Print

ไดอารี่หมอดู - ฉบับที่ ๘๙

morpeeหมอพีร์
มีนาคม ๒๕๕๓


สวัสดีค่ะทุกคนที่อ่านไดอารี่หมอดู เป็นยังไงกันบ้างคะ เอาบุญมาฝากทุกคนด้วยค่ะ คือว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสไปสระแก้ว เลยแวะทำสังฆทานพร้อมถวายหนังสือ ยังไงก็เอาบุญมาฝากให้ทุกคนอนุโมทนานะคะ

สำหรับอาทิตย์นี้คิดเรื่องจะเขียนไม่ออกเลยค่ะ ส่งงานช้ามาก ไอเดียไม่มีเลย แต่พอคิดไปเรื่อย ๆ มีเรื่องสะดุดจนทำให้คิดออกค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเย็นวันก่อนไปเดินตลาดนัดที่บางพระ หลังจากนั้นก็เดินกลับมาที่รถ เห็นเขาเหมือนมุงดูอะไรสักอย่าง มองดี ๆ เห็นว่าเป็นรถโรตี คิดว่าน่าจะอร่อย เพราะปกติเวลาไทยมุงเกิดขึ้น ย่อมมีเหตุการณ์ผิดปรกติค่ะ

เดินเข้าไปข้างรถพี่เขาซึ่งเป็นรถกระบะที่ถูกดัดแปลงนิดหน่อย โดยทำหลังคาโปร่ง รอบด้านด้วยสแตนเลตเพื่อไว้ทำแผ่นโรตี มีกระทะทอด มีตู้เย็นใบเล็ก ๆ หงายท้องเพื่อแช่ของ ไม่รู้ว่าพี่เขาใช้ไฟจากไหนนะคะ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ สังเกตดูพี่เขายังเหมือนไม่ชำนาญเท่าไหร่ เพิ่งทำแน่เลย แต่คิวเยอะดีเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ถึงคิวเรา ถามไปว่าแผ่นละกี่บาทคะ พี่เขาบอกว่าเจ็ดบาทครับ เอาสองแผ่นใส่นมน้ำตาลค่ะ ลืมบอกไปว่าร้านเขามีให้เลือกเยอะเหมือนของอิสลามเลยค่ะ คือมีโรตีมะตะบะ ใส่แกงเนื้อหรือใส่ไก่ก็มี ยังมีไส้ผลไม้ด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอรี่ องุ่น ใส่ไข่หรือไม่ใส่ไข่ หน้าตาคนขายไม่เหมือนอิสลามเลยค่ะ ไทยแท้ผิวเข้มหน้าตาดุ แต่ลักษณะการพูดใจดีมากค่ะ

ระหว่างที่พี่เขากำลังทำ เราก็เริ่มสัมภาษณ์ตามประสาอยากรู้อยากเห็นว่าหน้าดุ ๆ แมน ๆ ทำไมเขามีไอเดียมาขายโรตี ถามว่าขายดีไหมคะพี่ ขายดีครับ ขายมานานหรือยังคะเนี่ย เจ็ดวันเองครับ จริงเหรอคะ มิน่ายังเหมือนทำไม่ถนัด พี่เขาบอกว่าเพิ่งไปเรียนจากที่กรุงเทพฯมา ตอนแรกก็ดูแฟรนไชส์ที่กรุงเทพฯเพื่อเอามาขายที่ศรีราชา พี่เขาบอกว่าไม่คุ้มเลยครับ เพราะต้องรับของจากเขาลูกหนึ่งตั้งสิบบาทเลยไปเรียนกับเจ้าอื่นแทน ลาออกจากงานมาขายเลยเหรอคะ พี่เขาบอกไม่ครับยังทำงานอยู่ ทำงานอยู่กลางทะเลพอขึ้นฝั่งหยุดนาน ๆ อยากมีอะไรทำบ้าง ใครผ่านไปเจอพี่เขาแวะชิมได้ค่ะอร่อยมากเลย พี่เขาจะจอดรถตรงใต้ต้นจามจุรีหน้าการประปาบางพระ หรือที่เขาเรียกว่าอ่างเก็บน้ำบางพระนะคะ หลังจากที่รออยู่มีคนมาสั่งอีกเยอะเลยเหมือนกันค่ะ ตลาดนัดก็ไม่มีใครขายโรตีด้วยสิคะเลยมีคิวรอเพียบเลย

