Print

ไดอารี่หมอดู - ฉบับที่ ๒๐๓

morpee morpee_cover หมอพีร์
กรกฎาคม ๒๕๕๗


สวัสดีค่ะทุกคนที่อ่านไดอารี่หมอดู

สำหรับอาทิตย์ที่ผ่านมาทำหมูกระเทียม น้ำพริกกะปิ แกงจืดไปถวายที่วัดนะคะ ส่วนอาทิตย์นี้ทำผัดถั่วฝักยาว กะปิ ไส้กรอก ต้มยำไก่ ผลไม้เป็นแอปเปิ้ลและกล้วยไข่ แม่บ้านไปวัดเองเลยไม่ได้ถ่ายรูปค่ะ

กล้วยไข่ที่ไปถวายได้มาเพราะไปช่วยคุณลุงคนหนึ่งที่รถติดหล่ม แถวนั้นผู้ชายเยอะนะคะแต่ไม่มีใครช่วยเขาเลย พีร์อาสาไปขนหินมาให้ เขามีลูกชายคนหนึ่งตัวเล็กๆ เลยถามน้องเขาว่าทำไมไม่เรียกคนอื่นมาช่วยคะ น้องบอกว่าเดี๋ยวเขาด่าเอา พีร์อาสาไปบอกเจ้าหน้าที่ให้ ปรากฎว่าเขาด่ากลับมาจริงๆค่ะ เลยต้องช่วยขนหินมายัดใต้ล้อใช้แม่แรงยกล้อขึ้น จากนั้นเอาเปลือกทุเรียนมาโรยๆไว้ พอเห็นว่าได้ที่น่าจะเอารถขึ้นมาได้ พีร์เลยขอแรงพี่ร้านค้าข้างทางสองคนให้ช่วยดันด้วย รถขึ้นมาได้พอดี ลุงแกเดินมาหาพร้อมกล้วยไข่ถุงใหญ่ค่ะ ลืมแจ้งว่าคุณลุงเขาขายผลไม้พวกเงาะ ทุเรียน ลองกอง กล้วยไข่ ขนมาเต็มรถพร้อมด้วยเด็กสี่คน เมื่อวานเลยปลื้มใจมากบอกคุณลุงว่าจะทำบุญพรุ่งนี้พอดี อนุโมทนานะคะ เห็นไหมคะว่ามีบุญที่ทำได้โดยไม่ใช้เงินค่ะ

นอกจากนี้ยังมีบุญที่ไม่ต้องใช้เงินที่น่าปลื้มใจอีกค่ะ น้องคนหนึ่งเขียนมาให้พีร์ทางอีเมล์ พีร์อ่านแล้วชอบมากค่ะโดนใจพอดีเลย อยากให้คนอื่นได้อ่านบ้างเพราะดีมากๆเลยค่ะ

“วันนี้พัดมีสองเรื่องที่อยากเล่าให้พี่พีร์ได้ทราบ เผื่อว่าจะใช้เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆได้ เหมือนกับที่พัดได้ประโยชน์กับตัวเองมาแล้ว

เรื่องแรกคือ เมื่อราวๆปลายปีที่แล้วพัดได้ไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ได้มีโอกาสฟังเทศน์จากหลวงพ่อ ท่านเทศน์ได้โดนกิเลสของพัดเต็มๆค่ะ ท่านสอนสั้น ๆ ว่า

"ความนอบน้อมนั้นเป็นบุญ"

พัดก็เข้าใจว่า เรานอบน้อมบูชาแก่ผู้ที่ควรบูชาก็เป็นบุญอยู่แล้ว (คิดเข้าข้างตัวเอง) อีกรอบที่ฟังเทศน์ ท่านเมตตาสอนต่อโดยเล่าเรื่องให้ฟังดังต่อไปนี้ค่ะ

