Print

แสงส่องใจ - ฉบับที่ ๓๗๐

 sungaracha

 sangharaja-section

๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า

 เทศนานิพนธ์

ใน

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

 

อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม

 

อำนาจกรรมทำให้คนดีหรือชั่ว

               คำว่า “กรรม” ในพระพุทธศาสนา เป็นคำที่มีความหมายเป็นกลาง หมายถึง การกระทำ ไม่เจาะจงบ่งบอกว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี อันเป็นกรรมที่ไม่ดี เป็นบาปกรรม หรือเป็นอกุศลกรรม และไม่เจาะจงบ่งบอกเป็นการกระทำที่ดี อันเป็นกรรมดี เป็นบุญกรรม หรือเป็นกุศลกรรม

               แต่คำว่า “กรรม” นั้น โดยทั่วไปใช้ในความหมายว่า ความไม่ดี เช่นเดียวกับบาปกรรม และอกุศลกรรม จึงเท่ากับทั่วไปใช้คำว่า “กรรม” เป็นคำย่อของกรรมไม่ดี คือ บาปกรรม หรืออกุศลกรรม

               พระพุทธศาสนามีสุภาษิตว่า

“วโส อิสฺสริยํ โลเก
อำนาจเป็นใหญ่ในโลก”

                   ในบรรดาอำนาจทั้งปวดในโลก อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุด และไม่มีอำนาจใดเสมออำนาจกรรมกรรมดี มีอำนาจในทางดี กรรมไม่ดีมีอำนาจในทางไม่ดี

               คนดี มีอำนาจในทางดี ผู้ทำกรรมดี จึงมีอำนาจในทางดี ย่อมใช้อำนาจนั้นก่อความร่วมเย็นเป็นสุข ให้เกิดทั้งแก่ตนเอง ให้เกิดทั้งแก่ผู้อื่น

               คนไม่ดี มีอำนาจในทางไม่ดี ผู้ทำกรรมไม่ดี จึงมีอำนาจในทางไม่ดี ย่อมใช้อำนาจนั้นก่อความทุกข์ความร้อน ให้เกิดทั้งแก่ตนเอง ให้เกิดทั้งแก่ผู้อื่น

 

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามอำนาจกรรม

                         ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นมากมายว่า ทำไมโลกทุกวันนี้จึงร้อนนัก เต็มไปด้วยความเลวร้ายต่าง ๆ นานา ที่ไม่เคยมีมาก่อน

                   ทั้งมรสุมใหญ่ ทั้งน้ำไฟทำลาย ทั้งโจรร้ายเข่นฆ่า ทั้งความเมตตากรุณาสิ้นจากจิตใจ ทั้งความขาดแคลนทุกข์ยากทั่วไปทั้งแผ่นดิน ความกตัญญูก็สิ้นสูญหมด ลูกหลายทรยสแม่พ่อพี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายาย ถึงทุบตีเข่นฆ่าทารุณกรรม ครูอาจารย์ก็ทำร้ายได้ทั้งร่างกายและจิตใจน้อย ๆ ทำชีวิตให้พลายสิ้นสุด จนเกิดเป็นปัญหาว่า

                   ทำไมเมืองพระพุทธศาสนาจึงเป็นเช่นนี้ ?

                   ทำไมความเดือดร้อนชั่วร้ายจึงมากมายนัก ?

                   ทำไมผู้คนจึงลำบากยากแค้นนัก ตกอยู่ในสภาพที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงนัก

“กมฺมุนา วตฺตี โลโก

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

                   นี่คือคำตอบ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เป็นคำในพระพุทธศาสนสุภาษิต มีความหมายว่า

               คนและสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปต่าง ๆ นานา ทุกข์ก็มี สุขก็มี ดีก็มี ชั่วก็มี มิได้เกิดแต่ผู้ใดอื่น มิได้เกิดแต่อะไรอื่น มิใช่เกิดแต่เหตุใดทั้งนั้น นอกจากกรรมที่ตนได้กระทำแล้วนั้นเอง