สิ่งที่ได้จากการคุยกับพี่เขาคือการลงทุนอะไรต้องมีการศึกษาเปรียบเทียบ ไม่ใช่อยากทำก็ทำเลย หรือคิดจะทำแต่ไม่เคยลงมือทำ บางคนจะรอลงทุนจากธุรกิจใหญ่เลย ต้องศึกษาให้ดีว่าอันไหนที่เหมาะกับตัวเอง อันไหนที่ตัวเองทำแล้วไม่เบื่อ มีคนอยากทำธุรกิจส่วนตัวเยอะมากเลยค่ะ พอมีเงินเล็ก ๆ น้อยก็คิดอยากจะลงทุน เท่าที่เห็นมาเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟทั้งนั้นเลย บางทีทำไปทำมาธุรกิจพัง ทำให้เสียความมั่นใจไปเลยก็มี

การลงทุนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคนไม่เคยทำธุรกิจ แต่สำหรับคนทำธุรกิจเป็นแล้ว เห็นอะไรก็เป็นตัวทำเงินไปหมด ตลาดในเมืองไทยยังมีผู้บริโภคสำหรับนักธุรกิจมือใหม่ ตามถนนหนทางยังมีเงินให้ได้ ถ้าวิสัยทัศน์ของคุณไม่มืดจนเกินไป มองเห็นอะไรก็เป็นทางตันไปหมด เวลาที่กรรมบังหูบังตาแค่คิดจะขายลูกชิ้นธรรมดายังขายไม่ได้เลย

เท่าที่เห็นและประมวลได้นั้น คนที่ทำธุรกิจผิดพลาด มักเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

๑. กรรม เคยทำกรรมชนิดหนัก ๆ เช่นโกงเงินวัด ทำให้พ่อแม่วิบัติเรื่องทรัพย์สินมามาก ทำทรัพย์สินผู้อื่นถึงความวิบัติรุนแรง หรืออาจจะเคยปล้นคนอื่น ปล้นชาติบ้านเมืองมาก่อน

๒. อยากรวยมากเกินไป ความอยากรวยเกินไปทำให้ลงทุนคาดหวังแต่ผลกำไร ไม่มองเลยว่า สินค้าของตัวเองมีคุณภาพแค่ไหน การมองที่ผลกำไรขาดทุนมากเกินไปทำให้ลืมใส่ใจในคุณภาพสินค้าของตัวเอง เท่าที่เห็นมาคนไหนที่ใส่ใจคุณภาพสินค้าของตัวเอง คอยพัฒนาปรับปรุงไม่ให้ตกจากมาตรฐานหรือไม่ให้ผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานเดิม หรือคอยพัฒนาให้ทันยุคทันสมัย แล้วแต่ตัวสินค้าไป ไม่เห็นมีใครเขาพังกันนะคะ

๓. ทิฐิ ความยึดมั่นถือมั่นในความเห็นส่วนตัวสูงไม่ฟังใคร การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้างแต่ไม่ใช่มากจนเชื่อคนอื่นไปหมดจนทำให้เกิดความสับสน อย่างเช่น มีคนติมาสิบเสียง ฟังเสร็จยังไม่กลับมาแก้ไขตัวเอง แสดงว่ายึดมั่นความเห็นส่วนตัวสูง เช่นร้านขายลูกชิ้นมีคนตำหนิว่าน้ำจิ้มไม่กลมกล่อมขาดเกลือเค็มขาดเปรี้ยวเป็นสิบ ไม่หันกลับมาแก้ไขตัวเองเลย อย่างนี้แสดงว่าน่ากลัวแล้ว

๔. ประหยัด เก็บออมให้เป็น บางคนหาเงินมาได้ใช้เงินไม่เป็น ใช้เงินเกินตัว บริหารจัดการรายจ่ายในร้านค้าไม่เป็น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจพังได้ไม่ยาก ดังนั้นควรเริ่มต้นการทำธุรกิจจากเล็ก ๆ ไม่ใหญ่เกินไป แล้วค่อยขยับขยายเพิ่มขึ้นทีหลังจะดีกว่าการกระโดดขึ้นสิบขั้นเลย

๕. การพนัน เพิ่งรู้ค่ะว่าเดี๋ยวนี้การพนันแทรกซึมผ่านอินเทอร์เน็ตกันแล้ว สามารถเล่นไพ่ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ จ่ายเงินผ่านอินเทอร์เน็ต หรือให้หักเงินจากบัญชีธนาคาร ดังนั้นใครที่ติดการพนันหาเงินเท่าไหร่ก็ไม่รวยหรอกค่ะ