มีลูกศิษย์หลวงพ่อมาที่วัด มาเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก ลูกชายอายุสักแปดถึงสิบขวบ เดินตามหลวงพ่อในทางเดินในวัด (วัดอยู่บนเขา ทางเดินก็เป็นทางเล็กๆมีระดับสูงๆต่ำๆ) ตามทางจะมีหอยทากออกมาเดินกันขวักไขว่ คนที่มาก็เดินเหยียบหอยทากตายกันเป็นประจำ ลูกชายที่เดินตามหลวงพ่อมาติดๆ เห็นหอยทากเดินอยู่บนทางเดินก็นึกสงสารกลัวคนเหยียบ จึงค่อยๆจับหอยทากจะนำไปวางไว้ข้างทาง คุณแม่ที่เดินล้าหลัง เพิ่งจะตามมาทันตอนลูกชายยกหอยทากขึ้นมาแล้ว รีบก้าวเข้ามาแล้วส่งเสียงดุลูกชายเสียงดังว่าอย่ารบกวนหอยทาก ไม่ใช่ของเล่นให้ปล่อยข้างทาง หลวงพ่อเล่าแล้วก็หยุดยิ้ม.....

ท่านถามว่า "โยมลองทายสิ ว่าลูกชายเค้าจะตอบแม่ว่ายังไง"

พัดนึกในใจว่า แบบนี้ก็ต้องบอกแม่สิ ว่าเราไม่ได้แกล้ง เราตั้งใจจะช่วย แม่เข้าใจผิดแล้ว

ท่านเล่าต่อว่า "อาตมารอดูว่าเค้าจะบอกแม่มั้ยจึงไม่พูดแก้ให้ ปรากฏว่า ลูกชายก็รับคำแม่ ครับๆ แล้วรีบวางหอยทากลง หันกลับมาเดินตามหลวงพ่อต่อด้วยท่าทางเฉยๆพร้อมๆกับโยมแม่"

หลวงพ่อบอกว่า ลูกชายมีจิตใจนอบน้อมอ่อนโยนและกล้าหาญที่จะรับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ทำเอาไว้ เพื่อให้แม่ไม่รู้สึกผิดที่ตนเองกล่าวว่าลูกโดยไม่ทันดูให้ดีเสียก่อน ลูกชายนั้นมีจิตใจของผู้เข้มแข็ง เข้าใจแม่ว่าที่กล่าวนั้นก็มีเจตนาที่ดีกับตัวเอง หลวงพ่อสอนว่า ผู้เข้มแข็งที่แท้จริง คือผู้ที่สามารถเข้าใจคนอื่น มีความเมตตา อ่อนโยนต่อผู้ที่มากระทำต่อตนเองได้ พัดยังเข้าไม่ถึง ที่จะอ่อนโยนกับทุกคนนะคะ แต่อย่างน้อย เราก็รู้จักความอ่อนโยนที่จะมีต่อคนที่เรารักได้ดีขึ้น

ปกติแล้วพัดจะไม่ยอมใครถ้าตัวเองทำถูก จึงทำให้ดุลูกเถียงแม่เสมอ ถ้าเราไม่ได้ทำผิด โดยมีความเชื่อว่าเราทำถูก อาจจะไม่ดีที่ดุลูก หรือเสียงดังใส่แม่ แต่เราทำบนพื้นฐานของความเชื่อว่าเราถูกต้อง ตรงนี้เปลี่ยนโลกพัดเลย เมื่อเราเข้าใจเรื่องความนอบน้อมอ่อนโยน

เมื่อเราทำถูก ลูกทำผิด หรือแม่ดุเราในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ เรากลับใจเย็น และพยายามเข้าใจสิ่งที่เค้าต้องการจริงๆว่า ลูกอาจจะเผลอไผลลืมโดยไม่ได้ตั้งใจ แม่อาจจะอารมณ์ร้อนเกรี้ยวกราด แต่แม่ก็ดุโดยปรารถนาจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก เมื่อเราตั้งใจฟัง เมื่อนั้นเราก็มีโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนความรัก ความปรารถนาดีกับเค้าได้มากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น ทำให้ลูกชายที่เคยโกหกเพราะกลัวโดนแม่ดุ กล้าพูด กล้าเล่า ทำให้เราเข้าใจลูก สามารถสอน แลกเปลี่ยนความคิดความรู้กับลูกได้มากขึ้น

อีกเหตุการณ์หนึ่ง เพิ่งเกิดไม่นาน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วค่ะ

