Print

แง่คิดจากหนัง - ฉบับที่ ๗๔

รถด่วนอวกาศ กาแล็กซี่ 999

โดย อิกคิว

Your browser may not support display of this image.

ในสมัยที่ผมจบมาทำงานใหม่ๆ มาใช้ทุนในต่างจังหวัด? เคยดูการ์ตูนญี่ปุ่นธรรมดาๆเรื่องหนึ่งตอนเย็นๆเป็นตอนสั้นๆ? ที่มีเนื้อหาไม่ธรรมดาเลย ไม่ธรรมดาจนต้องหวนกลับไปคิดถึงบ่อยๆ แม้ผ่านมาแล้วนานกว่าสิบปี?

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องของอนาคตที่คนเราสามารถเอาชนะความตายได้ ทุกคนสามารถอยู่เป็นอมตะได้ โดยการแปลงร่างกายมนุษย์ให้เป็นหุ่นยนต์ สุดท้ายก็จะไม่ต้องหิว ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องแก่ ไม่ต้องเจ็บป่วย และก็มีชีวิตที่เป็นอมตะ ไม่ต้องตายอีกต่อไป ?

เด็กชายเท็ตสึโร่ ที่เป็นตัวเอกของเรื่อง อายุประมาณ 10 ปี มีชีวิตอยู่อย่างยากจนบนโลกอนาคตอันห่างไกล โลกซึ่งมนุษย์ที่ไม่ใช่เครื่องจักรกลมีฐานะยากจน ถูกกดขี่ข่มเหง และกำลังถูกกำจัดให้สูญหายไป เขาและแม่อาศัยในเพิงเล็กๆ และยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาวอันโหดร้ายที่กำลังจะมาถึง แต่แล้วเกมล่าของมนุษย์จักรกล ก็มาถึงพวกเขาโดยไม่คาดฝัน พวกนั้นได้ฆ่าแม่ของเท็ตสึโร่ และนำร่างของเธอไปด้วยเป็นรางวัล เท็ตสึโร่สาบานว่าจะแก้แค้นพวกนั้นให้ได้ ?

เท็ตสึโร่ต้องการที่จะมีร่างกายจักรกลที่ไม่สามารถทำลายได้ เพื่อที่จะแก้แค้นให้แม่ของเขาได้ แต่ก็เหมือนความฝันอันห่างไกล เพราะร่างจักรกลนั้นมีราคาแพง เขารู้มาว่า ณ จักรวาลอีกด้านหนึ่ง มีดวงดาวที่สามารถทำร่างของเขาให้เป็นจักรกลได้ฟรี และรถด่วนอวกาศ 999 ก็จะพาเขาไปได้ เมื่อได้โอกาส เขาขโมยบัตรผ่านขึ้นรถไฟ และตำรวจก็ตามจับเขา ?

ขณะที่เกือบจะโดนจับได้ เท็ตสึโร่ก็ได้พบกับเมเทล ผู้หญิงสวยผมสีทอง สวมชุดสีดำสนิท ผู้ซึ่งทำให้เขารู้สึกประทับใจเหมือนแม่ของเขา เมเทลมาช่วยเขาไว้ได้ทัน และได้ให้บัตรผ่านขึ้นรถด่วนอวกาศ 999 แก่เขา เธอบอกเขาว่า รถด่วนอวกาศ 999 เป็นรถไฟที่สามารถพาเขาจากกาแล็กซี่ทางช้างเผือกไปยังกาแล็กซี่แอนโดรมีด้า ที่นั่นมีดาวซึ่งสามารถทำร่างกายของเขาเป็นจักรกลได้ฟรี เงื่อนไขการให้บัตรผ่านนี้มีเพียงว่า เขาจะต้องให้เธอติดตามไปด้วย แม้จะดูลึกลับ แต่เท็ตสึโร่เห็นว่า บัตรนี้เป็นโอกาสเดียวของเขาที่จะไปจากโลก ได้เห็นจักรวาล และมีร่างกายจักรกลที่เขาต้องการ ?

