Print

แสงส่องใจ - ฉบับที่ ๓๕๖

 sungaracha

 sangharaja-section

๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า

 เทศนานิพนธ์

ใน

สมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก

เล่ม ๔
(พรรษาที่ ๑๐ – พรรษาที่ ๑๒)

 พรรษาที่ ๑๑

 

เรื่องนางวิสาขามิคารมาตา1

                   ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครพาราณสีตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จพระพุทธดำเนินไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จพระพุทธดำเนินผ่านระยะทางโดยลำดับ ถึงพระนครสาวัตถี ทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถีนั้น ครั้งนั้น นางวิสาขามิคารมาตาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถวายบังคมแล้วนั่งลง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้นางผู้นั่งเรียบร้อยแล้วเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถานางอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว จึงได้กราบทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ จงทรงพระกรุณาโปรดรับภัตตาหารของหม่อมฉัน เพื่อเจริญบุญกุศลและปีติปราโมทย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับอาราธนาด้วยดุษณีภาพ ครั้นนางทราบการรับอาราธนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าทำประทักษิณกลับไป ครั้นผ่านราตรีนั้นไป ฝนตั้งเค้าขึ้นในทวีปทั้ง ๔ ตกลงมาห่าใหญ่

                   ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ฝนตกในเชตวันฉันใด ตกในทวีปทั้ง ๔ ก็ฉันนั้น พวกเธอจงสรงสนานกายกันเถิด เพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฝนห่าใหญ่ตั้งเค้าขึ้นในทวีปทั้ง ๔ ภิกษุเหล่านั้นรับพระพุทธบัญชา แล้วพากันเปลื้องผ้าสรงสนานกายอยู่

                   ครั้งนั้น นางวิสาขามิคารมาตาสั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของบริโภคอันประณีต แล้วสั่งทาสีว่า ไปเถิดแม่ เจ้าจงไปอาราม แล้วแจ้งภัตกาลว่า ถึงเวลาแล้ว ภัตตาหารเสร็จแล้ว ทาสีทั้งหลายรับคำแล้วไปวัด ได้เห็นภิกษุเปลื้องผ้าสรงสนานกาย ครั้นแล้วเข้าใจผิดคิดว่า ในอารามไม่มีภิกษุ มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานอยู่ จึงกลับไปบ้าน แจ้งความแก่นางวิสาขามิคารมาตาว่า ภิกษุไม่มีในอาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่ นางวิสาขามิคารมาตาเป็นสตรีฉลาด เฉียบแหลม มีปัญญา รู้ได้ทันทีว่า พระคุณเจ้าทั้งหลายคงพากันเปลื้องผ้าสรงสนานกายเป็นแน่ นางคนนี้เขลาจึงสำคัญว่า ไม่มีภิกษุในอารามมีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่ จึงสั่งสาวใช้ว่า จงไปอาราม แล้วแจ้งภัตกาลว่า ถึงเวลาแล้ว ภัตตาหารเสร็จแล้ว

                   ครั้นเวลาต่อมา ภิกษุเหล่านั้นทำตัวให้เย็น มีกายงาม ต่างถือจีวรเข้าไปสู่ที่อยู่ตามเดิม ทาสีนั้นไปถึงวัดไม่เห็นภิกษุทั้งหลาย จึงเข้าใจผิดคิดว่า ไม่มีภิกษุในอาราม อารามว่างเปล่า จึงกลับไปบ้าน แล้วแจ้งความนั้นแก่นางวิสาขามิคารมาตาว่า ไม่มีภิกษุในอาราม อารามว่างเปล่า นางวิสาขามิคารมาตาเป็นสตรีฉลาด เฉียบแหลม มีปัญญา รู้ได้ทันทีว่า พระคุณเจ้าทั้งหลายคงทำตัวให้เย็น มีกายงาม ต่างถือจีวรเข้าไปสู่ที่อยู่ตามเดิมเป็นแน่นางคนนี้เขลา จึงสำคัญว่า ไม่มีภิกษุในอาราม อารามว่างเปล่า แล้วสั่งสาวใช้อีกว่า เจ้าจงไปอาราม แล้วแจ้งภัตกาลว่า ถึงเวลาแล้ว ภัตตาหารเสร็จแล้ว

