Print

แสงส่องใจ - ฉบับที่ ๓๗๒

 sungaracha

 sangharaja-section

๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า

 เทศนานิพนธ์

ใน

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

 

 

อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม

ตอนที่ ๓

 

 

กรรมดีเท่านั้น ช่วยให้พ้นมือแห่งกรรมร้าย

 

                ผู้ที่เกิดมาดีมีสุขสมบูรณ์ในภพชาตินี้ ก็มิใช่ว่าจะไม่มีมือแห่งอกุศลกรรมตามตะครุบอยู่ มีแน่ ทุกคนมีมือแห่งอกุศลกรรมตามตะครุบอยู่แน่ แต่ขณะเดียวกันทุกคนก็มีมือแห่งกุศลกรรมเป็นผู้ช่วยอยู่

 

                มือแห่งกุศลกรรมนั้น ถ้าจะเปรียบให้เห็นง่าย ๆ ก็ต้องเปรียบกับเท้า เมื่อมีมือผู้ร้ายติดตามตะครุบอยู่ จะหนีพ้นก็ต้องอาศัยเท้าพาวิ่ง ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

 

                   นั่นก็คือต้องทำบุญทำกุศล คุณงามความดีให้มากที่สุด ทำให้เต็มสติปัญญาความสามารถเสมอ ความดีเท่านั้นจะช่วยให้พ้นมือแห่งกรรมได้ แม้จะพ้นอย่างหวุดหวิดก็ต้องดีกว่าไม่พ้น

 

                ทุกคนมีมือแห่งอกุศลกรรมที่น่ากลัวที่สุดตามตะครุบอยู่ ไม่มีใครไม่มี และมีกันคนละไม่น้อยตัวด้วย เพราะทุกคนได้ผ่านภพชาติมาแล้วนับไม่ถ้วน ยาวนานนักหนา ทำอะไรต่อมิอะไรกันมาเสียนักต่อนัก ทั้งกรรมดีกรรมชั่วสลับซับซ้อนกันอยู่ และลืมกันเสียสิ้นแล้ว

 

                บางคนก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าได้เคยเกิดมาแล้วในอดีตชาติมากมายหลายชาติจนนับไม่ได้ จึงยิ่งไม่นึกเลยว่าได้เคยทำกรรมดีกรรมชั่วมาก่อนจะเกิดมาเป็นมนุษย์ในปัจจุบันชาตินี้ การไม่นึกนี้แหละจะทำให้ประมาท ไม่พยายามหนีผลแห่งกรรมไม่ดี เมื่อกรรมไม่ดีตามมาทันถึงตัว ก็จะใช้อำนาจที่ร้ายแรงอย่างไม่เมตตาปรานีเลย

 

 

 

ให้อภัยไม่ผูกเวร เป็นวิธีตัดกรรม

 

                   พระสำคัญองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพระดี พระสำคัญยิ่งคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม

 

                มีเรื่องเล่าถึงท่านว่า ครั้งหนึ่งพระในวัดของท่านตีเพื่อนพระด้วยกันจนหัวแตก ท่านชำระความด้วยการบอกพระที่เป็นเจ้าทุกข์ว่าเป็นฝ่ายผิด เพราะเป็นผู้ทำเขาก่อน

 

                เมื่อเป็นที่พิศวงสงสัยที่ท่านตัดสินเช่นนี้ ท่านก็อธิบายว่าพระองค์ที่ถูกตีหัวแตกในชาตินี้ ต้องตีพระอีกองค์มาก่อน ไม่ในชาติใดก็ชาติหนึ่ง ถ้าจะให้รับโทษที่ทำในชาตินี้ ก็จะไม่สิ้นสุดเวรกรรม ถ้าไม่ถือโทษความผิดในชาตินี้ ก็จะเป็นอันเลิกแล้วต่อกัน

 

                ท่านได้ถามความสมัครใจของพระองค์ที่ถูกตีหัวแตกว่าต้องการอย่างไร พระองค์นั้นก็ยินดียกโทษ ไม่เอาความ เป็นอันเลิกแล้วต่อกัน ท่านว่าจะได้ไม่มีการจองเวรกันต่อไป

 

                เรื่องนี้สมเด็จพระพุฒาจารย์ ท่านสอนเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรม ให้เห็นว่า เมื่อทำกรรมใดแล้ว จักต้องได้รับผลตอบแทนแน่ แม้ข้ามภพข้ามชาติ

 