ไม่เห็นด้วยตา พาให้ไม่กลัวกรรม

                         สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แม้จะเป็นจริงเช่นนี้ แต่มีผู้ที่เชื่อว่าเป็นจริงเพียงจำนวนน้อยนัก เพราะไม่มีภาพให้เห็นว่าเมื่อชีวิตที่ออกจากร่างของคนคนหนึ่งไป ก็ไปเป็นอีกร่างหนึ่งได้ เช่น หมูหมา กาไก่

               ความไม่ได้เห็นชัด ๆ ด้วยตาเนื้อเช่นนี้ ทำให้คนส่วนมากยากที่จะเชื่อว่าคนก็เกิดเป็นสัตว์ได้ สัตว์ก็เกิดเป็นคนได้ คนฐานะสูงก็เกิดเป็นคนฐานะต่ำได้ คนฐานะต่ำก็เกิดเป็นคนฐานะสูงได้ คนร่างกายดี ๆ ก็เกิดเป็นคนแขนด้วนขาด้วนได้ คนพิการแขนด้วนขาด้วนก็เกิดเป็นคนมีแขนมีขาได้ คนหน้าตาหน้าเกลียดผิวพรรณเศร้าหมองก็เกิดเป็นคนสวยคนงามได้ คนสวยคนงามก็เกิดเป็นคนน่าเกลียดน่าชัง ผิวพรรณเศร้าหมองได้ ยิ่งกว่านั้นก็เกิดเป็นเทวดาได้ เทวดาก็เกิดเป็นคนได้

               ความไม่เห็นด้วยตาเนื้อ ประกอบกับความไม่มีความเข้าใจในเรื่องกรรม การให้ผลของกรรม ทำให้คนส่วนมากไม่กลัวการเกิดใหม่ ว่าจะนำไปสู่สภาพ หรือภพชาติที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เช่น เป็นสัตว์นรก

               ดังนั้น ใจจึงสำคัญที่สุด ใจต้องคิดไปก่อน เป็นมโนกรรม กรรมทางใจ อะไร ๆ จึงจะเป็นผลตามมา จะดีหรือจะชั่ว ก็แล้วแต่ใจจะคิดดีหรือคิดชั่ว

               ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องกรรมที่เกิดจากการคิด เป็นผู้ที่น่าสงสารที่สุด เพราะเขามีโอกาสที่จะตกอยู่ในสภาพที่เลวร้าย น่าสลดสังเวชยิ่งนัก สภาพที่เกิดแต่ใจคิดนำไปนั้น เกิดได้ทั้งในภพชาติปัจจุบันนี้ ตลอดไปจนถึงภพชาติข้างหน้า

 

กรรมสงสัยได้ แต่ใจต้องกลัวจริง

               ใครเล่าที่จะระลึกได้ว่าได้ทำกรรมใดไว้ในอดีต นึกไม่ได้ทั้งนั้นทั้งกรรมดีกรรมชั่ว จะมาระลึกรู้กันบ้างก็เมื่อตืองประสบผลของกรรมแล้ว

               บางคนจึงจะสงสัยว่า นั่นคงเป็นผลของกรรมชั่ว เพราะทำให้เคราะห์ร้ายเดือดเนื้อร้อนใจ

               บางคนจึงสงสัยว่า นั่นคงเป็นผลของกรรมดี เพราะทำให้ได้รับโชคดี มีความสุขกายสบายใจ

               การที่มารู้ มาสงสัย ในเรื่องการให้ผลของกรรมเช่นนี้ เป็นการดี เท่ากับเป็นการแสดงว่า มีความเชื่อในเรื่องกรรมอยู่ในใจ แม้จะยังไม่ปฏิบัติจริงจังให้เป็นการแสดงความกลัวกรรม อันสมควรกลัวอย่างยิ่ง

               ที่ปากพูดกันอยู่ว่า กรรมไม่ดี น่ากลัวนั้น ถ้าทำให้ความรู้สึกน่ากลัวเกิดขึ้นในใจได้จริง และไม่เพียงให้รู้สึกว่า กรรมไม่ดีน่ากลัวเท่านั้น ต้องให้กลัวกรรมไม่ดีจริงๆ ด้วย จึงจะเกิดผลเป็นคุณแก่ตน