                   ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า พวกเธอจงเตรียมบาตรจีวร ถึงเวลาภัตตาหารแล้ว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระพุทธบัญชา

                   ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองอันตรวาสก ถือบาตรจีวร เสด็จหายไปในพระเชตวัน มาปรากฏที่ซุ้มประตูบ้านนางวิสาขามิคารมาตาดุจบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น พระองค์ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ที่เขาปูลาดถวาย พร้อมด้วยพระสงฆ์ ขณะนั้นนางวิสาขามิคารมาตากล่าวว่า ชาวเราผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริงหนอ ชาวเราผู้เจริญประหลาดจริงหนอ พระตถาคตชื่อว่ามีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เพราะเมื่อห้วยน้ำไหลนองไปเพียงเข่าบ้าง เพียงสะเอวบ้าง เท้าหรือจีวรของภิกษุแม้รูปหนึ่งก็ไม่ได้เปียกน้ำ ดั่งนี้แล้ว ร่าเริงเบิกบานใจ อังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต ด้วยมือของตน ยังพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสวยเสร็จแล้ว จนทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตรให้ห้ามภัตรแล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า หม่อมฉันทูลขอพร ประการต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ตถาคตเลิกให้พรเสียแล้ว นางวิสาขากราบทูลว่าหม่อมฉันทูลขอประทานพรที่สมควรและไม่มีโทษ ตรัสว่า จงบอกมาเถิดวิสาขา นางวิสาขากราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า สำหรับพระสงฆ์ หม่อมฉันตั้งใจจะถวายผ้าวัสสิกสาฎกคือผ้าอาบน้ำฝน จักถวายภัตเพื่อพระอาคันตุกะจักถวายภัตเพื่อพระที่เตรียมจะไป จักถวายภัตเพื่อพระอาพาธ จักถวายภัตเพื่อพระที่พยาบาลพระอาพาธ จักถวายเภสัชสำหรับพระอาพาธ จักถวายยาคูประจำ และสำหรับภิกษุณีสงฆ์ หม่อมฉันปรารถนาจักถวายอุทกสาฎกจนตลอดชีพ

                   พระพุทธเจ้าตรัสว่า ก็เธอเห็นประโยชน์อะไรจึงขอพร ประการต่อตถาคต นางวิสาขากราบทูลว่า วันนี้หม่อมฉันสั่งทาสีว่า ไปเถิดแม่ทาสีเจ้าจงไปอาราม แล้วบอกภัตกาลว่า ภัตตาหารเสร็จแล้ว และนางทาสีก็ไปวัดได้เห็นภิกษุทั้งหลายเปลื้องผ้าสรงสนานกายอยู่ เข้าใจผิดคิดว่าไม่มีภิกษุในอาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่ จึงกลับมาบ้าน แล้วรายงานแก่หม่อมฉันว่า ไม่มีภิกษุในอาราม มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานกายอยู่ ความเปลือยกายไม่งาม น่าเกลียดน่าชัง หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายผ้าวัสสิกสาฎกคือผ้าอาบน้ำฝน แก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ

                   อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระอาคันตุกะไม่ชำ นาญหนทาง ไม่รู้จักที่โคจรย่อมเที่ยวบิณฑบาตลำบาก ท่านฉันอาคันตุกภัตของหม่อมฉัน พอชำนาญหนทาง รู้จักที่โคจร จักเที่ยวบิณฑบาตได้ไม่ลำบาก หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายอาคันตุกภัต แก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ

