Print

แสงส่องใจ ฉบับที่ - ๒๒๕

sangharaja-section

sungaracha

แสงส่องใจให้เพียงพรหม

เทศนานิพนธ์
ใน
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


แม้เมตตากรุณาจะเริ่มที่ผู้เป็นที่รักโดยเฉพาะก็คือตนนั้นแหละก่อน แต่จะหยุดยั้งเพียงนั้นไม่ได้ เมตตากรุณาที่หยุดยั้งเพียงในตนและในผู้เป็นที่รักของตนจะเป็นโทษได้ภายหลัง ความเห็นแก่ตัวไม่เป็นที่สรรเสริญ ความเมตตากรุณาเฉพาะตนและเฉพาะผู้เป็นที่รักของตนจะเป็นความเห็นแก่ตัวไปได้ในที่สุดแน่นอน คนเมตตาแต่ตัวเองคือคนเห็นแก่ตัว ตรงกันข้ามกับคนมีเมตตา เหมือนสีดำกับสีขาว คนเห็นแก่ตัวหมายถึงคนเห็นแต่ได้ของตัวของพวกตัว ย่อมทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ที่จะเป็นประโยชน์เป็นผลได้ของตนและพวกของตน โดยไม่คำนึงถึงผลเสียอื่น ไม่ว่าจะเป็นผลเสียของผู้ใดผู้หนึ่งเพียงเล็กน้อย หรือผลเสียส่วนรวมที่ยิ่งใหญ่เพียงไหน รวมถึงที่ยิ่งใหญ่ขนาดสถาบัน คนเห็นแก่ตัวเช่นนี้เพราะจิตใจจดจ่อมุ่งเมตตาแต่ตนเอง อยากให้ตนเองหรือตัวเราของเราได้ดีมีสุขอย่างนั้นอย่างนี้ ล้วนแต่ที่ดี ๆ เพื่อตนเองและพวกตนเองเท่านั้น ลืมคนอื่นส่วนอื่นหมดสิ้น นึกไม่ถึงแลไม่เห็นถึงความเสียหายเดือดร้อนที่ผู้อื่นส่วนอื่นจะได้รับเพราะความเห็นแก่ตัวของตน ความเห็นแก่ตัวนี้จะว่าเป็นความรู้มากเอาเปรียบก็ได้ เพราะคนเห็นแก่ตัวมักจะทำสิ่งที่เป็นการรู้มากเอาเปรียบผู้อื่น จะเห็นได้ว่าเมตตาของพรหมหรือเมตตาในพรหมวิหารธรรมนั้นไม่จำกัดขอบเขตเฉพาะตนเองและพวกพ้องของตนเองเท่านั้น แต่จะต้องแผ่ออกไปอย่างกว้างขวางที่สุด ปราศจากขอบเขต ไม่เลือกเขาไม่เลือกเรา เห็นของเขาเป็นของเรา เห็นทุกข์ของเขาเป็นทุกข์ของเรา ปรารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์เหมือนที่ปรารถนาให้ตัวเองพ้นจากทุกข์ แต่ก็มิได้หมายความว่าให้ปล่อยใจไปเป็นทุกข์กับคนทั้งหลายหรือกับคนทั้งโลกจึงเรียกว่ามีเมตตา ไม่ใช่เช่นนั้น   มีเมตตาเหมายถึงปรารถนาให้คนอื่นเป็นสุขโดยที่ตัวเราเองต้องทำใจของตนให้ได้ก่อน ให้เป็นสุขก่อน แล้วไม่หลงติดอยู่ในความสุขใจของตนจนลืมนึกถึงผู้อื่น

การปรารถนาให้ตนเองและพวกพ้องน้องพี่ของตนเป็นสุขจนเกินขอบเขต คืออย่างผิด ๆ จนกลายเป็นความมักได้เห็นแก่ตัวนั้น ความจริงจะเป็นความเมตตาตนก็ไม่ใช่ เป็นความไม่เมตตาจะถูกกว่า เพราะเท่ากับเป็นการทำให้ต้องไม่เป็นสุข อาจเป็นการพ้นความทุกข์ชั่วระยะ แต่แล้วความมักได้เอาเปรียบเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้จะนำให้ความทุกข์ตามมา ทุกคนชอบคนไม่มักได้ไม่เอาเปรียบเห็นแก่ตัว เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ใดมักได้เอาเปรียบเห็นแก่ตัว ผู้นั้นย่อมไม่เป็นที่ชอบของคนทั้งหลายเป็นอันมาก รวมทั้งคนที่เห็นแก่ตัวและไม่เห็นแก่ตัวทุกคนทุกพวก เมื่อทำตนให้มีผู้ไม่ชอบจะเป็นการเมตตาตนได้อย่างไร เมื่อทำพวกพ้องน้องพี่ให้ไม่เป็นที่ชอบจะเป็นการเมตตาพวกพ้องน้องพี่ได้อย่างไร จะต้องเป็นการตรงกันข้าม คือไม่เมตตา