               ถ้าสักแต่ปากพูดไป ใจไม่จริงดังปาก หามีประโยชน์แก่ตนไม่ แต่อาจจะมีประโยชน์แก่ผู้ได้รับฟัง ที่นำไปคิด พิจารณา และเกิดความรู้สึกกลัวกรรมไม่ดีขึ้นอย่างจริงใจ

 

กรรมที่ทำลงไป ส่งผลให้อย่างแน่นอน

               การส่งผลของกรรมดีและกรรมไม่ดีนั้น ข้ามภพข้ามชาติได้ กรรมในอดีตชาติส่งผลมาทันในปัจจุบันชาติก็มี ไปส่งถึงในอนาคตชาติก็มี แล้วแต่ว่าผู้ทำกรรมจะสามารถหนีได้ไกลเท่าไหร่หรือหนีได้นานแค่ไหน นั่นก็คือแล้วแต่ว่าในปัจจุบันชาติ ผู้ทำกรรมแล้วในอดีตจะสามารถในการทำจิตใจ ทำบุญกุศล ทำความดีได้มากเพียงใด เป็นกรรมที่ใหญ่ยิ่งหนักหนากว่ากรรมไม่ดีหรือไม่

               การให้ผลของกรรม ก็เช่นเดียวกับการตกจากที่สูงของวัตถุ สิ่งใดหนักกว่า เมื่อตกลงจากที่เดียวกันในเวลาใกล้เคียงกัน สิ่งนั้นย่อมตกถึงพื้นก่อน

               เปรียบดังกรรมสองอย่าง คือ กรรมดี และกรรมไม่ดี กระทำในเวลาใกล้เคียงกัน กรรมที่หนักกว่า ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี หรือกรรมไม่ดีก็ตาม ย่อมส่งผลก่อน กรรมที่เบากว่า ย่อมส่งผลทีหลัง

               และย่อมส่งผลทั้งสองแน่นอน ไม่เร็วก็ช้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ไม่ชาติหน้าก็ชาติต่อ ๆ ไป ต่อไป ต่อไป อาจจะอีกหลายภาพชาติก็ได้

               ที่เป็นดังนี้ เพราะกรรมไม่ใช่สิ่งที่จะลบเลือนได้ด้วยกาลเวลา นานเพียงไร กรรมก็ยังให้ผลอยู่เสมอ กรรมจึงมีอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวง

 

กรรมให้ผลตรงตามเหตุ

               กรรมนั้น น่าเชื่อถือนักในการให้ผลตรงตามเหตุ ไม่มีอคติด้วยอำนาจได้เลย แม้เกิดอยู่ในฐานะที่สุขสบาย ก็มิใช่ว่าไม่จำเป็นต้องนึกถึงกรรม มิใช่ว่าไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อกรรม สุขสบายเพียงไรก็จำเป็นต้องนึกถึงกรรม

               ถ้าไม่ได้ทำกรรมดีอันควรแก่เหตุแล้ว จะอยู่ในฐานะสุขสบายได้อย่างไร ใครอื่นอีกมากมายหาได้อยู่ในฐานะเช่นนั้น อดอยากยากไร้เข็ญใจกันนักหนา ทำไมเป็นได้เช่นนั้น มีอะไรเป็นเครื่องมือทำให้เป็นไป

               แม้ไม่ต้องคิดในเรื่องเช่นนี้เสียเลย ย่อมไม่อาจอบรมปัญญาให้เห็นถูกเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรมได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญแก่ทุกชีวิตที่ปารรถนาความสวัสดี

               คนก็ตาม สัตว์ก็ตาม เกิดด้วยอำนาจของกรรม กรรมนำให้เป็นคน และนำให้เป็นสัตว์

                   เชื่อไว้ก่อนย่อมมีโอกาสที่จะพ้นจากความเป็นสัตว์ เพราะเมื่อเชื่อว่ากรรมมีอำนาจถึงเพียงนั้น ก็ย่อมขวนขวายทำกรรมที่จะไม่นำให้ต้องไปเป็นสัตว์

