เทศนานิพนธ์
ใน
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
ในเหตุผลและเหนือเหตุผล
--------------------------------------------
สังสารวัฏ (๑)
ในอริยสัจ ๔ นี้ พึงสังเกตว่าแสดงผลก่อนแล้วจึงแสดงเหตุทั้งฝ่ายสมุทัยวาระและนิโรธวาระ ก็เพราะว่าตามประวัติแห่งความตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ก่อนแต่ตรัสรู้ ได้ทรงจับเอาผลขึ้นมาค้นคว้าหาเหตุ คือว่า ผลเป็นสิ่งที่ปรากฏได้แก่ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย นี่เป็นผล ก็ได้ทรงจับเอาผลนี้ขึ้นมาพิจารณาเพื่อให้พบ โมกขธรรม คือให้พ้นจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย นำให้ตรัสรู้ในสัจจะทั้ง ๔ ซึ่งได้พบว่า สิ่งเหล่านี้เป็นผล เมื่อจะดับผลคือต้องการพ้นจากผลเหล่านี้ ก็ต้องดับเหตุคือเหตุที่ให้เกิดผล และจะดับเหตุนี้ให้เกิดผลนั้นได้ ก็ต้องพบทางปฏิบัติเพื่อดับเหตุของผลเหล่านั้น ฉะนั้น เมื่อได้ทรงแสวงหาไปจนพบทางคือมรรคมีองค์ ๘ ทรงปฏิบัติจนสมบูรณ์จึงได้ทรงพบความดับเหตุของผลเหล่านั้นได้ คือดับตัณหา เมื่อดับตัณหาซึ่งเป็นตัวเหตุได้ ผลคือทุกข์ก็ดับไปหมด ความพบอริยสัจทั้ง ๔ คือผล และเหตุก็คือธรรมที่เป็นเหตุเป็นผลนั้นเอง อันเนื่องจากกรรมด้วย และเป็นไปตามสภาพของเหตุผลเองด้วย
ในตอนนี้ พึงกล่าวชี้ถึงหลักพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นส่วนเนื้อหาสำคัญเพิ่มเติมอีกว่าวงล้อของสังสาระ คือความท่องเที่ยวอันเรียกว่า สังสารวัฏ ความวนแห่งการท่องเที่ยวไปของสัตว์บุคคลทั้งปวง หรือกล่าวรวมว่าของสัตว์โลกทั้งปวง ว่าถึงเบญจขันธ์หรือภพชาติ ก็ท่องเที่ยวเวียนเกิด ตาย ตาย เกิด มานับไม่ถ้วนชาติ จนมีกล่าวไว้ในพระบาลี พระสูตรบางพระสูตรว่า มีเบื้องต้นที่สุดเป็น อนมตคฺค ตามไปไม่รู้ หรือไม่จำเป็นต้องตามไปรู้