Print

แง่คิดจากหนัง - ฉบับที่ ๑๑๑

ทำไมน้องไม่แต่งงาน?

shortstoryชลนิล

 

 

movie111

รูปภาพจาก http://www.sritown.com/%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B9%8C/The-Woman-Who-Still-Wants-To-Marry

 

The woman who still wants to marry

ขึ้นหัวเรื่องมาเป็นเพลงลูกทุ่งซะอย่างนั้น สำหรับซีรีส์เกาหลีชื่อยาวเหยียดเรื่องนี้
คิดดูแล้ว สมัยนี้คงไม่ค่อยมีคำถามเชย ๆ แบบชื่อเพลงนี้สักเท่าไหร่ เพราะต่างคนก็มักรู้เหตุผลกันดีว่าทำไมสาว ๆ หนุ่ม ๆ สมัยนี้ถึงไม่ค่อยแต่งงานกัน

แต่กับสามสาว ที่สวยไม่แพ้ใคร หน้าที่การงานดี ฐานะมั่นคง (แต่สูงวัยไปนิ้ดนึง) อย่างตัวละครหลักในซีรีส์เรื่องนี้ เหตุผลที่พวกเธอยังไม่แต่งงาน และมุมมองชีวิตของพวกเธอ อาจจะใกล้เคียงกับคุณ ๆ บ้างก็ได้

จองดาจอง...ผู้หญิงมุ่งมั่น มีมานะในการสร้างเนื้อสร้างตัว มีความฝันให้ไล่ตามมาตลอด...เธอเรียนเก่ง ขยัน มุ่งมั่น ใฝ่รู้ จนได้เป็นล่ามระดับชาติ มีเกียรติ มีเงินทอง มีชื่อเสียง แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ อายุเธอก็ปาเข้าไปสามสิบกว่า

จุดหมายต่อไปของเธอ คือต้องได้สามีที่ดีพร้อม สมบูรณ์แบบ ปราศจากข้อบกพร่อง ทั้งหน้าที่การงาน และครอบครัว ซึ่งผู้ชายมาตรฐานสูงขนาดนี้จะหามาจากไหน นอกจากฝันเอาเอง...อย่าแปลกใจ หากเธออายุ ๓๔ ปีแล้วยังครองสถานภาพโสดอยู่

อีซินยอง...เคยมีแฟนที่คบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย รักกันมาตลอดสิบปี ต่างมีความฝันในสายงานของตัวเอง...เขาสมัครเป็นนักบิน ส่วนเธอได้ทำงานเป็นนักข่าวในสถานีโทรทัศน์...

เมื่ออายุได้สามสิบ มีฐานะพร้อมจะแต่งงาน เขาขอเธอแต่งงาน แต่มันเป็นช่วงเวลาที่อีซินยองได้ทุนไปศึกษาต่องานด้านข่าวที่ต่างประเทศถึงสามปี

เธอต้องเลือก ระหว่างอนาคตในหน้าที่การงาน กับผู้ชายที่คิดจะแต่งงานด้วย...และเมื่อเธอเลือกงาน...อีซินยองจึงได้ไปเรียนต่อ และสร้างผลงาน เป็นนักข่าวมือรางวัล แต่ในวัยที่ ๓๔ ปีนี้ เธอจึงมีสถานภาพโสด (สมบูรณ์แบบ)

คิมบูกี...มีใจรักมั่นกับแฟนคนเดียวมาตลอดสิบปี เธอกับเขายังไม่มีโอกาสแต่งงานกันได้เนื่องจากฐานะยังไม่พร้อม ฝ่ายชายมีครอบครัวต้องดูแลหลายคน เธอต้องทำตัวเหมือนเป็นลูกสะใภ้ ต้องคอยรับใช้ ช่วยเหลือแม่ และน้อง ๆ ของเขาเรื่อยมา

อนาคตในการสร้างครอบครัวของเธอน่าจะสดใส หากแม่และน้อง ๆ ของฝ่ายชายจะไม่เห็นแก่ตัว เอาเปรียบเธอทุก ๆ ด้าน คิมบูกีอดทนมาตลอดสิบปี จนมองเห็นชัดเจนแล้วว่า ชายที่เธอรัก ก็เข้าข้างแม่และน้อง คิดแต่จะเอาเปรียบเธอ เห็นเธอเป็นเหมือนทาส เหมือนขี้ข้าในบ้านคนหนึ่งซึ่งไม่มีทางไป

เวลานั้น เธอถามตัวเองว่า...นี่แม่ของฉันต้องลำบากทำงาน ส่งฉันเรียนจนจบ เพื่อให้มาเป็นขี้ข้าของคนบ้านนี้เหรอ?...