มีไม่น้อยที่มีความคิดมีความเข้าใจ ว่าไม่ช่วยตนไม่ช่วยพวกพ้องน้องพี่ของตนให้ได้ดีมีสุขแล้วจะไปช่วยใครที่ดีกว่าเหมาะสมกว่า และเมื่อมีความคิดความเข้าใจเช่นนี้แล้วก็ปฏิบัติไปอย่างไม่คำนึงถึงอะไรอื่น ไม่คำนึงถึงความเสียหายใด แม้กระทั่งความเสียหายของสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ก็ไม่คำนึงถึง ความเข้าใจผิดอย่างยิ่งของผู้หลงคิดว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการแสดงออกซึ่งเมตตาต่อตนและพวกพ้องของตน แต่แม้จะเป็นความเข้าใจผิด เมื่อทำลงไปแล้วผลย่อมเกิด ซึ่งเหมือนเกิดแก่ผู้อื่น แต่ตนและพวกพ้องของตนก็ย่อมไม่อาจพ้นผลนั้นได้ และใช่ว่าจะเป็นผลดีก็หาไม่ เป็นผลร้ายแน่แท้ ขึ้นชื่อว่าความมักได้เห็นแก่ตัว ซึ่งอาจรวมเรียกว่าความมักง่ายก็ได้ ไม่มีผลดีเลย มีแต่ผลร้าย ถ้าความมักได้เห็นแก่ตัวมีผลดีเป็นกรรมดี ก็ย่อมไม่มีการบัญญัติให้ใช้คำว่า มักได้เห็นแก่ตัวให้เป็นการติหนิประณาม

พึงพิจารณาตนให้ดี ดูใจตนให้เห็นชัดแจ้งออกมา ว่ามีความเห็นแก่ตัวที่หลงคิดว่าเป็นเมตตากรุณามากเพียงไหน ยอมรับความจริงแท้แก่ตนแล้วพยายามแก้ อบรมเมตตาที่ถูกต้องแท้จริงให้เกิดขึ้นแทน จนกว่าจะได้รู้สึกว่าสภาพจิตใจเปลี่ยน ใจที่เคยร้อนกระวนกระวายด้วยความคิดรู้มากเอาเปรียบอยากให้ตนและพวกของตนเป็นสุขด้วยการได้มาซึ่งอะไรทั้งนั้นบรรดามีในโลกนี้ จะเปลี่ยนเป็นใจที่สงบ เยือกเย็น เป็นสุข   ความสุขใจที่ได้สัมผัสเมื่อสามารถกำจัดความเมตตากรุณาที่ผิดหรือความเห็นแก่ตัวนั้นมีผลเกินกว่าที่จะได้อะไรทั้งหลายอันเป็นวัตถุภายนอกกายมากมายนัก ผู้ไม่รู้จักก็ยากจะอธิบายให้รู้จักได้ชัดเจนจริง หยุดความเห็นแก่ตัวและอบรมเมตตาให้ถูกต้องจริงเสียก่อน จึงจักได้รู้จักความสุขเยือกเย็นอันเป็นผลของเมตตากรุณาด้วยตนเองแน่นอน

พึงพยายามทำใจให้หยุดห่วงใยตนเองและพวกพ้องน้องพี่จนเกินขอบเขตจนผิดธรรม พึงพยายามทำใจให้เป็นกลางวางเฉยในเมื่อจะเป็นการต้องทำเพื่อตนและพวกพ้องของตน ซึ่งจักเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นให้ต้องเดือดร้อนเสียผลประโยชน์   มีวิธีที่จะทำให้รู้ว่าการใดเป็นการเมตตาตนและพวกพ้องของตนผิดการใดไม่ผิด ก็คือให้คิดดูว่าคนดีทั้งหลายจะเห็นด้วยกับการใด จะตำหนิติเตียนการใด การใดคนดีตำหนิได้ การนั้นแม้มุ่งให้เป็นเมตตาก็เป็นเมตตาไม่ถูกต้อง การใดคนดีสรรเสริญ การนั้นถูกแท้

พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกได้ทรงช่วยและได้ช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากความทุกข์ความร้อนมาแล้วเป็นอันมาก และแม้จะไม่ได้ทรงดำรงพระชนมายุสังขารและดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็จริง ทุกวันนี้ยังได้ทรงช่วยและได้ช่วยอยู่ตลอดเวลา ผู้ได้รับพระกรุณาคุณและกรุณาคุณย่อมประจักษ์แก่ใจตนโดยที่ผู้อื่นไม่อาจเข้าใจได้ พระพุทธองค์และพระอรหันตสาวกทั้งหลายได้ทรงช่วยและช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ผ่านทางพระธรรมคำสอน ผู้ใดรับฟังและปฏิบัติตามผู้นั้นจักพ้นทุกข์แน่นอน มากน้อยควรแก่ความปฏิบัติ นี่เป็นกรุณาที่ถูกแท้ เป็นกรุณาในพรหมวิหารธรรมที่แท้จริง

การช่วยให้พ้นทุกข์นั้นไม่หมายถึงช่วยให้พ้นทุกข์ทางกายหรือทุกข์ภายนอกเท่านั้น แต่หมายถึงช่วยให้พ้นทุกข์ทางใจหรือทุกข์ภายใน ที่ผู้อื่นนอกจากตนเองมองไม่เห็นรู้ด้วยไม่ได้ การช่วยให้พ้นทุกข์ทางกายนั้นผู้ช่วยมีโอกาสช่วยอย่างผิด ๆ ได้แม้ช่วยโดยปราศจากการใช้เหตุผลคือสติปัญญาอย่างเหมาะสม ตัวอย่างชัด ๆ ที่ปรากฏอยู่เนือง ๆ ก็เช่นเมื่อเจ็บป่วยโรคร้ายแรงที่ยากแก่การรักษา เมื่อคิดจะช่วยตนให้พ้นทุกข์แต่ขาดสติปัญญาคือเหตุผล ก็ทำลายชีวิตตน โดยคิดว่าเป็นการช่วยให้พ้นทุกข์ทรมานที่กำลังรับอยู่   แต่แม้มีสติปัญญาเพียงพอก็จะไม่กรุณาตนเช่นนั้น จะสามารถใช้สติปัญญาใคร่ครวญพิจารณาเห็นได้ถูกต้องถ่องแท้ว่าการทำลายชีวิตเป็นบาป เป็นการผิดศีลที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ ผลที่เกิดจะเป็นผลดีได้อย่างไร เมื่อผลอันเกิดจากการทำลายชีวิตเป็นผลดีไม่ได้ ตนจะพ้นจากความทุกข์เพราะการทำลายชีวิตตนได้อย่างไร ความคิดที่ว่าเมื่อร่างกายไม่มีชีวิตแล้วตนก็จะพ้นจากความทุกข์ นั้นเป็นเพียงการคาดคะเนที่ผิด ทำบาปละเมิดศีลเป็นการทำกรรมไม่ดี กรรมไม่ดีต้องให้ผลไม่ดี กรรมไม่ดีจะไม่ให้ผลดี ในทางตรงกันข้าม กรรมดีต้องให้ผลดี กรรมดีจักไม่ให้ผลไม่ดีแน่นอน ใครจะเข้าใจถูกเข้าใจผิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมก็จะไม่เป็นไปตามความเข้าใจ จะเป็นไปดังกล่าวแล้วเท่านั้น

เรื่องของกรรมสลับซับซ้อนมากมายจนยากที่ปุถุชนคนหนาด้วยกิเลสจะเห็นจะเข้าใจได้ถูกต้องชัดเจน ต้องอาศัยศรัทธาความเชื่อในพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ทรงแสดงสอนไว้เป็นจริงว่าผู้ใดทำกรรมใดไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น ทำกรรมดีจักได้รับผลดี ทำกรรมชั่วจักได้รับผลชั่ว เมื่อยังไม่มีความรู้ความสามารถจะรู้จะเห็นได้ถูกต้องด้วยตนเอง มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธเจ้า เชื่อตามที่ทรงสอนก็จะรู้เรื่องของกรรมไม่ผิด จักทำกรรมอันเป็นเหตุไม่ผิดจากผลที่ต้องการ

เมื่อประสงค์จะกรุณาคือช่วยผู้ใดให้พ้นทุกข์ อย่าลืมใคร่ครวญตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนโดยเฉพาะเรื่องกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ผู้ใดทำผู้นั้นได้ จะทำอะไรเพื่อช่วยใครก็รอบคอบคิดให้ดีว่าที่จะทำนั้นเป็นกรรมดีแน่หรือไม่ ผิดศีลผิดธรรมข้อใดอย่างใดหรือไม่ เช่นทำลายชีวิตเป็นการละเมิดศีล ทำลายชีวิตแม้มุ่งช่วยให้พ้นทุกข์ร้อนทรมานก็เป็นการละเมิดศีล จึงเป็นกรรมไม่ดี ผลก็ต้องไม่ดี พึงพิจารณาใคร่ครวญให้อย่างยิ่งเสมอ แม้เมื่อจะกรุณาทั้งเมื่อจะช่วยตนหรือช่วยผู้ใดก็ตามให้พ้นทุกข์ นั่นจะได้เป็นกรุณาที่เป็นพรหมวิหารธรรมแท้ถูกต้อง