               ไม่มีใครที่ไม่กลัวความเป็นสัตว์ และมีโอกาสที่จะได้เกิดเป็นสัตว์แน่ในภพภูมิข้างหน้า แม้บังเอิญไปทำกรรมที่จะทำให้เกิดผลเช่นนั้น โดยรู้หรือไม่รู้ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม พลาดพลั้งไปทำกรรมผิดเข้า ก็จะไม่อาจปฏิเสธผลของกรรมได้เลย

 

โอกาสพ้นกรรมมีได้ ถ้าใช้ปัญญาไตร่ตรอง

               ผลของกรรม ย่อมเป็นไปตรงตามกรรมอันเป็นส่วนของเหตุที่ได้กระทำแล้ว คือผลดีย่อมเกิดแต่เหตุดี ผลไม่ดีย่อมเกิดแต่เหตุไม่ดี

               พระพุทธองค์ทรงแสดงความจริงนี้ ที่แม้เห็นได้ยาก แต่ก็เป็นความจริงที่เที่ยงแท้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ จะมีผู้เข้าใจหรือไม่ จะเข้าใจผิดถูกอย่างไรก็ตาม ความจริงนี้ ย่อมเป็นจริงตลอด ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว

               แต่โอกาสมีอยู่เสมอ สำหรรับที่จะพิจารณาให้เกิดปัญญารู้ตามพระปัญญาในเรื่องของกรรมและการให้ผลของกรรม ทุกลมหายใจเข้าออก

               ดังนั้น จงพิจารณาเรื่องของกรรมให้ได้ด้วยกันทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร เพียงแต่ทำใจให้สงบพอสมควรก่อน เพื่อเหมาะแก่การน้อมไปใช้พิจารณาให้เกิดผล ให้เป็นความรู้ของตน มิใช่ความรู้ของพระพุทธองค์ ที่ตนเพียงจดจำไว้เท่านั้น เพราะความรู้ของผู้อื่นนั้น แม้จดจำไว้อย่างมิได้รู้มิได้เข้าใจจริงด้วยตนเอง ความรู้นั้นก็ยังมิใช่ปัญญาของตน

               ฉะนั้น เห็นอะไร ได้ยินอะไร อย่าสักแต่ว่าได้ยิน อย่าสักแต่ว่ารู้เช่นที่ได้เห็น อย่าสักแต่ว่ารู้เช่นที่ได้ยิน อันมิใช่ปัญญา เห็นแล้วต้องให้เป็นปัญญา ได้ยินแล้วต้องให้เป็นปัญญา มากน้อยก็ต้องให้เกิดปัญญาขึ้นมาบ้าง

                   คือ เห็นอะไรแล้วก็ต้องคิด ได้ยินอะไรแล้วก็ต้องคิด คิดให้ดี คิดให้มีเหตุผล ด้วยใจที่สงบ คิดเนือง ๆ

 

คนไม่ดี ไม่มีใครปรารถนาอยากเป็น

                   ผู้ทำไม่ดีประการต่าง ๆ ด้วยกาย วาจา อันเนื่องจากใจที่ไม่ดีของเขานั้น แท้จริงแล้ว ผู้มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาพอสมควร ประกอบด้วยความเชื่อในเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรม ไม่น่าจะมีผู้ใดปรารถนาเป็นคนไม่ดี

               แต่ทำไมจึงมีคนไม่ดีมากมาย ทั้ง ๆ ที่มิได้ปรารถนา คิดให้เข้าใจในเรื่องของกรรมจะรู้ชัดว่า กรรมที่ผู้คนนั้นทำไว้ในอดีตได้ติดตามห้อมล้อมจิตของเขามาให้ปรากฏเป็นผลในปัจจุบัน ทั้งที่ในปัจจุบันเขาก็มิได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