                   ทำกรรมใด จักได้รับผลนั้น ผู้ใดทำ ผู้นั้นจักได้รับ ไม่ช้าก็เร็วต้องได้รับ และจะไม่จบสิ้น ถ้าไม่มีการเลิกผูกเวร แต่ถ้าเลิกผูกเวรก็จะจบสิ้นเพียงนั้น การให้อภัยด้วยใจจริง ในความผิดของผู้อื่นที่ทำต่อตน จึงเป็นความสำคัญ เป็นสิ่งที่ควรอบรมให้ยิ่ง

 

 

 

กว่ามาเป็นเราวันนี้ ล้วนมีภาพชาติมาในอดีต

 

                คนระลึกชาติได้ ทุกวันนี้ยังมีอยู่ บางคนก็ระลึกได้ตั้งแต่อายุน้อย พอพูดได้ก็บอกได้เป็นเรื่องเป็นราว ขอไปหาแม่เก่าพ่อเก่า ที่บ้านนั้นบ้านนี้ บางคนเห็นรูปใครบางคนก็สนใจมากมาย และบางรายก็บอกเล่าเรื่องอดีต เคยใกล้ชิดกับผู้นั้นผู้นี้ เคยเป็นทหารไปร่วมรบในอดีตกาลนานไกล

 

                ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ที่เด็กชายตัวเล็ก ๆ บางคนเล่าว่า เคยเป้นทหารร่วมรบด้วยกันกับสมเด็จพระบุรพบรมกษัตริยาธิราชเจ้าบางพระองค์ ทั้งที่เขายังเป็นเด็กชายไร้เดียงสา เขายังไม่ทันจะรู้ว่าพรมหากษัตริย์ของเขาพระองค์นั้นทรงเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ และเขาก็ยังบริสุทธิ์เกินกว่าจะแต่งเรื่องราวขึ้นหลอกลวงเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง

 

                ท่านพระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่ง ที่เป็นพระปฏิบัติ ท่านเดินป่าอยู่เป้นประจำในชีวิตของท่าน โดยมีเพื่อนปฏิบัติธรรมร่วมทางไปด้วยบ้างเป็นครั้งคราว เป็นที่รู้กันว่า เมื่อพบช้างในระหว่างทาง ท่านพระอาจารย์องค์นั้น ก็จะต้องเป้นผู้นำเจรจาปราศรัยกับช้าง ท่านจะพูดจากับช้างด้วยภาษามนุษย์ และใช้วาจาไพเราะอ่อนโยนยิ่งนัก เป็นที่เจริญหูเจริญใจ ช้างก็จะฟังท่านโดยดี

 

                   ท่านทำได้เช่นนี้โดยที่องค์อื่นทำไม่ได้เพราะอะไร น่าจะตั้งปัญหานี้ขึ้นมา สำหรับผู้ไม่ปฏิเสธว่า ผู้อยู่ในปัจจุบันชาตินั้นมีอดีตชาติ ย่อมจะคิดว่า ท่านพระอาจารย์องค์นั้น คงจะมีอะไรเกี่ยวกับช้างมาแล้วในอดีตชาติ และจะต้องเกี่ยวข้องอย่างสำคัญด้วย ในชาตินี้ท่านจึงสามารถพูดจากับช้างได้รู้เรื่อง และช้างก็ยินดีอ่อนให้กับท่านอย่างน่าอัศจรรย์

 

                นี้เป็นตัวอย่างที่แสดงความมีภพชาติในอดีตของคนและสัตว์ในปัจจุบันชาติ

 

 

 

อยากรู้อดีตตน ต้องฝึกฝนให้มีญาณพิเศษ

 

                การที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกจี้ถูกปล้านจนถึงชีวิต เป็นการต้องตายจากผู้เป็นที่รัก สิ่งที่รัก อย่างไม่รู้ตัว อย่างไม่อาจขอความช่วยเหลือจากผู้ใดได้

 

                ผู้นับถือพระพุทธศาสนารู้ว่า นั่นเป็นผลของกรรม ที่ต้องได้กระทำไว้แล้ว ในภพชาติใดภพชาติหนึ่ง ซึ่งปุถุชนคนไม่มีญาณพิเศษอาจรู้ชัดไม่ ว่าได้มีการทำกรรม อันเป็นอกุศลเหตุนั้นตั้งแต่เมื่อใด จะส่งผลเมื่อใด

 

