แง่คิดจากหนัง - ฉบับที่ ๑๐๕
Best of time - ปัจจุบันสำคัญที่สุด
ชลนิล
“คนเรานี้ คิดให้ดีก็น่าขัน อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ”
มีใครเคยสงสัยไหมครับว่า “ความทรงจำ” ที่คิดว่า “เป็นเรา” นั้น ทำไมมันถึงไม่ค่อยเป็นอย่างใจเราต้องการเอาเสียเลย
เรื่องเจ็บปวด ความหลังเศร้า ๆ เรื่องร้ายฝังใจที่ควรลบเลือน ลืมไปเสียเร็ว ๆ มันกลับจดจำแม่นยำ ระลึกถึงทีไร ภาพเก่า ๆ ก็ย้อนมาเป็นฉาก ๆ ทำให้เจ็บซ้ำเจ็บซาก ทุกข์แล้วทุกข์อีก
ส่วนเรื่องดี ๆ ในชีวิต เรื่องสำคัญที่อยากจดจำไว้นาน ๆ บางครั้งเรากลับลืมเลือนไปเสียเฉย ๆ จะเรียกร้องความทรงจำกลับมาอย่างไร มันก็ไม่ยอมฟัง
หนังเรื่อง “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” หรือ “Best of time” เล่าถึงตัวละครสองคู่ ที่แทนเรื่องราวสองประโยคคือ “อยากจำกลับลืม” “อยากลืมกลับจำ”
รูปภาพประกอบจาก http://www.kwamjumsan.com/
คู่แรก...รักที่อยากลืมแต่กลับจำ...
หมอเก่ง...สัตวแพทย์ปากเสีย จริงใจ ตรงไปตรงมา กลับมีความรักผิดหวังฝังใจสมัยวัยรุ่น อยากลืมเท่าไหร่ก็ลบมันจากใจไม่ได้เสียที เพราะผู้หญิงที่เขาหลงรักดันเป็นแฟนเพื่อนซี้ตัวเอง
หลายปีผ่านไป หมอเก่งได้เจอกับฝ้าย...ผู้หญิงที่เป็นรักแรกอีกครั้ง ทั้งรู้ข่าวว่าเธอเพิ่งหย่ากับโอม...เพื่อนของเขา หลังจากแต่งงานกันได้แค่ปีเดียว
หมอเก่งไม่อาจลืมรักครั้งแรก แต่ก็ไม่สามารถเริ่มต้นรักครั้งใหม่กับฝ้ายได้เหมือนกัน เพราะฝ้ายก็ยังไม่สามารถลืมโอม...ผู้ชายที่เป็นรักแรก และรักเดียวของเธอได้ อีกทั้งยังแอบหวังว่าสักวัน โอมจะกลับมาหาเธอ
เรื่องมันคงง่าย ถ้าหมอเก่งลืมความรักครั้งแรกได้ เขาคงไม่รู้สึกอึดอัด ลำบากใจเมื่ออยู่ใกล้ฝ้าย หรือถ้าฝ้ายสามารถลืมรัก ลืมความหลังดี ๆ ที่มีต่อโอมได้...เธอก็จะตัดใจ เริ่มต้นใหม่ได้ไม่ยาก
แต่ใจคนเรา...มันเคยยอมทำตาม “คำสั่ง” และ “ความต้องการ” ของเราเมื่อไหร่กัน
รูปภาพประกอบจาก http://www.kwamjumsan.com/
คู่ที่สอง...รักที่อยากจำ...กลับลืม
ลุงจำรัสกับป้าสมพิศ คู่รักวัยไม้ใกล้ฝั่ง ที่เพิ่งได้พบ และคบหากัน ในยามที่เห็นฝาโลงแง้มอยู่รำไร...ต้องการใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกันจนวันสุดท้าย แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะลุงจำรัสเป็นโรคอัลไซเมอร์ ความทรงจำหดหายลงทุกที ถึงรักป้าสมพิศมากแค่ไหน แต่อีกไม่นานแกก็จะลืม