เรื่องราวดำเนินต่อไป เขาหยุดแวะดาวแล้วดาวเล่า เท็ตสึโร่เริ่มเห็นว่า การมีร่างกายจักรกลไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอย่างที่เขาเคยคิดไว้ ในความเป็นจริงแล้ว มนุษย์จักรกลที่เขาพบเจอล้วนแต่ขาดแคลนแรงผลักดันสู่ความสำเร็จอย่างที่มนุษย์ปกติมี ขาดแคลนความต้องการที่จะสร้างสรรค์บางสิ่งที่มีค่ามีความหมาย ภายในช่วงชีวิตอันสั้นของมนุษย์ปกติ

Your browser may not support display of this image.
รูปภาพประกอบจาก http://www.siamcomic.com/onstage/files/st0000000011/galaxy999.php


ขณะเดินทางไปกับเมเทล?เท็ตสึโร่เริ่มประหลาดใจว่าจริงๆแล้วเมเทลเป็นใครกัน เธอมักมีอารมณ์เศร้าเสมอ และเขาเริ่มรู้สึกว่าการเดินทางของเมเทลไม่เคยสิ้นสุด เธอน่าจะเคยมีเพื่อนร่วมทางมาก่อน และเขาก็รู้ว่าเธอจะมีเพื่อนร่วมทางใหม่อีกในอนาคต ซึ่งบางตอนในเรื่องก็ทำให้เข้าใจว่า เมเทลมีร่างจักรกลเช่นกัน เมเทลบอกว่า เธอจะต้องเดินทางอย่างไม่มีวันจบสิ้นไปกับเด็กชายเช่นเดียวกับเท็ตสึโร่ เพราะเธอไม่มีวันแก่และไม่มีวันตาย ?

เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นการผจญภัยร่วมกันระหว่างเท็ตสึโร่กับเมเทล จนตัวเอกทั้งสองสนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง เธอจะคอยถามเด็กอย่างเศร้าๆเสมอว่า เขาต้องการเป็นอมตะจริงหรือ ?

แล้วก็มาถึงตอนจบที่สถานีสุดท้าย ก่อนที่เมเทลจะพาเท็ตสึโร่ไปสู่โรงงานที่แปลงร่างมนุษย์ เธอสงสารเด็กจึงพาไปดูสภาพการใช้ชีวิตหลังจากที่คนแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์แล้ว เพื่อให้ข้อมูลในการตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ?

ภาพที่เห็นน่าตกใจมาก เป็นภาพของคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตอีกต่อไป คนส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอย่างสำมะเลเทเมา ทั้งกิน ทั้งดื่ม ทั้งเที่ยว มัวเมาในกามารมณ์ บางคนก็เดินเหม่อลอยไร้จุดหมาย บางคนก็นอนอยู่ที่ข้างถนน สุดท้ายคนที่เบื่อชีวิตมากๆก็กระโดดตึกลงมาเพื่อฆ่าตัวตาย ?

เมื่อไม่มีความทุกข์ ความสุขก็หายไป เพราะเมื่อไม่ต้องทุกข์จากความหิว ไม่ต้องทำงานเพื่อที่จะมีเงินมาซื้ออาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ความสุขจากการกินอาหารก็ไม่มี ความสุขจากเครื่องนุ่งห่มดีๆที่จะต้องใส่ไปทำงานหรืออวดฐานะก็ไม่จำเป็น เมื่อไม่ต้องเจ็บป่วยก็ไม่ต้องดูแลตัวเอง เมื่อไม่ต้องคอยหาเงินก็ไม่ต้องคอยทำงานชีวิตก็เลยไม่เหลือคุณค่าอะไร เมื่อไม่มีกายก็เลย ไม่เหลือความสุขที่คอยหล่อเลี้ยงใจอีกต่อไป ?

เมเทลเล่าต่อไปอีกว่า เมื่อคนได้ร่างที่เป็นหุ่นยนต์แล้ว เขาก็จะเอาร่างกายของคนๆนั้น ไปแยกอวัยวะเพื่อจำหน่ายให้กับคนมีเงินที่มีโรคร้ายและยังไม่อยากตายไวๆ เงินทองที่ใช้ในการทำหุ่นยนต์และเดินรถไฟ ได้มาจากกำไรจากการขายอวัยวะมนุษย์นี่เอง เธอเองก็รู้สึกผิดที่ต้องทำงานอย่างนี้แต่ก็จำใจต้องทำ ?