                แต่ผู้ปฏิบัติธรรม จนสามารถมีความรู้พิเศษจะรู้ได้ และบางทีก็ได้แสดงให้รู้ล่วงหน้า เช่นที่พระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่งท่านได้ปรารภให้ได้ยินเนือง ๆ ว่า ในอดีตท่านเคยขับเกวียนทับเด็กตายโดนจงใจเจตนา ดังนั้น ท่านจะต้องได้รับผลของกรรมนั้น คือจะต้องถูกรถทับจนเสียชีวิตในภพชาตินี้ ท่านปรารภอยู่หลายปี และแล้ววันหนึ่ง ท่านก็เตรียมตัวออกเดินทางจากวัด เมื่อถูกทักท้วงว่า รุ่นขึ้นจะถึงวันที่ท่านได้รับอารธนาไปในการทำบุญที่บ้านหนึ่ง ท่านก็ตอบง่าย ๆ ตรงไปตรงมาว่า ถึงเวลาวันนั้นแหละถูกแล้ว ไม่มีผู้เข้าใจความหมายของท่าน และในวันนั้นเอง เมื่อออกไปพ้นวัดเพียงไม่นาน รถที่ท่านนั่งก็คว่ำทับร่างของท่านมรณภาพทันที ท่านมรณภาพองค์เดียว คนอื่นทุกคนปลอดภัย

 

                หลังกจากนั้นไม่กี่วันได้มีการทำศพท่าน ปรากฏว่าอัฐิของท่านที่ยังไม่ทันเย็นได้กลายเป็มณีสีสวยงามต่าง ๆ กัน ที่รู้จักกันในบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายว่า นั่นคือพระธาตุ นั่นคือเครื่องหมายแสดงความไกลกิเลสสิ้นเชิงแล้ว

 

                พระอาจารย์องค์นี้ ท่านไม่เพียงแสดงให้เห็นอำนาจของกรรมที่ผู้ใดได้ทำแล้วจักต้องได้รับผล แม้จะปฏิบัติธรรมสูงสุด ก็ยังหนีไม่พ้น ท่านยังแสดงให้เข้าใจด้วยว่า ทุกชีวิตผ่านภพชาติอดีตมาแล้ว และต้องผ่านมามากมายด้วยกันทั้งนั้น

 

 

 

ทำกุศลมาแต่อดีต ชีวิตชาตินึ้จึงมีบุญรักษา

 

                เป็นที่เห็นกันอยู่ว่า ทุกคนมีชีวิตที่ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ไม่มีสุขตลอดชีวิต ไม่มีทุกข์ตลอดชีวิต ไม่พบแต่สิ่งดีงามตลอดชีวิต ไม่พบแต่สิ่งชั่วร้ายตลอดชีวิต แต่ละคนพบอะไร ๆ ทั้งดีทั้งร้าย หนักบ้าง เบาบ้าง โดยที่บางทีก็ไม่เป็นที่เข้าใจว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

 

                เช่น บางคนเกิดในครอบครัวที่ต่ำต้อยลำบากยากจน พอเกิดได้ไม่นานเงินทองจำนวนมากก็เกิดขึ้นในครอบครัว เป็นลาภลอยของมารดาบิดาบ้าง เป็นความได้ช่องได้โอกาสธุรกิจการงานบ้าง ใคร ๆ ก็จะต้องพูดกันว่าลูกที่เกิดใหม่นั้นเป็นผู้มีบุญ ทำให้มารดาบิดามั่งมีศรีสุข

 

                ถ้าไม่คิดให้ดี ก็เหมือนจะเป็นการพูดไปเรื่อย ๆ ไม่มีมูลความจริง และทั้งผู้ฟังก็มักจะไม่ใส่ใจพิจารณาให้ได้ความรู้สึกลึกซึ้งจริงจัง

 

                แต่ถ้าพิจารณากันให้จริงจังด้วยคำนึงถึงเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรม ก็น่าจะเชื่อได้ว่า เด็กที่เกิดใหม่นั้น เป็นผู้มีบุญมาเกิด ผู้มีบุญคือผู้ที่ทำบุญทำกุศล ทำคุณงามความดีไว้มากในอดีตชาติ

 

                อันความเกิดขึ้นของผู้มีบุญนั้น ย่อมเกิดขึ้นพร้อมกับมีบุญห้อมล้อมรักษา แม้ชนกกรรม... กรรมนำให้เกิด จะนำให้เกิดลำบาก แต่เมื่อบุญที่ทำไว้มากกว่า กรรมไม่ดีที่นำให้ลำบาก ก็จะต้องถูกตัดรอนด้วยอำนาจกุศลกรรม คือ บุญอันยิ่งใหญ่กว่า

