Print

แสงส่องใจ - ฉบับที่ ๓๗๑

 sungaracha

 sangharaja-section

๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า

 เทศนานิพนธ์

ใน

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

 

 

อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม

ตอนที่ ๒

 

ไม่มีอำนาจใด ยิ่งใหญ่กว่าอำนาจกรรม

                   อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุดนโลก ไม่มีอำนาจใดทำลายล้างได้ แม้อำนาจของกรรมดีก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมชั่ว และอำนาจของกรรมชั่ว ก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมดี อย่างมากที่สุดมีอยู่ คือ อำนาจของกรรมดีแม้ให้มาก ให้สม่ำเสมอในภพภูมินี้ ก็อาจจะทำให้อำนาจของกรรมชั่วี่ได้ทำมาแล้วตามมาถึงได้ยากดังมีเครื่องขวางกั้นไว้

                   ดังท่านเปรียบว่า เหมือนวิ่งหนีผู้ร้ายที่วิ่งไล่ตามมา ถ้ามีกำลังแข็งแรง วิ่งเร็วกว่าผู้ร้าย ก็ย่อมยากที่ผู้ร้ายจะไล่ทัน ความแข็งแรงของผู้วิ่งหนีกรรมชั่วหาใช่อะไรอื่น คือ ความเข้มแข็งสม่ำเสมอของการทำกรรมดีนั่นเอง

 

อำนาจของกรรมนั้น ทั้งใหญ่ยิ่ง ทั้งล้ำลึก

ยากที่สามัญชนคนทั้งหลายจะเข้าใจได้ถูกแท้

แต่แม้ผู้ใดจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตาม

ย่อมไม่พ้นผลของกรรมที่ตนกระทำแล้วได้

ย่อต้องได้รับผลของกรรมที่ตนกระทำแล้ว

ทำกรรมดีใด จักได้ผลของกรรมดีนั้น ทำกรรมไม่ดีใด

จังได้รับผลของกรรมไม่ดีนั้นแน่อนเสมอไป

 

คู่เวร คู่กรรม

                ผลที่เกิดแต่กรรมใด ย่อมตรงกับกรรมี่เป็นเหตุแห่งผลนั้นเสมอ เช่น

มีอายุสั้น เพราะเบียดเบียนผู้อื่น

                   ความขี้โรค ย่อมเกิดแต่ความเบียดเบียน ความขี้โรค เป็นผลตรงกับกรรมที่เป็นเหตุ คือ ความเบียดเบียนทำให้เกิดความไม่เป็นสุข ความขี้โรค ก็เป็นความไม่เป็นสุข ผู้ทำเหตุ คือความเบียดเบียน ก็ย่อมได้รับผลเป็นผู้ขี้โรค ไม่มีความสุข ผลย่อมตรงต่อเหตุดังนี้

 

มีอายุยืน เพราะไม่เบียดเบียนใคร

                   ความมีอายุยืน มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ย่อมเกิดแต่ความไม่เบียดเบียน ความมีอายุยืน มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นผลที่ตรงกับกรรมที่เป็นเหตุ คือความไม่เบียดเบียน ความไม่เบียดเบียนเป็นการทำให้มีความสุข ความเจริญ ความมีอายุยืน มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ผลย่อมตรงต่อเหตุดังนี้

 

มีจิตเบิกบาน ผิวพรรณผ่องใส เพราะมีศีล

                ความมีหน้าตาเบิกบานแช่มชื่น ผิวพรรณผ่องใสงดงามย่อมเกิดแต่ความมีศีล ความมีหน้าตาเบิกบานแช่มชื่น ผิวพรรณผ่องใสงดงาม เป็นผลที่ตรงกับกรรมที่เป็นเหตุ คือความมีศีล ความมีศีล ทำให้มีจิตใจเบิกบาน แจ่มใส เป็นสุข ความมีหน้าตาเบิกบานแช่มชื่น ผิวพรรณผ่องใสงดงาม แสดงถึงความมีจิตใจเบิกบาน แจ่มใสเป็นสุข ผู้ทำเหตุคือความมีศีล ก็ย่อมได้รับผล เป็นผู้มีหน้าตาเบิกบาน แช่มชื่น ผิวพรรณผ่องใสงดงาม ผลย่อมตรงต่อเหตุดังนี้