                   อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระผู้เตรียมตัวจะไป มัวแสวงหาภัตตาหารเพื่อตนอยู่ จักพลาดจากหมู่เกวียน หรือจักถึงสถานที่ๆ ตนต้องการจะไปอยู่เมื่อพลบค่ำจึงเดินทางลำบาก ท่านฉันคมิกภัตหรือภัตเพื่อภิกษุผู้ดำเนินทางไปของหม่อมฉันแล้ว จักไม่พลาดจากหมู่เกวียน หรือถึงสถานที่ๆ ตนต้องการจะไปอยู่ไม่พลบค่ำ จักเดินทางไม่ลำบาก หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้จึงปรารถนาจะถวายคมิกภัตคือภัตสำหรับผู้เตรียมตัวไป แก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ

                 อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก เมื่อพระผู้อาพาธไม่มีโภชนาหารอันเป็นสัปปายะอาพาธกำเริบ หรือท่านจักถึงมรณภาพ เมื่อท่านฉันคิลานภัตของหม่อมฉันอาพาธจักทุเลา ท่านจักไม่ถึงมรณภาพ หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานภัตคือภัตสำหรับพระอาพาธ แก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ

                    อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระผู้พยาบาลพระอาพาธ มักแสวงหาภัตตาหารเพื่อตน จักนำภัตตาหารไปถวายพระอาพาธจนสาย ตนเองจะอดอาหาร ท่านได้ฉันคิลานุปัฏฐากภัตคือภัตสำหรับภิกษุผู้อุปัฏฐากภิกษุไข้ของหม่อมฉันแล้ว จักนำภัตตาหารไปถวายพระอาพาธตามเวลา ตนเองก็จักไม่อดอาหารหม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานุปัฏฐากภัตคือภัตสำหรับภิกษุผู้อุปัฏฐากพระไข้ แก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ

                    อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก เมื่อพระอาพาธไม่ได้เภสัชอันเป็นสัปปายะ อาพาธจักกำเริบ หรือจักถึงมรณภาพ เมื่อท่านฉันคิลานเภสัชคือยาแก้ไข้ของหม่อมฉันแล้ว อาพาธจักทุเลา ท่านจักไม่มรณภาพ หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานเภสัชคือยาแก้ไข้ แก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ

                   อนึ่ง ข้ออื่นยังมีอีก พระองค์ทรงเห็นอานิสงส์ ๑๐ ประการ ได้ทรงอนุญาตยาคูไว้แล้ว ที่เมืองอันธกวินทะ หม่อมฉันเห็นอานิสงส์ตามที่พระองค์ตรัสไว้ จึงปรารถนาจะถวายยาคูแก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ

             ภิกษุณีทั้งหลายเปลือยกายอาบน้ำร่วมท่ากับหญิงแพศยา ณ แม่น้ำอจิรวดี หญิงแพศยาเหล่านั้นได้พากันเย้ยหยันภิกษุณีว่า พวกท่านกำลังสาวประพฤติพรหมจรรย์ได้ประโยชน์อะไร ควรบริโภคกามไม่ใช่หรือ ประพฤติพรหมจรรย์ต่อเมื่อแก่เฒ่า ดั่งนี้จักเป็นอันพวกท่านยึดส่วนทั้ง ๒ ไว้ได้ ภิกษุณีเหล่านั้นถูกหญิงแพศยาเหล่านั้นเย้ยหยันอยู่ ได้เป็นผู้เก้อ ความเปลือยกายของมาตุคามไม่งาม น่าเกลียด น่าชัง หม่อมฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายผ้าอุทกสาฎก แก่ภิกษุณีสงฆ์จนตลอดชีพ

