Print

แง่คิดจากหนัง - ฉบับที่ ๑๐๙

Inception ในวิถีพุทธ

โดย Tony Koon

movies109-2

 

ขณะที่ผมเขียนบทความนี้ เข้าใจว่าภาพยนตร์เรื่อง Inception หรือชื่อไทยที่ว่า จิตพิฆาตโลก น่าจะลาโรงไปเรียบร้อยแล้ว

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานลำดับที่ ๗ ถัดจาก The Dark Knight ของ Christopher Nolan ผู้กำกับภาพยนตร์แนว Action Thriller ที่โด่งดังที่สุดในรอบทศวรรษนั่นเองครับ

หนังพูดถึง ดอม คอบบ์ (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) หัวขโมยมืออาชีพ สุดยอดฝีมือด้านการดึงข้อมูลจากจิตใต้สำนึกเบื้องลึกระหว่างสภาวะความฝัน ซึ่งคอบบ์ได้รับงานสุดท้ายที่เป็นการเดิมพันกับชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา ด้วยคำสั่งให้ปลูกฝังความคิดให้ โรเบิร์ต ฟิชเชอร์ ล้มล้างอาณาจักรหลายพันล้านของพ่อตัวเอง

ผมชอบแนวคิดของหนังที่ต้องการสื่อสารว่าทุกอย่างล้วนมีต้นตอของมัน หากเราเปลี่ยนแปลงต้นตอดังกล่าวได้ สิ่งที่เกิดขึ้นและความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังย่อมแตกต่างออกไป โดยในหนังใช้คำว่าปลูกฝังความคิดใหม่ให้มีความเชื่อเป็นไปในทิศทางที่ต้องการ

 

ในการเดินทางเพื่อปลูกฝังต้นตอใหม่นั้น คอบบ์ ต้องเดินทางเข้าไปในความฝัน และเพื่อให้ได้ต้นตอที่ลึกลงไปยิ่งขึ้น คอบบ์ต้องดำดิ่งลงไปในความฝันมากกว่า ๑ ชั้นจึงจะค้นเจอต้นตอที่แท้จริงเจอ ซึ่งขณะเดินทางอยู่ในความฝันซึ่งมีรายละเอียดทุกอย่างเสมือนโลกแห่งความเป็นจริงจนแยกไม่ออก มีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งซึ่งเรียกว่าโทเทม ที่ใช้แยกแยะความจริงออกมาจากความฝัน เพราะโทเทมเป็นสิ่งที่รู้เฉพาะผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงเท่านั้น

movies109-1

เรื่อง Inception นั้นเป้าหมายที่แท้จริงคือการเปลี่ยนต้นตอการรับรู้โดยมีฉากหลังคือความฝัน ทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่ครูบาอาจารย์หลายๆท่านได้ให้ธรรมคำสั่งสอนไว้ เพื่อเตือนให้พวกเรามีสติรู้ตัว เพราะความฝันเกิดขึ้นกับพวกเราทุกวันทุกเวลาทั้งยามหลับและยามตื่น

การหลงคิด ใจลอย ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่นคือการฝันแล้วครับ ขณะขับรถเราก็ฝันถึงไปช้อปปิ้ง ตอนเดินช้อปปิ้งเราก็ฝันถึงนอนอยู่บ้าน ตอนอยู่บ้านก็ฝันถึงงานที่ทำงาน ตอนนั่งทำงานก็ฝันถึงเลิกงานขับรถกลับบ้าน หลงเพลินไปวันๆ นอกจากผู้ที่ฝึกแล้วเท่านั้น ถึงจะหลุดออกมาจากความฝันหรือตื่นได้อย่างแท้จริง

ในทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราเปลี่ยนแปลงต้นตอของความรู้สึกนึกคิดจากความฝัน แต่ท่านสอนให้เรารู้เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง ท่านถึงสอนให้เรามีสติ เพราะสติ จะทำให้เรารู้เห็น ทุกอย่างตามความเป็นจริง และเมื่อรู้ทุกอย่างตามความเป็นจริงได้เมื่อไหร่ เราก็จะหลุดออกมาจากความฝันได้เมื่อนั้น

และเพื่อให้มีหลักยึดเกาะว่าเราไม่ได้ติดอยู่ในความฝัน เราจึงต้องมีโทเทมส่วนตัวที่ไม่ใช่ลูกข่าง หรือลูกเต๋าแบบในหนัง แต่โทเทมทางพุทธศาสนา คือสิ่งที่เรียกว่า วิหารธรรม ครับ

เราอาจใช้การรู้ลมหายใจ การรู้ท้องพองยุบ การภาวนาพุทโธ หรือแม้กระทั่งการรู้อิริยาบถสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นวิหารธรรม ขึ้นอยู่กับเราอยู่กับวิหารธรรมรูปแบบไหนแล้วมีความสุข ซึ่งถ้าเราหลงไปเมื่อใด เราก็มีวิหารธรรมเป็นเครื่องยึดเกาะให้เรารู้สึกตัวเมื่อนั้น เช่นเดียวกับโทเทมที่ปรากฏในหนัง ที่ช่วยให้รู้ตัวว่ากำลังฝันไปหรือไม่

การฝึกสติหรือวิปัสสนา ถ้าเราฝึกจนถึงวันที่เราสามารถตื่นได้อย่างแท้จริง เราจะเกิดปัญญา และปัญญานั่นเองครับจะเป็นตัวที่จะไปเปลี่ยนต้นตอความรู้สึกนึกคิดของเราทั้งหมด ให้เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง และเราจะพบว่าแท้ที่จริงแล้วไม่มีตัวเราตั้งแต่แรก ตัวเราประกอบไปด้วยรูปและนามประกอบกันเท่านั้น

ส่วนวิธีการฝึกสติหรือวิปัสสนานั้น สามารถหาอ่านได้จากสื่อธรรมของครูบาอาจารย์หลายๆท่านที่ได้เมตตาสั่งสอนเอาไว้ครับ มีให้โหลดอยู่มากมายหลายเว็บ

ภาพยนตร์เรื่อง Inception ทำให้เราได้กลับมาคิดว่า ความฝันถึงเราจะอยู่แล้วมีความสุขมากขนาดไหนก็ตาม ท้ายที่สุดมันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน เราไม่มีทางได้ค้นพบความจริงในนั้น ซึ่งถ้าเรามัวแต่หลงติดอกติดใจอยู่แต่ภาพลวงตา ท้ายที่สุดเราก็จะติดอยู่ในความฝันตลอดกาล เช่นเดียวกับ มัล ภรรยาของคอบบ์ นั่นเอง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก
http://www.majorcineplex.com/movie_detail.php?mid=345