 

มีจิตใจเศร้าหมอง ผิวพรรณไม่ผ่องใส เพราะไร้ศีล

                ความมีหน้าตาผิวพรรณเศร้าหมองไม่ผ่องใส ย่อมเกิดแต่ความไม่มีศีล ความมีหน้าตาผิวพรรณเศร้าหมองไม่ผ่องใส เป็นผลตรงกับกรรมที่เป็นเหตุคือความไม่มีศีล ความไม่มีศีล ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ไม่เบิกบานเป็นสุข ความมีหน้าตาผิวพรรณเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส แสดงถึงความมีจิตใจเศร้าหมอง ไม่เบิกบานเป็นสุข ผู้ทำเหตุคือความไม่มีศีล ก็ย่อมได้รับผล เป็นผู้มีหน้าตาผิวพรรณเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส่ ผลย่อมตรงต่อเหตุดังนี้

 

เกิดในชาติตระกูลดี เพราะมีความอ่อนน้อม

                ความได้เกิดในชาติตระกูลสูง ย่อมเกิดแต่ความอ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรได้รับความอ่อนน้อม ความได้เกิดในชาติตระกูลสูง เป็นผลที่ตรงกับกรรมที่เป็นเหตุ คือ ความอ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรได้รับความอ่อนน้อม ความอ่อนน้อม ต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อม ย่อมทำให้ได้เกิดในชาติตระกูลสูง ความได้เกิดในชาติตระกูลสูง จักทำให้ได้รับความอ่อนน้อม แตกต่างกับความเกิดในชาติตระกูลต่ำ ผลย่อมตรงต่อเหตุดังนี้

 

เกิดในชาติตระกูลต่ำศักดิ์ เพราะขาดหลักคือความอ่อนน้อม

                   ความได้เกิดในชาติตระกูลต่ำ ย่อมเกิดแต่ความไม่อ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรได้รับความอ่อนน้อม ความได้เกิดในชาติตระกูลต่ำ เป็นผลที่ตรงกับกรรมที่เป็นเหตุ คือความไม่อ่อนน้อมต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อม ความไม่อ่อนน้อมต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อม ย่อมทำให้เกิดในชาติตระกูลต่ำ ความได้เกิดในชาติตระกูลต่ำ จักทำให้ไม่ได้รับความอ่อนน้อม แตกต่างกับความเกิดในชาติตระกูลสูง ผลย่อมตรงต่อเหตุดังนี้

 

พรั่งพร้อมด้วยสมบัติ เพราะเป็นผู้รู้จักการให้

                ความพรั่งพร้อมด้วยสมบัติ ย่อมเกิดแต่ความบริจาค ความพรั่งพร้อมด้วยสมบัติ เป็นผลที่ตรงกับกรรมที่เป็นเหตุ คือความบริจาค ความบริจาคเป็นเหตุที่ผู้ทำจะได้ จะต้องมีความพอใจระดับหนึ่ง และมีความเมตตาระดับหนึ่ง ซึ่งนับเป็นสมบัติของใจ สมบัติของใจ คือ ความพอ และความเมตตากรุณา ที่ประกอบด้วยการสละบริจาคเป็นกรรมฝ่ายเหตุ มีความพร้อมด้วยสมบัติเป็นผล ผลย่อมตรงต่อเหตุดังนี้

 

ขาดแคลนยากไร้ เพราะไม่เคยให้ไว้ก่อน

                   ความขาดแคลน อันเกิดแต่ไม่มีการบริจาค คือ ไม่ได้ทำเหตุ คือการบริจาคที่จะให้เกิดผลเป็นความไม่ขาดแคลน ไม่ได้ทำเหตุที่จะให้ผลเป็นความพรั่งพร้อม แม้ทำเหตุแห่งความพรั่งพร้อมไม่ขาดแคลน ย่อมได้ผลเป็นความพรั่งพร้อม ไม่ขาดแคลน ผลย่อมตรงต่อเหตุดังนี้