๖. เตี้ยอุ้มค่อม เพิ่งจะทำธุรกิจไม่เท่าไหร่ ติดหนี้แบงค์ เพื่อนเดือดร้อนก็ต้องหาเงินให้เพื่อน เอาเงินที่ต้องมาใช้หมุนต่อให้เพื่อนยืม สุดท้ายเพื่อนไม่ได้ตั้งใจโกงแต่ไม่มีเงินคืน ล้มเป็นโดมิโน ดังนั้นก่อนช่วยใครต้องถามตัวเองว่าถ้าไม่มีเงินคืนมาจะอยู่รอดได้ไหม ถ้าคำตอบว่าไม่ได้ต้องตัดใจ ไม่ทำบุญจนตัวเองเดือดร้อน

ตัวอย่างเหล่านี้เป็นตัวอย่างของคนที่ทำธุรกิจแล้วพัง ดังนั้นถ้าเราจะเริ่มทำธุรกิจ เราต้องศึกษาจากความผิดพลาดของคนอื่น เพื่อให้มาเป็นครูของเรา แต่บางคนอาจจะบอกว่าถ้ามันเป็นกรรมในอดีตที่จะทำให้ธุรกิจวิบัติล่ะ และก็ไม่รู้ว่าติดกรรมเรื่องเคยโกงใครหรือเปล่าจะมีวิธีป้องกันยังไงดี

ความจริงไม่ยากค่ะ ค่อย ๆ ลงทุนไม่ต้องลงทุนมากจะได้ไม่เป็นหนี้มาก พัฒนาคุณภาพและเชื่อมั่นว่าสินค้าคุณภาพดีจริง ค่อย ๆ ทำการตลาดไป ถ้าขายเท่าไหร่ก็ขายไม่ได้ แสดงว่ามีสัญญาณเตือนนิด ๆ ค่ะว่า ทำไมของดีแท้ ๆ แต่คนไม่ซื้อ มีสองทางให้เดิน หนึ่ง กลับไปเป็นพนักงานบริษัทต่อ อีกเส้นทางหนึ่งคือเปิดใจกว้าง ริเริ่มทำทานโดยสิ่งของที่มีอยู่ อาจจะแถมเพิ่มให้ลูกค้า กำไรน้อยลงนิดแบบไม่ขาดทุน หลังจากนั้นทบทวนว่ากตัญญูดูแลที่บ้านดีหรือยัง ใส่ใจดูแลที่บ้าน พ่อแม่ญาติพี่น้องแบบไม่เกินตัว อันนี้แนะนำให้ไปอ่านหนังสือของคุณดังตฤณที่ชื่อ "ดังตฤณวิสัชนา ฉบับรู้คุณแทนคุณ" เพิ่มค่ะ จะมีคำตอบแน่นอนว่า ถ้าไม่กตัญญูกับพ่อแม่ รวยขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ล้มลงไป หลังจากนั้นก็ให้ทำบุญกับวัดเพิ่มขึ้นมา ถ้าเงินไม่มีเริ่มจากการยินดีที่คนอื่นเขาใส่บาตรก่อน ไม่ใช่มัวแต่คิดว่าพระทำไมไม่เดินบิณฑบาตมายืนทำไมที่ตลาด ต้องมองใหม่ว่าสมัยนี้คนเขาไม่ตื่นเช้ามาทำกับข้าวใส่บาตรเหมือนยุคก่อนแล้ว ชีวิตเร่งรีบมากต้องมาซื้อแกงถุงสำเร็จรูปใส่บาตรเป็นธรรมดา แค่คิดในแง่บวก ๆ แบบนี้เมตตาก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดจิตที่เมตตาย่อมทำให้มีใจอนุโมทนาบุญได้ง่าย หรือเห็นขอทานก็คิดทันทีว่าเป็นแก็งขอทานแน่ ๆ ตัดโอกาสทำทานเล็ก ๆ น้อยไปอีก แทนที่ถึงจะไม่ทำเองแต่เห็นคนอื่นใส่แล้วบอกว่า ดีจังเลยเขาให้เงินขอทานด้วย แค่นี้ก็ปีติได้แล้วไม่เห็นเสียเงินสักบาท เห็นไหมคะว่าถ้ามีความคิดที่ติดลบแม้กระทั่งเรื่องทาน แล้วจะเอาความโชคดีในทางร่ำรวยเงินทองมาจากที่ไหน จิตที่คิดอคติติดลบตลอดเวลา บุญเล็กบุญน้อยไม่ได้ทำ บุญใหญ่จะได้ทำสักกี่ครั้งในชีวิตนี้ เมื่อเป็นแบบนี้จะมีไอเดียอะไรไปริเริ่มธุรกิจของตัวเองได้ จะมีความคิดแต่ว่าอันนี้ก็ทำไม่เป็น อันนี้ก็ทำไม่เป็น อันนี้ก็รวยช้าไป