                   และหาเข้าใจเรื่องของกรรมบ้างแล้ว เขาจะกลัวไปถึงชาติในอนาคต เขาจะพยายามไม่ทำกรรมไม่ดี เพราะเข็ดกลัวผลของกรรมที่ทำให้เขาต้องเป็นคนไม่ดีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่เขาไม่ปรารถนาเลย

               เป็นผู้ใหญ่ก็อย่าทำกรรมไม่ดี เป็นเด็กหรือเป็นหนุ่มสาวก็อย่าทำกรรมไม่ดี แม้รักตัวเองก็อย่าทำกรรมไม่ดี จงทำแต่กรรมดี หรือแม้รักพ่อแม่พี่น้องลูกหลาน ก็อย่าทำกรรมไม่ดี ผลไม่ดีที่ผู้ทำได้รับนั้น จะทำให้บรรดาผู้ที่รักตนพลอยกระทบกระเทือนไปด้วย

 

ทำกรรมไม่ดี ผู้เป็นที่รักพลอยได้รับผลร้าย

               ลองนึกถึงในตนเอง เมื่อเห็นผู้ที่ตนรักทำความไม่ดี แม้ผลไม่ดียังไม่ทันปรากฏชัด ตนก็ไม่สบายใจ ยิ่งเมื่อได้ผลร้ายเกิดขึ้นสนองผู้ทำกรรม เราผู้มีความผูกพันกับเขา ก็ย่อมเหมือนพลอยได้รับผลร้ายด้วย

               ดังนั้น แม้ไม่รักตนเอง ก่อนจะทำอไร ก็ควรนึกถึงใครทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องมีผู้ที่เป็นที่รักอยู่ด้วย

               ถ้าเราทำกรรมไม่ดี ได้รับผลไม่ดี ผู้ที่รักเรา และผู้ที่เรารัก ก็จะต้องพลอยได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจไปด้วยอย่างไม่ยุติธรม เพราะมิได้เป็นผู้ทำกรรมไม่ดีด้วย แต่ต้องพลอยได้รับผลไม่ดีเพราะความผูกพัน

               ฉะนั้น จะทำความไม่ดีใด ๆ ก็น่าจะนึกถึงบรรดาผู้ที่มีความผูกพันกับเราบ้าง อาจจะช่วยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในการหลีกเลี่ยงการทำกรรมไม่ดี

                   ก่อนจะทำกรรมใด ๆ แม้หยุดยั้งตั้งสติ คิดให้ดีว่ากรรมนั้นดีหรือไม่ดี ก็จะทำให้ไม่ทำกรรมไม่ดีอย่างเต็มใจ อย่างสบายใจ แต่จะมีเวลายับยั้งชั่งใจอันเป็นความสำคัญ ควรจะทำให้เป็นความเคยชินด้วยกันทุกคน

 

เห็นผู้อื่นรับกรรม ต้องวางใจให้กลัวกรรม

                   ทุกวันนี้มีข่าวฆ่าฟันกันอย่างทารุณโหดเหี้ยมมิได้เว้นแต่ละวัน พบแล้ว เห็นแล้ว ก็ให้นึกถึงกรรม เคยฆ่าเขามาก็ถูกเขาตามมาฆ่า คนละภพคนละชาติ ข้ามภาพข้ามชาติแล้วกยังตามกันมาได้ มาส่งผลได้

               เรื่องกรรมเป็นเช่นนี้ จึงน่ากลัวกรรมนัก พึงกลัวกรรมนัก ไม่พึงคิดว่า การเชื่อว่าการฆ่าฟัน ตามล้างตามผลาญกัน เป็นเรื่องกรรมนั้น เป็นความเชื่อที่เหลวไหล ไม่มีเหตุผล

               การถูกฆ่าของเด็กไร้เดียงสาหาความผิดไม่ได้ ซึ่งปรากฏขึ้นบ่อยๆ ในยุคนี้ น่าจะทำให้ความเชื่อในเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมหนักแน่นขึ้น ทำไมต้องเป็นเด็กคนนั้นที่ถูกฆ่าทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน อยู่ดี ๆ มีความสุข ก็ปุบปับถูกนำไปประหัตประหาร