คิมบูกีได้สติเลิกกับผู้ชายคนนั้น หันมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า แสวงหาการเรียนรู้ในโลกกว้าง ทำให้สายตาของเธอกว้างไกล มีมุมมอง และวิธีคิดที่เข้าใจโลกมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ

เธออายุ ๓๔ และเป็นโสดเหมือนเพื่อนทั้งสอง...แต่...เธอมีความสุขกว่า...

คนเรา...เลือกพ่อแม่อย่างที่ต้องการไม่ได้...เลือกลูกดี ๆ น่ารัก ฉลาดให้มาเกิดก็ไม่ได้...แต่อย่างน้อย คนเราก็มีสิทธิเลือกคู่ครอง เลือกคนที่ใช่ มาอยู่เคียงข้างจนวันสุดท้ายได้

คงเพราะแนวความคิดนี้ จึงทำให้เกิดเรื่องราวตามหารักแท้ และเนื้อคู่สุดขอบฟ้ากันมากมาย...รวมถึงสามสาว สามสไตล์ ต่างที่มา ที่กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน ในวัยรถด่วนขบวนสุดท้ายเช่นนี้

จองดาจองตามล่า หาผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยความที่กลัวว่า หากล่วงเลยไปอีกปีสองปี เธอจะไม่มีโอกาสขึ้นรถด่วน หรือรถไฟฟ้าอีกเลยชั่วชีวิต

อีชินยองมีรักครั้งใหม่กับผู้ชายที่เป็นคนดี น่ารัก จริงใจ ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ เธอคงไม่ลังเลที่จะกระโจนเข้าหารักครั้งนี้เลย หากเขาจะไม่อายุน้อยกว่าเธอถึงสิบปี

คิมบูกี เหมือนเป็นผู้ดูอยู่วงนอก เธอมองเส้นทางความรัก และเส้นทางตามหารักของเพื่อนทั้งสองอย่างเข้าใจ คอยให้กำลังใจ และแนะนำวิธีคิดที่ถูกทาง เมื่อเพื่อน ๆ พบอุปสรรค

สำหรับตัวเธอ...คิมบูกีบอกว่า...เธอไม่ปฏิเสธความรัก และการแต่งงาน แต่เวลานี้ เธอก็มีความสุขกับชีวิตที่ดำเนินไปในปัจจุบันอยู่แล้ว...ทำไมต้องไปวิ่งหาความสุขอื่นที่มองไม่เห็นอีก

เพราะความที่เธอเข้าใจ และยอมรับโลกอย่างที่มันเป็น คิมบูกีจึงมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน และความสุขเช่นนี้เธอก็พร้อมจะแบ่งปันแก่เพื่อน ในรูปของคำแนะนำ เวลาเพื่อนทุกข์ใจ

เมื่อจองดาจองได้พบผู้ชายที่คิดว่าเหมาะสม และแต่งงานกับเขา ความสุขที่คาดว่าจะเจอ กลับไม่เป็นอย่างที่คิด...พอแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ก็เหมือนเธอได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวของเขา จากสาวโสดที่สามารถทำทุกอย่างตามใจ มีอิสระ กลับถูกผูกมัดด้วยพ่อแม่ น้องสามี และหลาน ๆ เข้ามาวุ่นวายจนชีวิตปั่นป่วนไปหมด

เธอหนีกลับไป พักสมองในอพาตเม้นท์ที่เคยอยู่กับเพื่อน ๆ และได้รับคำแนะนำจากคิมบูกี

ลองเปรียบเทียบดูนะว่า ความทุกข์จากความเงียบเหงา ที่เธอต้องอยู่คนเดียว ไปไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว ร้องไห้คนเดียว กลับบ้านมาไม่เจอใคร...กับความทุกข์ที่ต้องผจญกับความวุ่นวายของคนในครอบครัวของเขา ทุกข์อย่างไหนมันหนักกว่ากัน...และ ทุกข์แบบไหนที่เธอไม่ต้องการเจออีก

จองดาจองคิดว่าเมื่อเรียนจบ เธอจะมีความสุข พอเรียนจบก็คิดว่า เมื่อได้งานดี ๆ เธอจะมีความสุข...พอได้งานที่ดี เธอคิดว่า ถ้าก้าวหน้าสู่จุดสูงสุดในงาน เธอจะมีความสุข...พอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เธอคิดว่า ถ้าได้แต่งงานจะมีความสุข และพอได้แต่งงาน เธอก็คิดว่า ถ้าคนในครอบครัวเขา ไม่มาวุ่นวายกับเธอมาก เธอก็จะมีความสุข

ความสุขที่รออยู่ข้างหน้าตลอดเวลาเช่นนี้...วิ่งตามจนตายก็ไม่เจอ...