ลองสังเกตใหม่นะคะ เริ่มจากการเปลี่ยนตัวเองให้มีใจที่สว่างในทานเล็กน้อย จะเป็นใบเบิกทางที่ดี เวลาขับรถผ่านตลาดที่เขาทำกับข้าวขาย เห็นคนใส่บาตรล้อมวงเต็มเลย พีร์ก็จะสอนลูกชายบอกว่า อนุโมทนากับเขาสิลูกเขาทำความดี ลูกชายจะบอกว่าอนุโมทนาสาธุ ใจเราอิ่มเอมกันทั้งคู่มีความสุขมาก เวลาเห็นคนใส่บาตรจะปีติตลอด ไม่ใช่มัวเล็งผิดเพ่งโทษว่า โอ้โหของเต็มถุงขนกลับยังไม่ไหวเลย ไม่รู้จะฉันหมดหรือเปล่า เอาไปขายไหมเนี่ยเสียดายของ คิดไปโน่น ถามว่าบางช่วงมีคิดแบบนี้ไหม ก็เป็นนะคะ แต่ไม่ค่อยสนใจเรื่องของจิตใจมันจะคิดเรื่องของมัน ไม่มองเป็นเรื่องใหญ่ คิดในแง่บวกเพื่อไม่ให้ใจมืดต่อไป บอกตัวเองว่าท่านต้องไปแจกคนจน ๆ ไม่มีข้าวจะกินต่อ ซึ่งความจริงหลายวัดเป็นอย่างนั้นนะคะคือเอาให้คนจนจริง ๆ

เมื่อเริ่มกตัญญู มีใจสว่างมองโลกในแง่บวกเรื่องการทำทาน หัวใจสำคัญของการทำทานคือละความตระหนี่ในจิตใจเรา เพื่อไม่ให้มียางเหนียวติดหนาจนไม่มีความโชคดีไหน ๆ จะผ่านทะลุเข้ามาได้

หลังจากนั้นให้สำรวจใจว่ามีความโกรธแค้นใครค้างในใจบ้าง เมื่อพบแล้ว บอกกับตัวเองสั้น ๆ ว่า อโหสิกรรมให้นะ ทำบ่อย ๆ ค่ะ ถ้าวันเดียวไม่หาย เป็นการอภัยให้คนที่ร้ายกับเรา ใครให้อภัยไม่ออกต้องนึกถึงคำนี้ค่ะ ความบังเอิญไม่มีในโลกถ้าไม่เคยทำคนอื่นไว้ก่อนจะไม่โดนทำหรอก เพราะเคยทำไว้เลยต้องโดนทำกลับเป็นธรรมดา จะช่วยได้ค่ะ เมื่อทำแบบที่บอกมาได้ใจจะสว่าง ทำให้หัวสว่าง ทีนี้ก็จะเริ่มมีไอเดียในการทำการตลาดเพิ่มโดยไม่ใช้เงินค่ะ

