Print

แง่คิดจากหนัง - ฉบับที่ ๑๑๖

Drag me to hell…ใครไล่...ใครล่า

ทรรศศรัณย์

movie-116-1

รูปภาพประกอบจาก http://siridaily.com/wp-content/uploads/2009/06/drag_me_to_hell1.jpg

 

ว่ากันว่าในแต่ละวันนั้น คนเราต้องทำการตัดสินใจในเรื่องราวต่างๆมากกว่าหมื่นครั้ง

ไล่ตั้งแต่เรื่องเล็กๆอย่างวันนี้จะตื่นกี่โมง ขับรถไปทำงานทางไหน จะกินอะไร ติดต่อกับใครบ้าง

การเลือกของเราส่วนใหญ่มักเป็นไปตามสัญชาตญาณ และไม่ส่งผลกระทบต่อองค์ประกอบโดยรวมของชีวิตมากนัก แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้ง มันก็นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

ดังเช่นหญิงสาวในเรื่องนี้

คริสทีน บราวน์ เป็นสาวน้อยนักธนาคาร ผู้ทำงานเกี่ยวกับการอนุมัติเงินกู้ เธอเป็นคนหัวอ่อน ที่ไม่มีพิษมีภัยกับใครมาโดยตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่มิสกานุซ หญิงชราเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ก้าวเข้ามาในที่ทำงานของเธอ และยื่นเรื่องขอผ่อนผันการใช้หนี้ เพื่อไม่ให้บ้านถูกธนาคารยึดไป

คริสทีนถือเอกสารเดินเข้าไปที่ห้องหัวหน้าเพื่อการพิจารณา แต่หัวหน้าของเธอให้คำตอบว่า นี่เป็นเรื่องที่เธอควรคิดเอาเองได้แล้ว วินาทีที่คริสทีนหันหลังกลับนั้นเอง เธอก็เหลือบไปเห็นโต๊ะทำงานตำแหน่งรองหัวหน้าที่ยังว่างอยู่ รวมถึงหนุ่มเพื่อนร่วมงานสุดแสบที่พร้อมจะชิงดีชิงเด่นกันทุกเมื่อ เธอจึงตัดสินใจเลือกทางเดินที่คิดว่าจะทำให้ตัวเองก้าวหน้าได้เร็วขึ้น นั่นก็คือ การยืนกรานปฏิเสธคำวิงวอนร้องขอของมิสกานุซ

 

...ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของชีวิตเธอ...

movie-116-2

รูปภาพประกอบจาก http://www.gothic.stir.ac.uk/documents/uploaded/file/dragmetohell2.jpg

 

เพราะมิสกานุซเป็นหญิงชราที่รู้จักศาสตร์มืดของพวกยิปซี เธอจึงติดต่อ ลาเมียร์วิญญาณปีศาจแพะดำ ให้ตามไล่ล่าคริสทีน และลากเธอลงนรก เพื่อเป็นการแก้แค้น

ลาเมียร์ทำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยม ด้วยการเกาะติดคริสทีนไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร แม้กระทั่งเมื่อคริสทีนยอมรับผิด ต้องการแก้ตัว มันก็ไม่ยอมเลิกรา

ปัจจุบันเรื่องของภูตผีวิญญาณยังคงเป็นเรื่องยากต่อการพิสูจน์ แต่ในทางพุทธ เราทุกคนก็มีสิ่งหนึ่งที่คอยติดตาม และส่งผลกระทบกับชีวิตของเราอยู่เสมอ นั่นก็คือ กรรม

ดังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มหาศาสดาเอกของโลก ได้ทรงแสดงธรรมไว้ว่า

...เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตนเอง เป็นผู้รับผลของกรรม(ทายาท) เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย เราจักทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่ว เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

การตัดสินใจดำเนินชีวิตในแต่ละย่างก้าวของเรา จึงสามารถสร้างกรรมได้เสมอ

ลำพังครั้งเดียว ที่เราเลือกทางเดินผิด เลือกที่จะเบียดเบียนผู้อื่น เลือกที่จะทรยศนอกใจคนรัก โกหกหลอกลวง หรือดื่มสุราจนเมาหัวราน้ำ แค่นั้นก็เพียงพอที่จะส่งผล ผลักดันให้เราไปรับผลของกรรมนั้นในอนาคต หนักเบาแตกต่างกันไป

และหากสะสมอกุศลกรรมบ่อยเข้า เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิต คงไม่ต้องรอให้ปีศาจร้ายตนไหนยื่นมือมาดึงเราลงนรก

เพราะกฎแห่งกรรมได้ทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว

และหากมองให้ดี เราอาจพบว่ามือที่ผลักไสเราไปในทิศต่างๆนั้นไม่ใช่ของใคร หากแต่เป็นมือของเราเอง