               ในฐานะเป็นผู้ดู จงดูด้วยความรู้สึกกลัวกรรม ไม่ควรดูด้วยความรู้สึกอาฆาตขุ่นเคือง เพราะจะไม่เป็นคุณแก่จิตใจตนเอง มีแต่จะเป็นโทษ รู้แล้วปลงลง นี่แหละอำนาจของกรรมยิ่งใหญ่นัก พึงกลัวนัก

 

คิดให้ดี ผลกรรมนี้ไม่มีใครหนีพ้น

               แม้ในฐานะเป็นผู้ดู มิใช่ผู้พลอยได้รับความเดือดร้อนทนทุกข์ทรมานด้วย ถ้าไม่สามารถทำใจอบรมใจให้เข้าใจเรื่องของกรรมและการให้ผลของกรรมได้แล้ว เมื่อตนต้องเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยในเหตุการณ์อันร้ายแรง ก็ย่อมยากที่จะช่วยใจตนเองให้พ้นจากความร้อนได้

               เรื่องร้ายแรงที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เกิดขึ้นอยู่มากมาย ทุกวันทุกคืน แม้จะอยู่ในบ้านเรือนตนสมัยนี้ก็สามารถรับรู้ได้ เห็นได้ ได้ยินได้ พึงถือโอกาสอบรมใจตนเองให้เชื่อในเรื่องของกรรม

               กรรมน่ากลัวเพียงไร จงคิดให้ดี เมื่อกรรมมาถึง หนีได้หรือไม่ คนดีในชีวิตนี้ มิใช่ว่าจะไม่เคยทำกรรมไม่ดีมาก่อนในอดีตชาติ ดังนั้นจึงปรากฏบ่อยๆ ว่า คนดีแสนดีต้องได้รับความทุกข์หนักหนา ด้วยโรคภัยไข้เจ็บบ้าง ด้วยความไม่สมหวังในเรื่องใหญ่โตสำคัญแก่จิตใจบ้าง เป็นเหตุให้ต้องเศร้าหมองทรมานอย่างยิ่ง

 

คุณและโทษของกรรมดี-ชั่ว ปรากฏตัวในการวางใจรับผล

               เมื่อเราได้รู้ได้เห็นอย่าพิศวงสงสัย อย่าได้คิดผิดว่า คนทำดีไม่ได้ดี แต่จงวางใจให้ถูก ให้เป็นประโยชน์แก่ตน วางใจลงในกรรมที่สลับซับซ้อนยิ่งนัก ยากที่จักเข้าใจ แต่ก็ไม่ยากที่จะเชื่อไว้ก่อน อะไรที่เชื่อไว้ก่อนแล้วไม่มีโทษมีแต่คุณ ผู้มีปัญญาแม้พอสมควรย่อมไม่ดื้อปฏิเสธ

 การรับผลของกรรมชั่วนั้นสำคัญมาก

สำคัญทั้งการรับผของกรรมชั่ว และผลของกรรมดี

ไม่สำคัญแต่เพียงการรับผลของกรรมชั่วเท่านั้น

การรับผลของกรรมดีก็สำคัญ

                    การรับผลของกรรมดีนั้น ถ้ารับไม่ถูกก็มีโทษร้ายแรงแก่จิตใจ น่าจะรุนแรงกว่าการรับผลของกรรมชั่วอย่าไม่ถูกวิธีเสียอีก

               ผู้ทำกรรมดีไว้เป็นบารมี สั่งให้ชาตินี้สมบูรณ์พร้อม แม้รับผลแห่งกรรมดีหรือผลของบารมีไม่ถูก ผลเสียที่จะตามมาคือความหลงตน อันความหลงตนนั้นจะพาความหลงอีกมากมายให้ตามมา เป็นโทษมหันต์นัก

               ผลของกรรมดี ผลของกรรมชั่ว มีทั้งคุณและมีทั้งโทษอยู่ในตัว คุณหรือโทษจะปรากฏตามการวางใจรับผลนั้น

