Print

แสงส่องใจ - ฉบับที่ ๓๙๙

 sungaracha

 sangharaja-section

๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า

 เทศนานิพนธ์

ใน

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

 

ธรรมะประดับใจ

 

๒๖. การแก้ใจตนเอง

                   น่าจะทุกคนในโลกนี้ที่มีเวลาพูดว่าตนต้องอดทนเหลือเกิน อดทนต่อคนนั้นบ้าง อดทนต่อเรื่องนี้บ้าง ต่าง ๆ นานา บางทีขณะที่เจ้าตัวรู้สึกว่าต้องอดทนอย่างยิ่งนั้น คนอื่นโดยเฉพาะผู้เป็นเหตุให้คนอื่นต้องอดทน หาได้รู้สึกว่าเขาต้องอดทนเพราะตนไม่เมื่อไม่รู้สึกก็พูดทำไปตามความต้องการของตนไม่มีการดัดแปลงแก้ไขเพื่อช่วยผ่อนคลายความเดือดร้อนของผู้อื่น ในกรณีนี้ ไม่มีวิธีใดที่ผู้ต้องอดทนจะทำดียิ่งไปกว่าแก้ที่ใจตนเอง ให้ไม่ต้องใช้ความอดทนรับรู้รับเห็นอะไร ๆ ที่ไม่ชอบหูไม่ชอบตาไม่ชอบใจเหล่านั้น

                   การจะแก้ใจตนเองในกรณีนี้ก็ต้องเริ่มที่ยอมรับความจริงเสียก่อนว่า ความไม่ชอบหูไม่ชอบตาไม่ชอบใจจนถึงต้องใช้ขันติความอดทนอดกลั้นนั้นเป็นเหตุแห่งความเดือดร้อนใจ ถ้าทำลายความไม่ชอบหูไม่ชอบตาไม่ชอบใจหมดสิ้นไปได้ ก็จะไม่จำเป็นต้องใช้ความอดทนอะไรอีก ก็จะไม่มีความเดือดร้อนใจในเรื่องหรือในคนผู้นั้นอีก

                   ต้องตั้งปัญหาถามตนเองอีกว่า ทำไมจึงเกิดความไม่ชอบหูไม่ชอบตาไม่ชอบใจขึ้น ทั้ง ๆ ที่บางทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องถึงตนเองอย่างไร เช่นบางทีเขาพูดเขาทำกันอยู่ถึงไหน ๆ ไปแลเห็นเข้าได้ยินเข้าก็เกิดไม่ชอบหูไม่ชอบตาไม่ชอบใจเสียแล้ว ทำไมจึงเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นได้ บางทีอาจจะให้คำตอบตนเองไม่ได้ว่าเพราะเหตุไร หรือตอบตนเองได้ แต่ก็ไม่ตรงตามความจริงคือจะตอบไปว่าเพราะเขาพูดไม่ดี เสียงกระโชกกระชากเรื่องที่เขาพูดกัน มันเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นถึงคนนั้นคนนี้ที่ไม่ควรได้รับการลบหลู่ดูหมิ่นเช่นนั้น อะไรทำนองนี้ คำตอบเช่นนี้ไม่ถูกต้อง

                   คำตอบที่ถูกคือเพราะเราเองไปปรุงคิดไปว่าเสียงที่เขาพูดกระโชกกระชาก ไม่น่าฟัง กวนโทสะ หรือเรื่องที่เขาพูดไม่น่าจะนำมาพูด เพราะความปรุงคิดเกิดขึ้นเช่นนั้นจึงทำให้เกิดความรู้สึกไม่ชอบหูไม่ชอบตาไม่ชอบใจขึ้นความจริงเป็นเช่นว่าหรือไม่ คือเกิดจากความปรุงคิดหรือไม่ ให้ทดลองพิสูจน์ดูได้ คือเมื่อได้ยินได้เห็นเรื่องหรืออะไรก็ตามที่ถ้าคิดปรุงไปแล้วจะต้องว่าไม่น่าชอบหูชอบตาชอบใจ แล้วก็อย่าคิดปรุงไปเป็นอันขาด เวลาเห็นเวลาได้ยินก็รวมใจไว้กับที่ ไว้กับคำบริกรรมพุทโธก็ได้หรือจะคิดว่าหูกำลังได้ยินเสียงก็ได้ ตากำลังเห็นรูปก็ได้ คิดไว้เช่นนี้ให้ตลอดเวลาที่เรื่องหรือเสียงที่ไม่น่าชอบใจเกิดขึ้น หัดคิดเช่นนี้เป็นประโยชน์แน่ หูได้ยินเสียงก็คิดเพียงว่าหูได้ยินเสียง ตาเห็นรูปก็คิดเพียงว่าตาเห็นรูป จมูกได้กลิ่นก็คิดเพียงว่าจมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รสก็คิดเพียงว่าลิ้นได้รส กายได้สัมผัสอะไรก็คิดเพียงว่ากายได้สัมผัส อย่าคิดให้เลยไปกว่านี้ คืออย่าคิดว่าตาของเราเห็นรูปที่น่าเกลียดน่ากลัว หูของเราได้ยินเสียงที่หยาบคาย จมูกของเราได้กลิ่นที่เหม็น ลิ้นของเราได้ลิ้มรสที่ไม่น่าได้ลิ้มเลย กายของเราได้สัมผัสสิ่งที่สกปรกน่ารังเกียจ อย่าคิดถึงขนาดนี้ เพราะนี่แหละคือจุดก่อความเดือดร้อนวุ่นวายใจ ให้โกรธให้เกลียด ให้รัก ให้หลง ให้วุ่นวาย ถ้าไม่คิดเลยไปถึงเพียงนี้ คิดสั้น ๆ อย่างที่กล่าวจะไม่ทำให้เกิดความโกรธ เกลียด รัก หลง วุ่นวายฟุ้งซ่านไปได้เลย คือเมื่อไม่ปรุงแต่งให้เกิดความโกรธ เกลียด รัก หลงความโกรธเกลียดรักหลงก็จะไม่เกิด ฉะนั้นถ้าคิดว่าต้องอดทนเหลือเกินเพราะผู้หนึ่งผู้ใดก็ควรใช้ความอดทนไปในการฝืนใจไม่ให้คิดปรุงไปอย่างยืดยาวดังกล่าวแล้วเถิด จะได้รับผลดีที่ยั่งยืน.