 

 

กรรมที่ทำไป ยากแก้ไขให้กลับคืน

                อันกรรมหรือการกระทำนั้น แม้ได้กระทำลงไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยการพูด หรือการประกอบกระทำก็ตาม จักแก้กลับคืนไม่ได้ ทำแล้วก็เป็นอันทำแล้ว ผลย่อมเกิดตามมาอย่างแน่นอน ทำดีย่อมเกิดผลดี ทำไม่ดีย่อมเกิดผลไม่ดี

                ที่ชอบกล่าวกันพร่ำเพรื่อ ในยุคนี้สมัยนี้ว่า ทำดีไม่ได้ดี ทำไม่ดีกลับได้ดี นั้น แม้จะให้ถูกต้อง ควรจะต้องขยายความให้ยืดยาวออกไปด้วยว่า ทำดีไม่ได้ดี เพราะมีกรรมเก่าที่ไม่ดีกำลังส่งผล ทำไม่ดีกลับได้ดี เพราะมีกรรมเก่าที่ดีกำลังส่งผล

                กรรมนั้น เมื่อทำแล้ววันหนึ่งต้องให้ผล จนสามารถทำให้กรรมปัจจุบัน ต้องส่งผลช้าไปได้ คือกรรมดีในปัจจุบันไม่อาจส่งผลดีได้ทันที เมื่อมีผลของกรรมไม่ดีในอดีตแรงกว่า หรือกรรมไม่ดีในปัจจุบัน ไม่อาจส่งผลไม่ดีได้ในทันที เมื่อมีผลของกรรมดีในอดีตแรงกว่า

 

ทำกรรมไม่ดี เหมือนดื่มยาพิษร้ายทำลายตน

                กรรมนั้นให้ผลสัตย์ซื่อนัก เหมือนผลของยาพิษร้ายแรง กรรมนั้นเมื่อทำแล้ว ก็เหมือนดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าไปแล้ว จักไม่เกิดผลร้ายแก่ชีวิตและร่างกาย ย่อมไม่มี ย่อมเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นกรรมดีก็จักให้ผลดี ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จักให้ผลชั่ว

                จึงกล่าวได้ว่า ผลที่เป็นลาภยศสรรเสริญสุขนั้น มิใช่เป็นสิ่งที่ดีเสมอไป จะเป็นสิ่งที่ดีก็ต่อเมื่อได้มาเพราะการทำเหตุดี

                ถ้าได้มาเพราะการทำเหตุไม่ดี ลาภยศสรรเสริญสุขที่ได้มานั้นก็เป็นสิ่งไม่ดี ถ้าได้ลาภยศสรรเสริญสขมาเพราะการโกงกินหลอกลวง เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ว่าจะได้มามากมายใหญ่ยิ่งเพียงไหน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ดีไปไม่ได้

                ดังนั้น ผู้ที่กำลังเสวยผลของกรรมดีในอดีตชาติต่าง ๆ กัน เช่น ได้เกิดในตระกูลสูง สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีร่างกายแข็งแรงไม่ถูกเบียดเบียนด้วยโรคภัยไข้เจ็บ มีอายุยืนนาน มีหน้าตาผิวพรรณงามผ่องใส หรือมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด พึงน้อมใจเชื่อว่าเป็นผลแห่งกรรมดีที่ได้ประกอบกระทำไว้แล้วเป็นอันมากในอดีตชาติแน่นอน

                และแม้ปรารถนาจะเสวยผลของกรรมดีนั้นสืบต่อไปในอนาคต ทั้งในอนาคตชาติปัจจุบัน และทั้งในอนาคตของภพชาติเบื้องหน้า ที่พ้นจากภพชาติปัจจุบันไปแล้ว ก็พึงตั้งใจประกอบกรรมดีอันเป็นเหตุดีต่อไปให้มั่นคงสม่ำเสมอ