หากป้าสมพิศไปอยู่ด้วยก็ต้องรับภาระหนัก ดูแลคนป่วย ซึ่งลูกของป้าสมพิศไม่ยอมเด็ดขาด อีกทั้งยังต้องการให้ป้าไปอยู่ที่อเมริกาด้วยกันอย่างสุขสบายในวัยชรา มากกว่าต้องมาเหน็ดเหนื่อยดูแลคนแก่วัยเดียวกัน และอาจต้องเป็นภาระให้กับลูก ๆ ของลุงจำรัสอีกด้วย
บางที ถ้าร่างกายป้าสมพิศแข็งแรงกว่านี้ หรือถ้าโรคอัลไซเมอร์จะไม่มาพรากความทรงจำ ความแข็งแรงของร่างกายไปจากลุงจำรัส...ทั้งคู่ก็อาจได้อยู่ร่วมกัน
แต่สังขารร่างกาย และ “สัญญา” ความจำได้ หมายรู้...เคยอยู่ใต้อำนาจ ให้เราบังคับ สั่งการมันได้เสียที่ไหน
ความจำได้ หมายรู้ มันหลอกให้เราหลงคิดว่าเป็นโน้น เป็นนี่ เคยรู้สึกอย่างนั้น เคยรู้สึกอย่างนี้...เสร็จแล้วมันก็หลอกให้เชื่อว่ามีเรา - มีเขา...มีตัวตนจริง ๆ ให้ยึดถือ
อดีต...เรื่องที่ผ่านไปแล้ว...มันก็แค่...สิ่งที่จำได้ กับจำไม่ได้...
อนาคต...เรื่องที่ยังมาไม่ถึง...มันก็แค่...สิ่งที่คิด เรื่องราวที่ปรุงแต่งล่วงหน้า
มัน...ไม่มีจริงในปัจจุบัน
ลุงจำรัสไม่เคยสัญญาว่าจะไม่ลืมป้าสมพิศเพราะ...
“ไม่ลืม ไม่มีหรอก...มีแต่ลืมช้า กับลืมเร็วเท่านั้น...ฉันน่ะ มันแค่ลืมเร็วไปหน่อยเท่านั้นเอง”
ทั้งสองอยู่ห่างกันคนละซีกโลก ด้วยความเข้าใจที่ว่า “จากกันตอนที่ยังจำได้น่ะดีแล้ว”
แต่ทั้งคู่ก็ยังสามารถติดต่อกันได้ผ่านคอมพิวเตอร์ มีความสุขในปัจจุบันเท่าที่ยังระลึกถึงกัน...ไม่สนใจอดีตที่ลับผ่าน ไม่พะวงกับอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง...ไม่ว่าอาจจะต้องลืมกันในวันหนึ่ง หรือกระทั่งมีวันที่ความตายมาพราก
เมื่อ “รู้” อยู่แค่ปัจจุบัน ใจ...มันก็เห็นสุข – ทุกข์เกิดดับแค่ปัจจุบัน
ไม่ทุกข์เกินความจำเป็น ไม่สุขเกินพอดี...
รู้อยู่ พออยู่...แค่ปัจจุบัน
เมื่อฝ้ายรู้ว่าโอม...คนรักเก่ากำลังจะแต่งงานใหม่ เธอก็หมดหวังที่จะกลับไปคืนดี
“รู้” ทันทีว่าอดีตมันจบแล้ว ไม่มีทางย้อนคืน
สิ่งที่ทำได้คืออยู่กับปัจจุบัน โดยมีผู้ชายอีกคนยืนอยู่ข้าง ๆ
เขาคนนั้นบอกกับเธอว่า...
“เราน่ะ มันพวกลืมช้า...
เราถึงยังไม่ลืมเธอเลย
แต่เราก็มีรักครั้งใหม่ได้
เพียงแต่...รักครั้งใหม่นี้
มันเกิดกับคนเดิมแค่นั้นเอง”