ตั้งแต่กลับมาอยู่กับแม่ปีที่แล้ว พัดก็พยายามดีกับแม่มากขึ้น ให้สมกับที่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะเรารู้ว่าไม่มีใครตั้งใจทำให้เราเสียใจ หรือต้องการอะไรจากเราหรอก สิ่งที่ทำให้เราเสียใจในเรื่องต่างๆนั้น ก็เกิดจากที่เราเคยเอาแต่ใจ เรียกร้องจากคนอื่นมามากๆนั่นแหละ

มีอยู่วันหนึ่ง แม่ทำให้พัดโกรธ (เรื่องช่วยเลี้ยงหลาน) แต่แกก็มีเหตุผลของแกล่ะนะ แต่ตอนนั้นพัดโกรธ ยังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ แม่ก็เลยโกรธ แล้วก็ดุ เกรี้ยวกราดกลับมาเสียงดัง ด่าว่าเรื่องที่ทำให้พัดเสียใจ

พัดก็ไม่ตอบโต้นะคะ หลบเข้ามาในห้อง เริ่มร้องไห้ละ แป๊บเดียวก็มีสติกลับมาดูที่จิต ก็เห็นจิตที่เศร้าหมอง คล้ายๆคนอยากร้องไห้ แล้วความรู้สึกเศร้าหมองก็หายไป

ปกติอาการแบบนี้ พัดจะคร่ำครวญต่อ แบบว่าทำไมเราต้องมาเจอแบบนี้ เราพยายามทำดีแล้ว ทำไมแม่ต้องมาว่าเราด้วย (นางเอกดราม่าไปเลย) แต่วันนั้นจิตมาระลึกได้จริงๆว่า อ๋อ อาการเศร้าเสียใจแบบนี้ เป็นสิ่งที่เราเคยทำกับคนอื่นไว้ ที่เคยทำให้คนอื่นเสียใจ เค้าก็เสียใจแบบนี้แหละ

พอระลึกไปแบบนี้ ความเศร้าเสียใจ หรือความโกรธ ความน้อยใจอะไรกับแม่ หายไปเป็นปลิดทิ้ง พูดได้เลยว่า ไม่โกรธแม่เลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ กลับสงสารแม่นิดๆ แล้วก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำแบบนี้กับแม่อีก สงสารที่แม่จะต้องโกรธ พอแม่หายโมโห ดึกๆหน่อยพัดก็ออกมาทำตลกใส่ มาง้อแม่ค่ะ แม่ก็สั่งสอนแบบดีๆ พัดรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับพรวิเศษเลยค่ะ ได้พรที่จะได้มีชีวิตใหม่ :D

ดีใจที่ชนะนิสัยเสียๆของตัวเองได้ แต่ก็ยังมีความกลัวอนาคตที่ไม่แน่นอนอยู่นะคะ

พัดขอขอบคุณครูบาอาจารย์ กัลยาณมิตรที่ได้พบ ทั้งที่ได้พบแบบข้อความ คำสอนที่ฝากไว้ คนที่ได้พูดคุยกันทั้งจากเจอตัวเป็นๆ และทางออนไลน์ แม่และครอบครัวทุกคนที่อบรมบ่มนิสัย ให้รู้จักธรรมะ ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ไม่หลงระเริงไปกับโลก

สุดท้ายคือพัดติดตามอ่านพี่พีร์เป็นประจำ ขอเป็นกำลังใจให้พี่มีสุขภาพดี มีแรงใจที่จะพูดคุยให้คำปรึกษากับทุกๆคนต่อไป และรออ่านเรื่องที่พี่พีร์ได้ไปทำบุญเป็นประจำค่ะ อนุโมทนาแล้วก็รู้สึกอิ่มไปด้วยทุกที _/!!\_ ^^

เรื่องนี้ถ้าพี่พบเจอใครที่คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับเค้า ก็ยินดีให้เผยแพร่ต่อไปค่ะ”

********************************************************

ติดต่อดูดวงกับหมอพีร์ได้ที่
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
(ขออนุญาตยกเลิกอีเมล์เดิมนะคะ)
๐๙๖-๔๒๔-๙๕๑๙ และ ๐๙๕-๙๙๑-๖๔๖๙
(ขออนุญาตยกเลิกเบอร์เดิมนะคะ)
๓๗๙๘/๘๓ หมู่บ้านสรานนท์ ซอยลาดพร้าว ๑๐๑
ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ
กรุงเทพมหานคร