 

อำนาจกรรมเป็นเช่นนี้ ผู้มีปัญญาจึงกลัวกรรม

                   อดีตชาติของทุกคนมีมากมายนัก จึงได้ทำกรรมกันไว้มากมายนัก กุศลกรรมบ้าง อกุศลกรรมบ้าง ชีวิตในปัจจุบันจึงมีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง

                   คนมั่งมีเป็นมหาเศรษฐี ก็ด้วยอำนาจของกุศลกรรม คือการบริจาคช่วยเหลือเจือจุนผู้อื่น ที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติ

                แต่เมื่ออกุศลกรรม คือ การคดโกงเบียดเบียนทรัพย์สินให้ผู้อื่นเดือดร้อนที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติตามมาส่งผล และเป็นผลที่แรงกว่ากำลังกุศลที่กำลังเสวยผลอยู่ อกุศลกรรมก็จะตัดรอนกุศลกรรม ส่งผลไม่ดีของอกุศลกรรมให้เกิดแทน

                ความมั่งมีก็จะกลับเป็นความไม่มี เงินทองของมีค่าก็จะสูญหายหมดไป อกุศลกรรมแรงมาก ก็จะสามารถทำให้มหาเศรษฐีสิ้นเนื้อประดาตัวได้ กำลังเป็นสุขก็จะกลับเป็นทุกข์เดือดร้อน

                อำนาจของกรรมเป็นเช่นนี้จริง ผู้มีปัญญาจึงกลัวกรรมยิ่งกว่ากลัวอะไรอื่น กลัวเพราะรู้ว่า เมื่อทำกรรมไม่ดีไว้แล้ว ต้องได้รับผลไม่ดี และเมื่อถึงเวลาที่กรรมส่งผลไม่ดีมากถึงตัวแล้ว แม้ตั้งแต่เกิดมาในชาตินี้ จะไม่เคยทำกรรมไม่ดีเช่นนี้ ก็จะต้องได้รับผลไม่ดีที่อาจจะทำให้พิศวงสงสัยจนถึงขั้นมาก จนคนเกิดมิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด คือเห็นไปว่าทำดีไม่ได้ดี ซึ่งความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ทำดีต้องได้รับผลดีเสมอ ทำไม่ดีจึงจะได้รับผลไม่ดี

 

แม้ชีวิตในชาติปัจจุบัน ยังก่อกรรมกันมากมาย

                   เพียงในชาติปัจจุบันนี้เท่านั้น มีอายุกันอย่างมาก ก้เพียงแค่ร้อยปีเท่านั้น ทุกคนทุกสัตว์ก็ทำอะไร ๆ ที่เป็นกรรมแล้วมากมายนับไม่ถ้วน เป็นกรรมดี คือ กุศลกรรมบ้าง เป็นกรรมชั่ว คือ อกุศลกรรมบ้าง เพียงทำในชาติเดียวก็มากมายจริง ๆ แล้วเมื่อได้ทำมานับภพนับชาติไม่ถ้วนจะมากมายเพียงไหน

                   ขณะที่มาเป็นอยู่ในภพนี้ชาตินี้ ได้ละภพชาติในอดีตที่ทำกรมไว้เบื้องหลังมากนักหนา กรรมดี กรรมชั่วอาจไม่เสมอกัน บางคนกรรมดีอาจมากกว่า ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ทำกรรมไม่ดีที่ทสำคัญนักหนาเช่นนี้ ย่อมได้เสวยผลตามเหตุ คือ ในภพชาตินี้ย่อมประสบส่วนดีน้อยกว่าส่วนไม่ดี

                ส่วนผู้ที่ทำกรรมดีมาก คือ ในภพชาตินี้ย่อมประสบส่วนดีมากกว่าส่วนไม่ดี ดังมีตัวอย่างให้พบเห็นอยู่ทั่วไปทุกวันนี้