                   พระพุทธเจ้าตรัสว่า ก็เธอเห็นอานิสงส์อะไร จึงขอพร ประการต่อตถาคต นางวิสาขากราบทูลว่า ภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ จำพรรษาในทิศทั้งหลายแล้ว จักมาพระนครสาวัตถีเพื่อเฝ้าพระองค์ แล้วจักทูลถามว่า ภิกษุมีชื่อนี้ถึงมรณภาพแล้ว ท่านมีคติอย่างไร มีภพหน้าอย่างไร พระองค์จะทรงพยากรณ์ภิกษุนั้นในโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตตผล หม่อมฉันจักเข้าไปหาภิกษุพวกนั้น แล้วเรียนถามว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นเคยมาพระนครสาวัตถีไหมเจ้าข้า ถ้าท่านเหล่านั้นจะตอบแก่หม่อมฉันว่าภิกษุนั้นเคยมาพระนครสาวัตถี หม่อมฉันจักถึงความตกลงใจในการมาของพระคุณเจ้ารูปนั้นว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นคงใช้สอยผ้าวัสสิกสาฎกคือผ้าอาบน้ำฝน คงฉันอาคันตุกภัตคือภัตสำหรับพระที่เป็นอาคันตุกะจรมา คมิกภัตคือภัตสำหรับผู้ที่เตรียมจะเดินทางไป คิลานภัตคือภัตสำหรับภิกษุไข้ คิลานุปัฏฐากภัตคือภัตสำหรับผู้เป็นอุปัฏฐากพระไข้ คิลานเภสัช ยาแก้ไข้ หรือยาคูประจำเป็นแน่ เมื่อหม่อมฉันระลึกถึงกุศลนั้นอยู่ ความปลื้มใจจักบังเกิด เมื่อหม่อมฉันปลื้มใจแล้ว ความอิ่มใจจักบังเกิด เมื่อมีใจอิ่มเอิบแล้ว กายจักสงบ เมื่อมีกายสงบแล้ว จักเสวยสุข เมื่อมีความสุข จิตจักตั้งมั่น เป็นอันหม่อมฉันได้อบรมอินทรีย์ อบรมพละ อบรมโพชฌงค์นั้น หม่อมฉันเห็นอานิสงส์นี้ จึงขอประทานพร ประการต่อพระองค์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ดีละๆ วิสาขา ดีแท้ วิสาขา เธอเห็นอานิสงส์นี้ จึงขอพร ประการต่อตถาคต เราอนุญาตพร ประการต่อเธอ

                   ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนานางวิสาขามิคารมาตาด้วยคาถาเหล่านี้ ว่าดั่งนี้ “สตรีใดให้ข้าวและน้ำมีใจเบิกบานแล้ว สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นสาวิกาของพระสุคต ครอบงำความตระหนี่แล้ว บริจาคทานอันเป็นเหตุแห่งสวรรค์ เป็นเครื่องบรรเทาความโศก นำมาซึ่งความสุข สตรีนั้นอาศัยมรรคปฏิบัติปราศจากธุลี ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วใจ ย่อมได้กำลังและอายุเป็นทิพย์ สตรีผู้ประสงค์บุญนั้นเป็นคนมีสุข สมบูรณ์ด้วยอนามัย ย่อมปลื้มใจในสวรรค์สิ้นกาลนาน

พระพุทธานุญาตผ้าวัสสิกสาฎกเป็นต้น

                   ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนานางวิสาขามิคารมาตาด้วยพระคาถาเหล่านี้แล้ว เสด็จลุกจากที่ประทับกลับไป ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า เราอนุญาตผ้าวัสสิกสาฎกคือผ้าอาบน้ำฝน อาคันตุกภัตคือภัตตาหารสำหรับพระที่เป็นอาคันตุกะจรมา คมิกภัตคือภัตตาหารสำหรับพระที่เตรียมจะไป คิลานภัตคือภัตสำหรับภิกษุไข้ คิลานุปัฏฐากภัตคือภัตสำหรับพระอุปัฏฐากภิกษุไข้ คิลานเภสัชคือยาสำหรับแก้ไข้ ยาคูประจำ อนุญาตผ้าอุทกสาฎกคือผ้าอาบน้ำสำหรับภิกษุณีสงฆ์

 


จากหนังสือ ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า เล่ม ๔
หน้า ๑๐๕ - ๑๑๑