ถ้าติดหนี้มาก ต้องการหากิจการเพิ่มแต่ไม่เคยคิดออกเลย ให้ใช้วิธีดังกล่าวข้างต้นก่อนเป็นใบเบิกทาง หลังจากนั้นให้ริ่เริ่มทำบุญเอง โดยไม่รอให้คนชวน คุณงามความดีอะไรที่สร้างได้โดยไม่ใช้เงินให้ทำหมดเช่น สวดมนต์ให้ได้ต่อเนื่อง ช่วยเด็กข้ามถนน ลุกให้คนแก่นั่งก่อนใครคนอื่น หยิบของที่ตกให้คนอื่นทันทีที่เห็น ช่วยเข็นรถให้คนอื่นยามเขาต้องการความช่วยเหลือ ไม่มัวแต่คิดว่าจะช่วยดีหรือไม่ ใส่บาตรด้วยฝีมือตัวเอง ทำไม่เป็นเริ่มจากต้มไข่ วันแรกไข่สุกมาก เพิ่มพริกน้ำปลาผสมมะนาว พริกซอยหอมแดงซอย วันที่สองต้มแบบยางมะตูมได้ วันที่สามไข่เจียวธรรมดา ต่อไปไข่เจียวหมูสับ ต่อไปไข่เจียวใส่ฟัก ทำให้ได้เรื่อย ๆ จากใจ ไม่ใช่คิดแต่ว่าไม่อร่อยอยู่นั่นแหละ ทำกับข้าวใส่บาตรเป็นประจำ ต่อไปจะทำให้ทำกับข้าวอร่อย และสามารถแยกรสชาติอาหารได้ในโอกาสต่อไปว่าหวานเพราะน้ำตาลอะไร เปรี้ยวจากอะไร มีในเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวด้วยนะคะว่าทำกับข้าวใส่บาตรเป็นประจำทำให้ทำกับข้าวอร่อย ไม่แน่ใจว่าเล่มไหนค่ะ พีร์เคยแนะนำให้น้องคนหนึ่งที่มาดูดวงทำ ตอนนั้นอยู่ซีคอนเขาเรียนอยู่ที่ดุสิต เขาบอกว่ากลับไปทำอาหารใส่บาตรเป็นประจำเลย ผ่านไปประมาณไม่กี่เดือน เขามาเล่าให้ฟังว่า อาจารย์ชมเขามาก ๆ เลย ว่าเธอไปทำอะไรมาฝีมือต้มน้ำซุปอร่อยมาก คนเราแค่ต้มน้ำซุปนี่ง่ายนะคะ แต่ความอร่อยแตกต่างเลยค่ะ บอกน้องเขาว่า ก็บอกอาจารย์ไปสิว่า รสแห่งบุญค่ะ มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ นะคะ คนไหนทำกับข้าวแล้วคนอื่นติดใจนี่เป็นผลมาจากบุญจริง ๆ

นอกจากทำกับข้าวใส่บาตรเอง ต่อไปต้องคิดทำสังฆทานเอง เมื่อมีเงินขึ้นมาโดยไม่ถามใครว่าจะใส่อะไรลงไปบ้าง ต้องคิดเองว่าสบู่ยี่ห้อไหนดีกว่ากัน ทิชชู่ยี่ห้อไหนใช้ดีกว่า หรือจะใส่อะไรที่มีประโยชน์ลงไปบ้าง หลังจากนั้นลองชวนคนอื่นทำบุญบ้าง ชวนแล้วเค้าไป รู้สึกดีใจก็ยอมรับว่าดีใจแต่อย่าหลงเข้าไปมาก ชวนอีกคนเค้าปฎิเสธ ก็อย่าเสียใจมากเป็นเรื่องธรรมดา ทำแบบนี้เรื่อย ๆ เพื่อฝึกการยอมรับและการปฏิเสธของคน จิตใจจะได้เข้มแข็ง กล้าที่จะยอมรับความจริง เป็นการฝึกการเป็นนายคนขั้นต้น เพราะขายของต้องมีคนชอบและติ ต่อไปเขาชมมาจะได้ไม่ฟูมาก วันหนึ่งต้องเจอคนติบ้างใจจะได้ไม่ท้อแท้คร่ำครวญมากเกินไป ทำแบบนี้ไปเรื่อย สุดท้ายไอเดียในการทำธุรกิจจะมาเองค่ะ

ชีวิตใช่ว่าจะถูกกำหนดมาจากฟ้า ชะตากำหนดได้จากตัวเรา ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะยากเพราะคิดเอาทั้งนั้น ดังนั้นเริ่มจากการคิดในแง่บวกไม่ใช่แง่ลบอย่างเดียว อย่าดูถูกบุญเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่หัดอนุโมทนาบุญคนอื่นจากใจจริง เมื่อทำได้ ต่อไปก็ไม่มีอะไรยากสำหรับการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเราแล้วค่ะ

*********************************************************

รายการวิทยุออนไลน์ "คุ้ยแคะแกะกรรมกับหมอพีร์"
ขอเชิญชวนคุณผู้อ่าน แวะไปร่วมฟังหมอพีร์พูดคุยและคุ้ยแคะแกะกรรม
ในบรรยากาศสบาย ๆ กับตอนใหม่ล่าสุดกันได้ทุกสองสัปดาห์
ที่ www.goodfamilychannel.com นะคะ

สำหรับฉบับนี้ ของดก่อนนะคะ พบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ

ท่านที่สนใจพูดคุยกับหมอพีร์ในรายการ
ส่งคำถามมาได้ที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. นะคะ

หรือติดต่อดูดวงกับหมอพีร์ได้ที่
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
๐๘๗-๙๓๔-๗๘๗๑ และ ๐๘๖-๓๐๔-๑๙๒๔
๓๗๙๘/๘๓ หมู่บ้านสรานนท์ ซอยลาดพร้าว ๑๐๑
ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ
กรุงเทพมหานคร