                เมื่อกรรมดีจะส่งผล ก็ไม่มีอะไรหรือผู้ใดจะกีดกั้นยับยั้งได้ กรรมไม่ดีแรงกว่าเท่านั้นที่จะกีดกั้นขัดขวางได้ ไม่ให้กรรมดีส่งผล แต่ถ้ากรรมดีแรงกว่ากรรมไม่ดี กรรมดีก็ต้องส่งผลจนได้ กรรมไม่ดีหาอาจขัดขวางได้ไม่ อะไร ๆ ก็หาอาจขัดขวางได้ไม่

                เมื่อกรรมไม่ดีส่งผล ก็ไม่มีอะไรหรือผู้ใดจะกีดกั้นยับยั้งได้ กรรมดีที่แรงกว่าเท่านั้นที่กีดกั้นขัดขวางได้ ไม่ให้กรรมไม่ดีส่งผล แต่ถ้ากรรมไม่ดีแรงกว่ากรรมดี กรรมไม่ดีก็ต้องส่งผลจนได้ กรรมดีหรือะไร ๆ ก็หาอาจขัดขวางได้ไม่

 

คิดถึงอดีตชาติ อาจทำให้กลัวกรรมยิ่งขึ้น

                   ก่อนจะมาเป็นเราแต่ละคนในภูมิมนุษย์นี้ ต่างก็ได้เป็นอะไรต่อมิอะไรมาแล้วมากมาย นับชนิดนับชาติไม่ได้ เป็นกันทั้งเทวดา สัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก รวมทั้งมนุษย์ชายหญิง คนมี คนจน คนสวย คนไม่สวย คนพิการ คนไม่พิการ อายุสั้น อายุยาว ขาวดำ ไทยจีน แขกฝรั่ง ต่างเคยมีเคยเป็นกันมาแล้วทั้งนั้น แม้ถ้าเป็นผู้ระลึกชาติได้ก็จะสลดสังเวชยิ่งนัก และก็อาจจะสละวางความโลภ ความโกรธ ความหลงได้เป็นอันมาก

                เห็นสุนัขขี้เรื้อนสักตัวแล้วลองนึกว่า ครั้งหนึ่งเราก็คงเคยเป็นเช่นเดียวกัน เคยเที่ยวกระเซอะกระเซิงหาอาหารกิน ถูกคนตี ถูกสุนัขด้วยกันกัด ถูกใครทั้งหลายที่ได้มาประสบพบผ่านแสดงกิริยาวาจารังเกียจเกลียดชัง เอาก้อนอิฐก้อนหินทุ่มขว้างใส่ ให้ต้องถึงเลือดตกยางออก ตกใจกลัวภัยนานา แต่จะบอกกล่าวอ้อนวอนให้ผู้ใดเห็นใจก็ทำไม่ได้ อย่างมากก็เพียงเปล่งเสียงโหยหวนที่หามีผู้เข้าใจในความทุกข์ร้อนไม่

                แม้นึกไปในอดีตเช่นนี้ สมมติตัวเองว่าในภพาชาติหนึ่งเป็นเช่นนี้ นึกให้จริงจังเช่นนี้ จะเกิดความกลัวกรรม เพราะย่อมเข้าใจได้ว่า กรรมไม่ดีแน่แท้ที่ทำให้ชีวิตต้องเป็นเช่นนั้น

                อย่าเป็นผู้ปฏิเสธในเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรมอย่างปราศจากเหตุผล คือ อย่าปฏิเสธดื้อ ๆ ว่าใครจะเคยเกิดเป็นอะไรมาก่อนก็ตาม ก็ไม่ใช่เรา เราไม่เคยเกิดเป้นเช่นนั้นแน่ คนจะเกิดมาเป็นสัตว์ไม่ได้ สัตว์ก็จะเกิดเป็นคนไม่ได้ ไม่มีเหตุผล เป็นความเชื่อที่ปราศจากเหตุผล