                   ผลของกรรมดีที่เกิดแก่ผู้ใดก็ตาม แม้ผู้นั้นวางใจรับไม่ถูก ไม่ประกอบด้วยปัญญา ผลดีก็จะไม่สมบูรณ์ ทั้งผลร้ายก็จะต้องตามมา

 

วิธีวางใจให้รับผลของกรรมดีอย่างถูกต้อง

                   ผู้ได้รับผลของกรรมดี คือ การได้ประสบโลกธรรมฝ่ายดี คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขนั่นเอง ต้องรับให้ดี ต้องรับให้ถูก

 วิธีทำใจให้รับโลกธรรมอย่างถูกต้องที่สุดคือ

ให้คิดว่า ลาภก็ตาม ยศก็ตาม สรรเสริญก็ตาม

สุขก็ตาม ล้วนอยู่ในลักษณะของไตรลักษณ์

คือ ไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลง

และไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการ

                   ดังนั้น หากได้รับผลดีของกรรมดี คือ ได้ประสบโลกธรรมฝ่ายดีเมื่อไร เมื่อนั้น จงคิดถึงไตรลักษณ์ให้ทันที จะได้รับผลดีของกรรมดีที่ดียิ่งกว่าผลดีนั้น

               การคิดถึงไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยว ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวน เปลี่ยนแปลง และไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการ คือการทำความดีทางใจ เป็นมโนกรรมที่ดี จึงย่อมได้รับผลเป็นความดีตรงตามเหตุที่ได้กระทำ

               ที่จริงมโนกรรม กรรมทางใจ คือ คิดดีนั้น แม้ตั้งใจจริงที่จะทำ ก็น่าจะทำง่ายกว่า ทางวาจา เพราะเรื่องของความคิด เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของเราอย่างแท้จริง ไม่เกี่ยวกับผู้ใดหรืออะไรเลย ความคิดอยู่กับเราจริง ๆ ไม่มีผู้ใดอาจล่วงล้ำก้ำเกินไปบังคับบัญชาได้

 

วิธีวางใจให้รับผลของกรรมชั่วอย่างถูกต้อง

                   ได้รัรบผลของกรรมชั่ว คือได้ประสบโลกธรรมฝ่ายไม่ดี ก็ควรต้องทำใจรับให้ถูก เช่นเดียวกับการทำใจรับโลกธรรมฝ่ายดีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะปล่อยใจให้ตกอยู่ในอำนาจของความทุกข์ ความเศร้าเสียใจ หรือความโกรธแค้อาฆาตพยาบาท

 การรับผลไม่ดีของกรรมไม่ดี ด้วยวิธีคิด
เช่นเดียวกับเมื่อได้รับผลดีของกรรมดี คือ

คิดถึงไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง

เป็นทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลง

และไม่เป้นไปตามความปรารถนาต้องการของผู้ใดทั้งสิ้น
ทุกข์แล้วก็สุข เป็นธรรมดา

               ทั้งผลของกรรมดีและผลของกรรมชั่ว ล้วนมีลักษณะสาม คือไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลง ไม่เป้นไปตามความปรารถนาต้องการของผุ้ใด

               กล่าวอีกอย่างก็คือ ทั้งผลของกรรมดี และผลของกรรมชั่วนั้น เมื่อเกิดแล้วก็ต้องดับ ไม่มีที่จะยั่งยืนอยู่ได้ตลอดไป สิ่งทั้งปวงเกิดแล้วต้องดับ คือมีลักษณะสามมีลักษณะเป็นไตรลักษณ์

               โลกธรรมฝ่ายดี คือผลของกรรมดีก็เช่นกัน เกิดแล้วต้องดับ โลกธรรมฝ่ายไม่ดี คือผลของกรรมไม่ดีเช่นกัน เกิดแล้วก็ต้องดับ เมื่อรู้เช่นนี้ตามเป็นจริงแล้ว ก็ถึงละความยึดมั่นในผลของกรรมที่ได้ประสบอยู่ ไม่ว่าจะเมื่อประสบผลดีหรือเมื่อได้ประสบผลชั่วก็ตาม

 

 (อ่านต่อฉบับหน้า)