ส่วนอีชินยอง...ความรักต่างวัยเช่นนี้ ทำให้เธอเกือบถอดใจ หมดแรงสู้กับอุปสรรคมากมายที่ถาโถมเข้ามา ไม่ว่าจากสายตาคนรอบข้าง และจากคนในครอบครัวของผู้ชาย

พอมาคร่ำครวญกับเพื่อน...คิมบูกีกลับบอกง่าย ๆ ว่า...

ต่อให้เธอไปคบผู้ชายคนอื่น...เธอก็จะเจออุปสรรค ปัญหาอย่างอื่นอีก เธอคิดจะเลิกกับเขาเพื่อหนีปัญหา แต่ใช่ว่าที่อื่น...กับผู้ชายคนอื่น เธอจะไม่เจอปัญหาอะไรเลย

จะสู้ต่อ หรือยอมแพ้...เป็นโจทย์ที่อีชินยองต้องคิดหนัก...เธอยอมรับว่า ถึงผู้ชายที่เธอรักจะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็จริงใจ มีความมั่นคง เป็นผู้ใหญ่ไม่แพ้เธอ ตลอดเวลาที่คบกัน เธอก็ได้อาศัยพึ่งพาเขามากมาย เธอจะยอมอดทน เพื่อรักษาผู้ชายคนนี้ไว้ หรือยอมแพ้ ปล่อยเขาไปแล้วอาจไม่เจอผู้ชายดี ๆ อย่างนี้อีกเลยชั่วชีวิต...

บนเส้นทางแสวงหาชีวิตคู่...บางคนอาจเจอคนที่เหมาะ ใช่...บางคนอาจเจอคนที่คิดว่าใช่...แต่ไม่ใช่...บางคนเจ็บปวดซ้ำซาก ก็ไม่รู้จักจำ บางคนสุขสมหวังเสียจนคนรอบข้างอิจฉา...ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ขอให้เส้นทางสายนี้ เป็นเส้นทางที่คุณใช้เพื่อเรียนรู้ตนเองด้วย

สุขเป็นเช่นไร...เที่ยงหรือไม่เที่ยง
ทุกข์เป็นเช่นไร...เที่ยงหรือไม่เที่ยง

เรียนรู้ตนเอง เข้าใจสุข ทุกข์ที่เกิดและดับกับตนเอง
เพื่อให้ใจยอมรับ...ทุกสิ่งไม่เที่ยง ไม่อาจทนอยู่ได้ และไม่สามารถบังคับ ควบคุมได้อย่างใจ

หลังจากคิมบูกีเจอประสบการณ์เลวร้ายจากรักครั้งแรก เธอก็ใช้ประสบการณ์นั้นมาเพื่อเรียนรู้ตนเอง เข้าใจตนเอง เข้าใจความจริงของโลก และชีวิต จนจิตใจมั่นคง เกิดความสุขขึ้นในปัจจุบัน โดยไม่ต้องวิ่งล่า...ตามหา

คิมบูกีไม่คิดว่าการแต่งงานคือทั้งหมดของชีวิต และไม่คิดว่าการเป็นคนโสดจะมีความสุขกว่า...เพราะไม่ว่าจะเป็นคนโสด หรือมีคู่...คุณก็ทุกข์ได้พอ ๆ กัน หากยังไม่รู้จักเรียนรู้ทุกข์...เรียนรู้กาย ใจของตน

เมื่อใดที่คุณรู้จักเรียนรู้ทุกข์ เรียนรู้กาย ใจตน...จนยอมรับความจริงของมัน...ความจริงที่ประกาศว่า มันไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ และบังคับสั่งให้เป็นอย่างใจไม่ได้...

เมื่อนั้น...คุณก็ไม่ต้องวิ่งไล่ ตามหาความสุข หรือหาอะไรที่ไหนอีก...เพราะความพอดี อย่างเข้าใจ ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าคุณเรียบร้อยแล้ว