใดๆ

?ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล บอกข้าเถิด วิชาปล่อยวางเป็นอย่างไร?

เขาถามคำตอบที่ออกมาจากใจ ชายชรายิ้มละไม

?เจ้าได้เริ่มเรียนบทที่หนึ่งไปแล้ว...?

?