                   เป็นคนสมัยใหม่แล้วเชื่ออย่างนั้นไม่ได้ เพื่อความไม่ประมาท จงอย่าปฏิเสธโดยไม่รู้จริงเช่นนี้ เพราะวันหนึ่งจะหนีไม่พ้นผลที่น่ากลัวของกรรม

 

ทุกชีวิตล้วนมีกรรมติดตามมาให้ผล

                   ลองนึกภาพของรถบรรทุกขนาดใหญ่ กำลังแล่นไล่ทับเราอยู่ ขณะเดียวกันก็มีรถบรรทุกแก้วแหวนเงินทองคันใหญ่ กำลังแล่นตามเพื่อจะยกแก้วแหวนเงินทองนั้นให้เราด้วย รถทั้งสองคันนั้นกำลังขับแซงกันอย่างรวดเร็ว ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม นึกถึงภาพนี้แล้วก็นึกในใจตนเองว่า ยังมีใจต้องการแก้วแหวนเงินทองหรือยังมีใจอยากได้อะไรอีกหรือ ในเมื่อรถล่าชีวิตกำลังขับตะบึงติดตามมาอย่างมุ่งมาดปรารถนาตัวเราเป็นเป้าหมาย

                กรรมดีและกรรมไม่ดีกำลังตามส่งผลแก่ทุกคนแน่นอน เปรียบผลไม่ดีนั้นดังรถบรรทุกที่กำลังตะบึงไล่เราอยู่จริง ๆ ที่ยังไม่ทันบดขยี้เรา ก็เพราะกรรมปัจจุบันของเราอาจจะมีแรงพาเราหนีได้ทัน จะอย่างหวุดหวิดเสียวไส้เพียงไร เราผู้ไม่มีตาพิเศษก็หารู้ไม่ กรรมดีเท่านั้นที่เป็นแรงพาเราวิ่งหนีกรรมไม่ดี ที่กำลังส่งผลติดตามเราอยู่ขณะนี้

                เปรียบกรรมไม่ดีดังมือมาร ที่ใหญ่โตมโหฬาร ทรงพลังมากมาย มือนั้นกำลังเอื้อมมาที่จะตะปบเรา เพื่อลากเข้าไปขยี้ให้แหลกเหลว หวุดหวิดจะจับปลายผมเราได้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน แต่เราก็ยังพ้นอยู่ได้เพราะความบังเอิญ

                   คือ เพราะบังเอิญได้ทำกรรมดีไว้มากพอ เป็นกำลังให้หลบหนีพ้นมือมารไปได้ มีความสวัสดีอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว

                แต่ใช่ว่ามือมารนั้นจะหยุดตามตะครุบเราก็หาไม่ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี กี่ภพ กี่ชาติ มือมารจะติดตามตะครุบเราอย่างไม่ท้อแท้ เหน็ดเหนื่อย คว้าผิดคว้าถูกก็จะตามคว้าไม่ลดละ ถ้าปรากฏเป็นภาพก็จะเป็นภาพที่น่ากลัวที่สุด

 

กรรมตัดกรรม

                   เด็กที่ยังไร้เดียงสา เพิ่งจะลืมตาเห็นโลก เคยถูกนำไปฆ่าด้วยความเข้าใจผิด ที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ทั้งมารดาผู้รักลูกเป็นชีวิตจิตใจแทบเป็นบ้า ทำให้ผู้ที่นำไปฆ่าเพราะเข้าใจผิดต้องได้รับโทษหนัก ได้รับทั้งอาญาบ้านเมืองและทั้งความโกรธแค้นชิงชังของผู้คนมากมาย เรื่องนี้ชี้ชัดให้เห็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของกรรม แม้ไม่นำกรรมมาร่วมพิจารณา ก็จะเข้าใจไม่ได้เลยว่าเรื่องเช่นนี้เกิดได้อย่างไร