 

                ดังเช่นเกิดมามารดาบิดายากจน มือแห่งบุญก็จะต้องเอื้อมมาโอบอุ้ม ให้พ้นจากความยากจน ให้มั่งมีศรีสุขควรแก่บุญที่ได้ทำไว้

 

 

 

มือแห่งบุญหนุนให้สูง มือแห่งบาปสาปให้ตกต่ำ

 

                ผู้ที่เกิดมาในที่ลำบากยากจน แต่เมื่อมีบุญเก่าได้กระทำไว้มากมายเพียงพอ มือแห่งบุญก็จะเอื้อมมาโอบอุ้มให้พ้นความยากลำบากได้อย่างรวดเร็ว พ้นจากความยากจนได้ดังปาฏิหาริย์ ดังมีตัวอย่างให้เห็นอยู่เสมอ ๆ เช่น

 

                เด็กบางคนทำบุญทำกุศลไว้ดี แต่ชนกรรมนำให้เกิดกับมารดาบิดาที่ยากแค้นแสนสาหัส พอเกิดมารดาบิดาก็หาทางช่วยให้ลูกพ้นความเดือดร้อน นำไปวางไว้หน้าบ้านผู้มั่งมีศรีสุข ที่รู้กันว่าเป็นผู้มีเมตตา แล้วเด็กนั้นก็ได้เป็นสุขอยู่ในความโอบอุ้มของมือแห่งบุญ ควรแก่บุญที่ได้กระทำไว้

 

                แต่เด็กบางคนเกิดในที่ต่ำต้อยยากไร้ และเป็นผู้ที่มิได้ทำบุญ ทำกุศลมาในอดีตชาติเพียงพอ ย่อมไม่มีมือแห่งบุญมาโอบอุ้มให้พ้นความยากลำบาก แม้เมื่อมารดาบิดาจะพยายามเสี่ยงนำเขาไปวางไว้ในที่ที่หวังจะมีผู้ดีมีเงินมานำไปอุปการะเลี้ยงดู

 

                   ความไม่มีบุญทำไว้ก่อน ทำให้ไม่เป็นไปดังปรารถนาของผู้เป็นมารดาบิดา

 

                   เขาอาจจะถูกทิ้งอยู่ตรงที่ที่ถูกนำไปวางและสิ้นชีวิตไป ณ ที่นั้น อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย อาจจะทรมารด้วยความหนาวความร้อนความหิว โดยหาผู้ช่วยเหลือไม่ได้ และผู้เป็นมารดาก็อาจถูกจับได้รับโทษทางอาญา

 

                ทั้งสองกรณีนั้น ก็เป็นเรื่องอำนาจอันยิ่งใหญ่ของกรรมอย่างแท้จริง

 

 

 

ชีวิตนี้น้อยนัก ผู้มีปัญญาควรหาวิธีหนีกรรม

 

                   ชีวิตนี้น้อยนัก คือ ชีวิตในภพภูมิในชาตินี้ น้อยกว่าชีวิตที่ผ่านมาแล้วในอดีตชาติมากมายอย่างไม่อาจประมาณได้ถูกถ้วน

 

                   ผู้มีปัญญาเมื่อมมานึกถึงความจริงนี้ ย่อมไม่ประมาท ย่อมเห็นภัยที่จะตามมา เป็นภัยที่จักเกิดแก่กรรมทั้งหลาย ที่ได้ประกอบกระทำไว้ด้วยตนเองในอดีตชาติที่มากมายพ้นประมาณ

 

                   ผู้มีปัญญาย่อมพยายามหนีให้พ้น หนีให้กรรมไม่ดีตามไม่ทัน หรือไม่ก็พยายามสร้างกำลังที่จะเอาชนะความแรงของกรรมไม่ดีให้ได้ เพื่อไม่ต้องรับผลของกรรมไม่ดี ที่อาจร้ายแรงทำความชอกช้ำให้แก่ชีวิตที่ได้เป็นอันมาก

 

                ผู้ที่มุ่งแต่จะได้ในชาตินี้ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม เป็นการทำกรรมไม่ดีเป็นส่วนใหญ่ เท่ากับให้โอกาสกรรมไม่ดี ในอดีตชาติที่ได้สั่งสมไว้ ให้ตามมาส่งผลทันในชาตินี้ง่ายเข้า และส่งผลได้แรงเต็มที่ง่ายเข้า โดยไม่มีกรรมดีเพียงพอ จะช่วยยับยั้งหรือผ่อนคลายให้เบาลง

