ของฝากจากหมอ - ฉบับที่ ๑๐๑
Knowledge is power
โดย พญ.ณัฐชญา ไมตรีเวช
ทราบไหมคะ ว่าความรู้ทางการแพทย์เพิ่มเป็น ๒ เท่าในระยะเวลา ๓.๕ ปี
ความรู้วันนี้มีมากเป็น ๓๒ เท่าของเมื่อ ๑๖ ปีที่แล้ว !
ยกตัวอย่างง่ายๆ เราคงเคยได้ยินคำว่า "คอเลสเตอรอล"
ข้อมูลที่คนส่วนใหญ่ทราบกันดี คือ ถ้าเจ้าไขมันตัวนี้สูงจะทำให้เส้นเลือด
ที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ และเกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา
ดังนั้น คุณหมอส่วนใหญ่จะเริ่มสร้างบรรยากาศอึมครึม
ถ้าเห็นค่าของมันพุ่งเกินสองร้อย
กว่าสิบปีที่แล้ว ...
เคยต้องทะเลาะกับคุณลุง คุณป้าที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกทุกที
"สูงอีกแล้วนะคะคุณลุง งดอาหารมันหรือยังคะ"
"ออกกำลังกายแบบที่หมอบอกไหม ทำไมมันขึ้นสูงขนาดนี้คะ"
มีคำตอบมากมายหลากหลาย พร้อมรอยยิ้มที่เราดุไม่ลงค่ะ เช่น
"หน้าทุเรียนอะหมอ มันอดไม่ได้"
"คนเคยกินนะ ต่อไปจะงดแล้วจ้ะ"
"มันก็ขึ้นๆ ลงๆ อย่างนี้แหละ อย่าคิดมาก" T_T
แต่ก็มีคุณปู่ท่านหนึ่งบอกว่า
"หมอจะไปสนใจตัวเลขมากกว่าความรู้สึกของเราทำไม"
ตอนนั้นยังคิดไม่ได้หรอกค่ะ ^^' เพราะประสบการณ์ยังน้อย
และการศึกษาต่างๆ ก็ไม่ลึกขนาดนี้ ใจก็เป็นห่วง เพราะเรียนมาว่า
ถ้าตัวเลขนี้สูงมันอันตรายต่อหัวใจดวงน้อยๆ ของปู่นะ
ทุกวันนี้ ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
คอเลสเตอรอลสูงอาจไม่ใช่ปัญหาเสมอไป
โรคเส้นเลือดตีบอาจจะเกิดขึ้นในคนที่ระดับไขมันปกติก็ได้
หรือในคนไข้ที่คอเลสเตอรอลสูง แต่ถ้ามีสัดส่วนเหมาะสมระหว่างไขมันชนิดดี กับไขมันไม่ดี ก็ทำให้ไม่เกิดโรค ^_^
ที่เคยย้ำหนักหนา ให้งดรับประทานอาหารมันเด็ดขาด
จะทำให้เจ้าไขมันตัวร้ายลดลงมาได้ ก็ต้องเปลี่ยนความคิดไปเลยค่ะ
เพราะคอเลสเตอรอลส่วนหนึ่งมาจากอาหารก็จริง แต่อีกส่วนที่สร้างจากตับ มันมากกว่าที่รับประทานเข้าไปเสียอีก T_T
ดังนั้นการลดอาหาร จึงช่วยได้ระดับหนึ่งเท่านั้นเอง
และการรับประทานอาหารไม่มันบางอย่าง ก็ทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นได้เสียอีก ที่สำคัญการที่เราสร้างความเครียด กดดัน หรือแม้แต่การพักผ่อนไม่พอนี่แหละค่ะ ที่ทำให้เจ้าไขมันตัวร้ายมันพุ่งปรี๊ดขึ้นมาได้
มีที่น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นไปอีกนะคะ
ทราบไหมว่าเกือบครึ่งหนึ่งของคนไข้ที่ตายจากโรคหัวใจล้มเหลว
หรือ Heart attack ไม่ได้เป็นโรคหัวใจมาก่อน แต่เป็นเพราะปล่อยให้ตัวเองถูกโรควิตกกังวล ซึมเศร้า หรือฟุ้งซ่านแบบไม่บันยะบันยัง
เป็นระยะเวลานาน โรคหัวใจถึงได้ถามหา
คุณปู่ท่านนี้ไม่ได้เสียชีวิตจากโรคหัวใจค่ะ
ท่านจากไปด้วยโรคมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก
และก็มีความสุขดี จนนาทีสุดท้ายของชีวิต ^_^
เอาล่ะค่ะ ที่เล่ามาไม่ได้หมายความว่าเชิญรับประทานเต็มที่
หรือให้เอากิเลสทางปากเป็นที่ตั้งแต่อย่างใด
เพียงแต่อยากจะเล่าให้ฟังว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ตรงนี้ค่ะ
(เอามือแปะไปที่หน้าอก)
"ความรู้สึกและวิธีคิด"
จิตใจ ความนึกคิด มีผลต่อร่างกายอย่างที่หลายๆ คนนึกไม่ถึงเลยค่ะ
ประโยคที่ว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" ไม่ได้เกินจริงเลย
การศึกษาใหม่ๆ บอกว่า เพียงแค่เรารู้จักผ่อนคลายความเครียด
เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะจริงๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลได้เทียบเท่าการใช้ยา
และที่ดีกว่าคือ ไม่มีผลข้างเคียงอื่น
แถมยังช่วยให้โรคเบาหวานและความดันดีขึ้นด้วยค่ะ !
ก่อนหน้านี้ หมอก็เป็นคนหนึ่ง
ที่ไม่อยากจะเชื่อว่า ความคิดมีอิทธิพลถึงขนาดนี้
เมื่อศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ กลับพบความเป็นจริงที่ตรงกันข้ามว่า
ความคิดและวิธีใช้ชีวิตนั่นแหละค่ะ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เราป่วยมากกว่ากรรมพันธ์เสียอีก...
เห็นไหมคะ ความรู้ใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้เรารู้ว่า
สิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคืออะไร
การแพทย์ใหม่ๆ เน้นไปที่ความสุขในการใช้ชีวิต
ควบคู่ไปกับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
ยืดอายุให้ยืนขึ้น โดยที่ยังสามารถทำกิจกรรมสนุกๆ
หรือทำอะไรด้วยตัวเองได้ยาวนานขึ้น
เรียกว่ามี active life span ที่มากขึ้นค่ะ
ดังนั้น ณ เวลานี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพ
ไม่ใช่เพียงคุณหมอที่เก่งๆ กับเงินทุนหนาๆ
คอยยื้อชีวิตเราไว้บนเตียงผู้ป่วยนานๆ
แต่เป็นความรู้ที่แลกไม่ได้ด้วยเงิน ต้องแลกมาด้วยความใส่ใจค่ะ
ให้เวลาในการหาความรู้ เพื่อดูแลร่างกายของเราเพิ่มขึ้นวันละนิด
รับประทานของที่ชอบได้ แต่ต้องเลือกเวลาและปริมาณ
แล้วเราจะมีจิตใจที่สดใส พร้อมกับร่างกายที่แข็งแรง
อยู่ภาวนาและทำประโยชน์ของตนและประโยชน์ท่านได้นานๆ นะคะ