                เด็กคนหนึ่งถูกมุ่งร้าย แต่เด็กคนนั้นกลับอยู่รอดปลอดภัย เด็กอีกคนหนึ่งเป็นที่ห่วงใยทะนุถนอมดังแก้วตาดวงใจ แต่กลับถูกทำลายตายไป ทั้งสองยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เพิ่งมีเวลาเห็นโลกไม่กี่วัน มือของกรรมนำเด็กที่มิได้เป็นที่มุ่งร้ายในปัจจุบัน ไปสู่อำนาจแห่งกรรมในอดีต ที่ต้องได้กระทำไว้แน่นอนในชาติใดชาติหนึ่งในอดีต ที่พ้นความรู้เห็นของปุถุชนทั้งหลาย แต่หาได้พ้นความรู้เห็นของท่านผู้พ้นแล้วจากความเป็นปุถุชน

                กรณีที่มีเด็กถูกฆ่าผิดตัวนั้น เด็กตายแล้ว พ้นจากความเข้าใจของคนทั้งหลาย ว่าเด็กนั้นไปได้สุขได้ทุกข์อยู่ในภพภูมิใด แต่เขาก็ได้เป็นอีกหนึ่งกรณีที่เตือนใจอย่างแรงให้กลัวกรรม

                ดังนั้น เมื่อกรรมจะให้ผล คือ เมื่อกรรมตามมาทัน ก็ไม่มีอะไรจะยับยั้งได้ นอกจากกรรมด้วยกัน คือ เมื่ออกุศลกรรมตามทันก็ต้องอกุศลกรรมที่ใหญ่ยิ่งกว่าเท่านั้น ที่จะตัดรอนอกุศลกรรมได้ ช่วยให้สวัสดีไปได้ครั้งหนึ่ง คราวหนึ่ง

 

ทุกชีวิตล้วนตกในอุ้งมือกรรม

                   เรื่องเด็กคนหนึ่งถูกมุ่งร้ายให้ถึงตาย แต่เด็กอีกคนหนึ่งที่เป็นความรักสุดจิตใจของพ่อแม่กลับต้องตายแทน

                แม่คนหนึ่งที่เป็นฆาตกรต้องรับอาญาแผ่นดิน มีชีวิตที่ทรมานในที่คุมขัง

                แม่คนหนึ่งที่ต้องสูญเสียลูกรักเพียงชีวิต เพราะถูกเอาไปฆ่าผิดตัวต้องเศร้าโศกสุดแสนไปนานนัก

                เด็กคนที่รอดตายอย่างอัศจรรย์ทั้งที่ตนนั้นถูกมุ่งร้าย คงเป็นที่รังเกียจของคนจำนวนไม่น้อย ว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหญิงใจอำมหิต

                ดูผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ทั้งหมด ๔ ชีวิต จะเห็นได้ชัดแจ้งว่า

กรรมมีอำนาจใหญ่ยิ่งนัก

ทุกชีวิตถูกอกุศลกรรมตามทันแน่

และเมื่อไม่มีกุศลกรรมความดีเพียงพอ

จะตัดรอนอกุศลกรรมให้ทันเวลาได้เ

จึงประสบความทุกข์เดือดร้อนแสนสาหัสไปตามกัน

                 นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พึงรอบคอบพิจารณาด้วยปัญญาของผู้นับถือพระพุทธศาสนา ให้เห็นความน่ากลัวของกรรม ให้เห็นความน่าสลดสังเวช เมื่อผู้ใดผู้หนึ่งต้องตกอยู่ในอุ้งมือที่แรงร้ายแห่งกรรม

                และตัวเราเอง ก็มีมือแห่งกรรม ตามตะครุบอยู่เหมือนกัน ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา ก็พึงใช้ปัญญาให้เห็นได้ด้วยใจ และพยายามหนีให้เต็มสติปัญญา อย่าให้ถึงวันที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง คือวันที่ต้องตกอยู่ในอุ้งมือแข็งแกร่งแห่งกรรมร้ายเลย

 

 

 (อ่านต่อฉบับหน้า)