 

                ผู้ที่ได้รับอะไร ๆ ร้ายแรงต่าง ๆ เช่นเสียสติบ้าคลั่งอย่างไม่ทันที่จะรู้ตัว ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิต หรือไม่ก็เสียหมดทั้งครอบครัว หรือประสบความหายยะถึงสิ้นเนื้อประดาตัวต้องเศร้าโศกเสียใจจนขาดสติสัมปชัญญะ เป็นต้น

 

                ผลของกรรมไม่ดีเช่นนี้ แม่จะติดตามทุกคนผู้ทำเหตุแห่งกรรมไม่ดีนั้นอยู่ แต่ก็อาจจะไม่สามารถตามทัน แม้ผู้นั้นจะพยายามวิ่งหนีอยู่เต็มสติปัญญาความสามารถ

 

 

 

อุบายวิธีหนีกรรม

 

                   พลังสำคัญประการหนึ่ง ที่จะช่วยให้สามารถหนีพ้นมือแห่งกรรมไม่ดีที่ติดตามตะครุบอยู่ได้ และเป็นพลังที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ไม่ยาก คือ

 

 

 

การนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพุทโธ

 

นึกไว้ให้คุ้นเคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันใจ

 

 

 

                   สิ่งใดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็หมายถึงความจะไม่อาจแยกจากกันได้เลย ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม จะสุขจะทุกข์ จะเป็นจะตาย ใจก็จะมีพุทโธ พุทโธจะมีอยู่ในใจ

 

                กรรมดีก็ตาม กรรมไม่ดีก็ตาม เมื่อจะส่งผลจะต้องมีสื่อมีเครื่องมือ มีมือเป็นเครื่องนำให้ถึงผู้จะต้องรับผลแห่งกรรมนั้น ทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี เช่น คนเมาสุราขับรถพุ่งเข้าชน ผู้จะต้องรับผลแห่งกรรมก็จะถูกรถนั้นชนถึงตายหรือถึงพิการ หรือบาดเจ็บสาหัส ต้องเสียเงินทองรักษาพยาบาลมากมาย

 

                คนเมาสุราที่ขับรถพุ่งเข้าชน คือเครื่องมือแห่งกรรม ซึ่งมีสุราเป็นเรื่องบังคับให้พุ่งตรงจุดหมายได้ คือ ให้กรรมส่งผลได้สำเร็จ หรือที่เรียกว่า ให้กรรมตามทันได้

 

                แต่เมื่อผู้ที่กรรมนั้นตามอยู่ เป็นผู้ที่กำลังวิ่งหนีกรรมไม่ดีอยู่เต็มกำลัง ด้วยการทำความดีต่าง ๆ มีการท่อง พุทโธ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจ เป็นต้น พุทโธ อันเป็นยอดของความดี ก็จะเปรียบได้ดังพลังจิตอันแรงกล้าของนักสะกดจิต ที่จะสะกดผู้ขับรถซึ่งกำลังมึนเมาด้วยฤทธิ์สุราให้หยุดรถเสียทันที ก่อนจะทันพุ่งเข้าชนเป้าหมายที่กรรมตามอยู่ ความสวัสดี ย่อมมีแก่ผู้ที่กรรมกำลังติดตามอยู่นั้นได้อย่างเป็นที่น่าอัศจรรย์

 

 

 

จะหนีกรรมไม่ดี ให้มีพระอยู่ในใจ

 

                มือแห่งกรรมนั้นน่ากลัวนัก แลไม่เห็น แม้เมื่อมือนั้นกำลังเอื้อมาจะถึงชีวิตเราแล้วก็ตาม เราผู้ไม่มีญาณพิเศษก็หาอาจรู้อาจเห็นไม่ ใครก็อาจรู้อาจเห็นเพื่อช่วยเราได้ไม่

 

                ต่อเมื่อกรรมได้คว้าเอาชีวิตของเราไปแล้ว นั่นแหละจึงจะหวั่นไหวเศร้าโศกจึงจะพากันทำบุญกุศลอุทิศให้ ด้วยหวังให้เป็นการช่วยให้มีชีวิตใหม่ที่เป็นสุขสมบูรณ์ ที่ถูกนั้น ควรมั่นใจได้ว่า ทุกคนมีมือแห่งกรรมไขว่คว้าจะกำไว้ และนำไปทิศทางต่างกัน แล้วแต่กรรมที่ได้ทำแล้วต่าง ๆ กัน ทำกรรมดีไว้ มือแห่งกรรมจะนำไปสู่ที่ดี ทำกรรมไม่ดีไว้ มือแห่งกรรมก็จะนำไปสู่ที่ไม่ดี

