แสงส่องใจ - ฉบับที่ ๓๒๙
๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า
เทศนานิพนธ์
ใน
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
เล่ม ๓
(พรรษาที่ ๘ – พรรษาที่ ๙)
พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงที่กรุงโกสัมพี (ต่อ)
กัมโมชสูตร ว่าด้วยมาตุคามเป็นที่ตั้ง
พระพุทธเจ้าเมื่อประทับอยู่ ณ โฆสิตาราม กรุงโกสัมพี ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้ากราบทูลถามว่า อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้มาตุคามคือสตรีภาพไม่นั่งในสภา ไม่ประกอบการงานใหญ่ ไม่ได้ไปนอกเมือง พระพุทธเจ้าตรัสว่า เพราะมาตุคาม ๑. เป็นผู้มักโกรธ ๒. เป็นผู้มักริษยา ๓. เป็นผู้มักตระหนี่ ๔. เป็นผู้ทรามปัญญา นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้มาตุคามไม่นั่งในสภา ไม่ประกอบการงานใหญ่ ไม่ได้ไปนอกเมือง
คำว่า มาตุคาม ได้แก่สตรีภาพหรือสตรี พระพุทธภาษิตนี้ยกเอาเหตุปัจจัยทั้ง ๔ นี้เป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้น จึงถึงความสันนิษฐานได้ว่า เหตุปัจจัยทั้ง ๔ นี้เป็นสำคัญ คือเมื่อเป็นผู้มักโกรธ เป็นผู้มักริษยา เป็นผู้มักตระหนี่ เป็นผู้ทรามปัญญา ก็จะไม่ได้เข้านั่งในสภา ไม่ประกอบการงานใหญ่ ไม่ได้ไปนอกเมือง แต่ถ้าไม่ประกอบด้วยเหตุปัจจัยทั้ง ๔ ประการนี้ ก็จะได้เข้านั่งในสภา ได้ประกอบการใหญ่ ได้ไปนอกเมือง เหตุปัจจัยทั้ง ๔ นี้จึงเป็นสาธารณเหตุ คือเหตุทั่วไป สาธารณปัจจัย ปัจจัยทั่วไป ได้ทั้งสตรี ได้ทั้งบุรุษ
ปาณาติปาตสูตร ว่าด้วยธรรมทำให้เกิดในนรกสวรรค์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำตัวไปโยนทิ้งฉะนั้น ธรรม ๔ ประการ คือ
๑. บุคคลเป็นผู้ทำปาณาติบาตโดยปกติ
๒. ทำอทินนาทานโดยปกติ
๓. ทำกาเมสุมิจฉาจารโดยปกติ
๔. พูดมุสาวาทโดยปกติ
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำตัวไปโยนทิ้งฉะนั้น
พระพุทธเจ้าได้ตรัสในทางตรงกันข้ามต่อไปว่า บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการที่ตรงกันข้าม ย่อมอุบัติในสวรรค์ เหมือนเขาเชิญตัวไปประดิษฐานไว้ฉะนั้น ธรรม ๔ ประการ คือ
๑. บุคคลเป็นผู้เว้นจากปาณาติบาต
๒. เป็นผู้เว้นจากอทินนาทาน
๓. เป็นผู้เว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร
๔. เป็นผู้เว้นจากมุสาวาท
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมอุบัติในสวรรค์ เหมือนเขาเชิญตัวไปประดิษฐานฉะนั้น
มุสาสูตร ว่าด้วยธรรมทำให้เกิดในนรกสวรรค์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมอุบัติในนรก ธรรม ๔ ประการคือ
๑. บุคคลเป็นผู้พูดมุสาวาทโดยปกติ
๒. พูดส่อเสียดโดยปกติ
๓. พูดคำหยาบโดยปกติ
๔. พูดสำรากเพ้อเจ้อโดยปกติ
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประกานี้แล ย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำตัวไปโยนทิ้งไว้ฉะนั้น
พระพุทธเจ้าตรัสในด้านตรงกันข้ามว่า บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมอุบัติในสวรรค์ ธรรม ๔ ประการคือ
๑. บุคคลเป็นผู้เว้นจากมุสาวาท
๒. เป็นผู้เว้นจากพูดส่อเสียด
๓. เป็นผู้เว้นจากพุดคำหยาบ
๔. เป็นผู้เว้นจากพูดสำรากเพ้อเจ้อ
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมอุบัติในสวรรค์ เหมือนเขาเชิญตัวไปประดิษฐานไว้ฉะนั้น
วัณณสูตร ว่าด้วยธรรมทำให้เกิดในนรกสวรรค์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมอุบัติในนรก ธรรม ๔ ประการ คือบุคคลไม่ใคร่ครวญ ไม่สอบสวนแล้ว
๑. ชมคนที่ควรติ
๒. ติคนที่ควรชม
๓. ปลูกความเลื่อมใสในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส
๔. แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะอันควรเลื่อมใส
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำตัวไปโยนทิ้งฉะนั้น
พระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อไปอีกว่า บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการตรงกันข้าม ย่อมอุบัติในสวรรค์ ธรรม ๔ ประการ คือบุคคลใคร่ครวญสอบสวนแล้ว
๑. ติคนที่ควรติ
๒. ชมคนที่ควรชม
๓. แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะอันไม่ควรเลื่อมใส
๔. ปลูกความเลื่อมใสในฐานะอันควรเลื่อมใส
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมอุบัติในสวรรค์ เหมือนเขาเชิญตัวไปประดิษฐานฉะนั้น
โกธสูตร ว่าด้วยธรรมทำให้เกิดในนรกสวรรค์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมอุบัติในนรก ธรรม ๔ ประการ คือ
๑. บุคคลเป็นผู้หนักในความโกรธ ไม่หนักในพระสัทธรรม
๒. เป็นผู้หนักในความลบหลู่ท่าน ไม่หนักในพระสัทธรรม
๓. เป็นผู้หนักในลาภ ไม่หนักในพระสัทธรรม
๔. เป็นผู้หนักในสักการะ ไม่หนักในพระสัทธรรม
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมอุบัติในนรก เหมือนถูกนำตัวไปโยนทิ้งฉะนั้น
พระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อไปในทางตรงกันข้ามว่า บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการตรงกันข้าม ย่อมอุบัติในสวรรค์ ธรรม ๔ ประการ คือ
๑. บุคคลเป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในความโกรธ
๒. เป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในความลบหลู่ท่าน
๓. เป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในลาภ
๔. เป็นผู้หนักในพระสัทธรรม ไม่หนักในสักการะ
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมอุบัติในสวรรค์ เหมือนเขาเชิญตัวไปประดิษฐานฉะนั้น
จากหนังสือ ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า
เล่ม ๓ หน้า ๑๒๖ - ๑๓๐