เมื่อเด็กชายเห็นดังนั้นก็เลยเปลี่ยนใจ เมเทลยิ้มหวานด้วยความดีใจและพาเด็กไปส่งยังสถานที่เดิม แต่คราวนี้ เด็กคนนี้ไม่ได้มองโลกว่าโหดร้ายอีกแล้ว แต่มองเห็นว่า สิ่งที่เป็นอยู่นี่แหละดีที่สุดแล้ว มีสุขบ้าง มีทุกข์บ้าง มีเจ็บป่วยบ้าง มีอายุที่เพิ่มไปตามวัย และตายไปตามธรรมชาตินี้แหละ ดีที่สุดแล้ว เพราะเป็นธรรมชาติของชีวิต ?

ความจริงความทุกข์นั้นก็เกิดจากความคิด ความยึดติดของเรานี่เอง เราคิดว่า ถ้าเรารวยเราจะมีความสุข คิดว่าเราแข็งแรงเราจะมีความสุข คิดว่าไม่เจ็บไม่แก่ ไม่ต้องตายจะมีความสุข ครั้นเราได้ทุกอย่างตามที่เราหวัง เราก็จะไม่มีความสุขเลย เพราะเราไม่มีความหวังอีกต่อไป ไม่มีทุกข์ก็หมดสุขไปโดยปริยาย ?

ในชีวิตจริง ไม่มีใครได้ทุกอย่างเสมอไป ได้อย่างหนึ่งก็ไม่ได้อีกอย่าง ?
ตอนเด็กมีสุขภาพดี มีแรงกิน มีแรงเที่ยว แต่ก็ไม่มีเงิน ไม่มีเวลาเที่ยว เพราะต้องเรียนหนังสือ พอแก่ตัวมีเงินเก็บ ก็ไม่ค่อยมีแรงเที่ยว ไม่อยากเที่ยว จะกินอะไรก็ไม่ค่อยได้เพราะมีโรคประจำตัว แต่ถ้าชีวิตเราไม่มีการแก่ไม่มีการตาย เราจะใช้ชีวิตกันอย่างประมาทกันสักแค่ไหน สังคมเราจะเป็นอย่างไร ?

ถ้าไม่มีของที่เป็นคู่กัน ของอีกสิ่งหนึ่งจะไม่มีค่าเลย เช่น ไม่มีทุกข์ก็ไม่มีสุข ไม่มีดี ก็ไม่มีชั่ว ไม่มีผิดพลาดก่อน ก็คงไม่รู้ว่าถูกเป็นอย่างไร ไม่มีวุ่นวาย ก็คงไม่รู้จักว่าความสงบสุขเป็นอย่างไร ไม่มีผิดหวังก็คงไม่รู้ว่าสมหวังเป็นอย่างไร ถ้าไม่เคยอกหัก ก็คงไม่เห็นคุณค่าของความรักที่แท้จริง ฯลฯ ?

ของที่เรามีอยู่ทุกวันนี้นี่แหละมีค่าที่สุดแล้ว สิ่งที่เราเป็นอยู่ มีอยู่นี้ มีค่าที่สุดแล้ว รูปร่างหน้าตาจะขี้เหร่ อ้วนไปนิด เตี้ยไปหน่อย ดำไปนิด แก่ไปหน่อย งานที่ทำเงินน้อยไม่ค่อยพอใช้ เจ้านายหรือผู้ร่วมงานไม่ดี แค่ตราบใดที่ยังมีคนที่เรารักและรักเรา มีแรง มีงาน มีรายได้บ้างถึงจะแค่พอใช้ไม่มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับอดตาย

ก็น่าจะพอแล้ว ตราบใดที่ยังมีอวัยวะทำงานเป็นปกติดี ไม่มีโรคร้ายแรง ยังมีเวลาในชีวิตเหลืออยู่ ยังมีความหวังเหลืออยู่ ดีที่สุดแล้ว


มันดีที่สุดแล้วจริงๆ


ท่านคิดเช่นเดียวกับผมบ้างหรือเปล่า ?