 

                อย่างไรก็ตาม กรรมทางใจ คือ ความคิดทางใจ ก่อนจะตกอยู่ในอุ้งมือแห่งกรรมที่จะนำชีวิตไปนั้นสำคัญนัก กรรมนั้นจักนำไปเป็นแรงให้เสวยผลแห่งกรรมนั้นเป็นลำดับแรก

 

                ในยามที่ต่างก็กำลังวิ่งหนีกรรมไม่ดีอยู่นี้ ท่านจึงสอนให้มีพระอยู่ในใจ ให้คุ้นเคยกับพระ ด้วยการภาวนา พุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ ไว้ให้เสมอ ยามที่ต้องตกใจ หรือต้องทุกข์ทรมาน เพราะมือแห่งกรรมมากำชีวิตไว้ ก็จะมีพระอยู่ในใจตามความคุ้นเคย ที่ทำมาเป็นประจำแล้ว เป็นกรรมที่ดียิ่งทางใจ มือแห่งกรรมดี มีแต่จะพาไปดีเท่านั้น

 

                มีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ มีพุทโธอยู่ในใจ ถ้าไม่หมดอายุ โรคภัยไข้เจ็บ หรืออุบัติเหตุร้ายแรงเพียงไร ก็จะไม่สามารถทำลายชีวิตลงได้ ถ้าหมดอายุ ก็จะได้ไปสุคติ จึงควรนึกถึงพระพุทธเจ้า ภาวนาพุทโธไว้เสมอ

 

 

 

เจ้ากรรม นายเวร

 

                   เจ้ากรรมนายเวร คือ ผู้ที่ถูกทำร้ายก่อน และผูกอาฆาตจองเวร แม้ไม่อาฆาตจองเวร ก็ไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวร คือไม่เป็นผู้คิดร้าย ไม่ติดตามทำร้าย ให้เป็นการตอบสนอง ที่เรียกว่าแก้แค้น

 

                ผู้มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ ประกอบด้วยสัมมาสัญญา แม้จะไม่เห็นหน้าตาของเจ้ากรรมนายเวร แต่ย่อมไม่ประมาท ไม่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มี และย่อมไม่เห็นเป็นความเหลวไหลไม่มีเหตุผลที่ท่านสอนให้ทำบุญอุทิศท่านผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร เช่นเดียวกับท่านผู้เป็นบิดามารดาผู้มีพระคุณ

 

                อะไรที่ไม่มีทางเสียหาย มีแต่เป็นทางได้ หรือเสมอตัว ผู้มีปัญญาย่อมทำ ย่อมไม่ปฏิเสธเหตุที่ต่างมีภาพชาติมานับไม่ถ้วนในอดีต ต่างก็ทำกรรมทั้งดีและไม่ดีไว้นับไม่ถ้วนเช่นกันในภพชาติทั้งหลายนั้น เจ้ากรรมนายเวรที่ได้ไปก้ำเกินเบียดเบียนทำร้ายไว้ ก็ย่อมมีไม่น้อยเช่นกัน

 

                ชาตินี้แม้จะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเป็นใครต่อใครบ้าง แต่ก็พึงยอมรับว่า มีอยู่ทั้งภพภูมิที่พ้นความรู้เห็นของผู้ที่ไม่มีความสามารถ และทั้งในภพภูมิเดียวกับเราทั้งหลายนี้ด้วย ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและทั้งผู้มีพระคุณ

 

                เมื่อจะขอโทษท่านผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร ก็พึงทำเช่นเดียวกับเมื่อจะตอบแทนพระคุณท่านผู้มีพระคุณ คือ ทำบุญอุทิศกุศลด้วยตั้งใจจริงที่จะอุทิศให้แล้วตั้งใจบอกกล่าให้รับรู้ ให้ยอมรับความเจตนาจริงใจที่จะขอโทษและตอบแทน

 

                   การบอกกล่าวด้วยใจจริงเช่นนี้ ต่อผู้ไม่มีตัวตนปรากฏให้เห็น ไม่ใช่ความหลง ไม่ใช่ความไร้เหตุผล แต่เป็นความปฏิบัติที่ถูกต้อง และอาจจะพาพ้นมือแห่งกรรมไม่ดีที่ตามอยู่ได้

 

 (อ่านต่อฉบับหน้า)