Print

แสงส่องใจ - ฉบับที่ ๓๙๓

 sungaracha

 sangharaja-section

๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า

 เทศนานิพนธ์

ใน

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

 

ธรรมะประดับใจ

 

๒๐.จงควบคุมกิเลสของตนเอง

                   นอกจากพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกผู้หมดกิเลสสิ้นเชิงแล้ว ทุกคนไม่ว่าไพร่ผู้ดีคนมีคนจนเด็กผู้ใหญ่ผู้ชายผู้หญิงต่างมีความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะความคิดพาไป ความคิดที่ประกอบด้วยกิเลสนี้แหละพาไป พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกท่านมีความคิดที่ไม่ประกอบด้วยกิเลส ท่านจึงไม่มีความทุกข์เช่นผู้มีกิเลสทั้งหลาย ที่พูดมาตลอดว่าให้ดูความคิดนั้นก็หมายถึง ให้ควบคุมความคิดอย่าให้ประกอบด้วยกิเลส อย่าให้ตกเป็นทาสของกิเลส กิเลสนั้นถ้าไม่ยอมเป็นทาส แต่ตั้งตัวเป็นนายกิเลส กิเลสก็จะไม่อยู่ด้วย จะหนีไป เพราะกิเลสเคยเสียแล้วกับการเป็นนายอยู่กับใคร อยู่ในใจผู้ใดกิเลสก็จะต้องเป็นใหญ่ ต้องเป็นนายบังคับให้ผู้ตกอยู่ใต้อำนาจทำสิ่งต่าง ๆ ตามแต่จะอยากให้ทำ และก็ล้วนเป็นการทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งามทั้งสิ้น กิเลสจะไม่บังคับให้ทาสของตนทำสิ่งที่ถูกต้องดีงามเลย ทั้งยังจะคอยขัดขวางไม่ให้ทำสิ่งที่ถูกต้องดีงามเสียด้วยซ้ำไป กล่าวได้ว่ากิเลสเป็นเครื่องเศร้าหมองโดยแท้ พาไปให้เศร้าหมองโดยแท้ ไม่มีที่กิเลสจะพาไปให้ผ่องใสได้เลย ดังนั้นผู้รังเกียจความเศร้าหมองไม่ผ่องใสจึงต้องรังเกียจกิเลสด้วยจึงจะถูก และกิเลสก็มิได้หมายถึงอะไรอื่น แต่หมายถึงราคะหรือโลภะ โทสะ และโมหะ นั่นเอง รังเกียจกิเลสเครื่องพาให้เศร้าหมองไม่ผ่องใสก็คือรังเกียจราคะหรือโลภะโทสะ และโมหะ นั่นแหละ และก็ไม่ได้หมายความว่าให้ไปรังเกียจกิเลสของผู้อื่น กิเลสของตนไม่มองให้เห็น ไม่รังเกียจไม่กวาดล้าง เช่นนั้นไม่ถูก รังเกียจกิเลสนั้นหมายถึงรังเกียจกิเลสในใจตัวเองนั่นแหละเป็นสำคัญ กิเลสของผู้อื่นก็ให้เจ้าของรังเกียจของเขาเองกิเลสของใครใครก็พึงรังเกียจขัดเกลาด้วยตนเองจึงจะได้ผล กิเลสจึงจะลดน้อยถึงหมดสิ้นไปได้

                   ผู้ที่รังเกียจแต่กิเลสของคนอื่น แล้วตั้งหน้าไปกำจัดขัดเกลากิเลสของผู้อื่น จะไม่ทำให้กิเลสของตนลดน้อยลงได้ มิหนำซ้ำจะเป็นการเพิ่มกิเลสของตนเองอีกด้วยซ้ำไป เพราะการเพ่งโทษผู้อื่นก็คือการเพิ่มโทษให้ตนเอง การเพ่งโทษตนเองแก้ไขที่ตนเอง ที่ใจตนเอง นั่นแหละจึงจะได้ผล แก้กิเลสตัวไหนในใจตน กิเลสตัวนั้นก็จะลดน้อย และถ้ายังตั้งใจแก้ไปด้วยสติปัญญาสักวันหนึ่งก็จะได้พบความสุขอันเกิดจากความลดน้อยของกิเลสเครื่องเศร้าหมอง

                   ทุกวันนี้เครื่องแวดล้อมภายนอกเป็นความร้อนมากมายอยู่พอสมควร แต่ถึงกระนั้นความผ่องใสไกลจากกิเลสในใจก็ยังมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ อาจยังให้ผู้มีความผ่องใสนั้นพ้นจากความร้อนของเครื่องแวดล้อมภายนอกได้ เรียกว่าจะมีการรบราฆ่าฟันกันที่ไหน ข้าวของจะแพงเพียงไร ตนเองจะลำบากยากจนขนาดไหน ความผ่องใสในใจแม้เพียงพอสมควร ก็จะสามารถทำให้มีความสุขได้พอสมควรในท่ามกลางความทุกข์ความร้อนของเครื่องแวดล้อมทั้งหลายในโลกปัจจุบัน

                   ผู้ที่วุ่นวายเร่าร้อนกับสถานะของอะไร ๆ หลายอย่างในปัจจุบัน แม้หันมาลองดูความคิดความร้อนในใจตนแล้วหันเหความคิดที่เป็นเหตุแห่งความร้อนไปสู่ความเย็นเสีย ก็จะพ้นจากความเร่าร้อนวุ่นวายได้ ถ้าปล่อยใจให้คิดวนอยู่แต่ว่า เราจนของแพง เขาทำให้ของราคาสูง ที่คนอื่นทำไมไม่ลำบากเหมือนเรา เราทำดีทำไมจึงไม่ได้ดี อะไรทำนองนี้ ก็จะวนเวียนอยู่แต่ในทะเลแห่งความร้อน ถ้าเปลี่ยนความคิดเสียไปสู่ความเย็น เช่นคิดถึงพระเมตตาของพระพุทธเจ้าที่มากมายจนทำให้ช้างเมามันสยบลงเบื้องพระยุคลบาท แล้วคิดถึงเมตตาของเราเองว่าแม้เพียงจะทำไม่ให้ยุงสักตัวกัดก็ยังไม่สำเร็จ คิดแล้วก็พยายามมีมานะอบรมเมตตาดูในขณะนั้น ความเย็นก็จะเกิดได้แทนที่ความร้อน.