การจะช่วยตนหรือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ แม้จะต้องใคร่ครวญพิจารณาให้รอบคอบเพื่อมิให้เป็นการผิดศีลผิดธรรม แต่ก็มิใช่ว่าเพื่อปิดหนทางที่จะช่วยทุกข์ การจะช่วยตนหรือใคร ๆ ให้พ้นทุกข์มีวิธีที่ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรมอยู่เป็นอันมาก มากกว่าวิธีที่ผิดศีลที่ผิดธรรม เพียงไม่เป็นผู้มักง่ายจนเกินไปเท่านั้นก็จะสามารถช่วยให้พ้นทุกข์ได้อย่างไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม สามารถหลีกพ้นวิธีที่ผิดศีลผิดธรรมได้ ผู้ที่มักง่ายเท่านั้นที่จะช่วยทุกข์ของตนหรือของผู้เป็นที่รักชอบของตนด้วยวิธีที่ผิดศีลผิดธรรม โดยไม่คำนึงว่าการช่วยเช่นนั้นเป็นการกระทำกรรมดีที่จะให้ผลดี หรือเป็นการกระทำกรรมชั่วที่จะให้ผลชั่ว

คนบางคนเมื่อลำบากยากจนคิดจะช่วยตนให้พ้นทุกข์คือพ้นจากความลำบากยากจนนั้น แทนที่จะพากเพียรพยายามหาทรัพย์สินเงินทองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตชนิดหนักเอาเบาสู้ กลับใช้วิธีที่คิดว่าง่ายคดโกงลักขโมยปล้นจี้เพื่อให้ได้ทรัพย์สินมาเปลื้องทุกข์คือความยากจนขัดสนของตน เช่นนี้เป็นการมักง่าย ไม่คำนึงถึงศีลธรรม การคดโกงลักขโมยอาจเป็นการแก้ทุกข์ได้ผลรวดเร็วทันทีทันใด แต่ไม่แน่นอนเสมอไป และไม่ยั่งยืน บางทีถูกจับได้กลางคันไม่ทันได้เปลื้องทุกข์ มิหนำยังจักได้รับทุกข์ทวีขึ้น หรือแม้ไม่ถูกจับได้กลางคัน ใจที่หวาดสะดุ้งกลัวการถูกจับถูกลงโทษเป็นการไม่เปลื้องทุกข์ทั้งอาจเป็นการเพิ่มทุกข์ ไม่เหมือนการทำมาหากินด้วยสุจริต อาจได้ผลช้าไปบ้าง แต่ก็เป็นผลที่ดีแน่นอน ไม่มีโทษ

การช่วยทุกข์ของตนหรือของผู้ใดก็ตาม ต้องไม่ช่วยด้วยวิธีไม่สุจริตทั้งปวง ต้องไม่ช่วยด้วยการกระทำที่ผิดศีลผิดธรรม เช่นไม่ส่งเสริมให้เป็นใหญ่เกินกว่าที่สมควรด้วยการใช้อำนาจหน้าที่ของตนช่วย ไม่คำนึงถึงความอยุติธรรมที่ผู้อื่นจะได้รับเพราะการกระทำของตน ซึ่งเป็นการช่วยผู้ไม่ควรช่วย และขณะเดียวกันเป็นการให้ทุกข์แก่ผู้ไม่ควรต้องได้รับทุกข์นั้น เป็นการกระทำที่ไม่เป็นกรุณาในพรหมวิหารธรรม แต่เป็นความมักง่ายเห็นแต่กับความสุขความเจริญของพวกตน ไม่เมตตาความทุกข์ความเดือดร้อนของผู้อื่น

กรุณาที่ไม่ใช่กรุณาจริง ที่ไม่ใช่กรุณาในพรหมวิหารธรรม กรุณาที่ไม่ถูกต้องนี้ที่เป็นเหตุแห่งความเดือดร้อนได้ และปรากฏเป็นอยู่เป็นอันมาก กรุณาตัวเองและพวกของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น ไม่คำนึงว่าจะเป็นการเอาเปรียบคดโกงไม่ซื่อต่อผู้อื่นอย่างไรหรือไม่ ตั้งใจจะช่วยทุกข์ของตนและพวกของตนเท่านั้น กรุณาเช่นนี้ก่อความวุ่นวายเดือดร้อนยุ่งยากได้ทั่วไปหมด ถ้าไม่มีกรุณาเช่นนี้ความสงบสุขจะมีมากกว่า จึงควรคำนึงถึงความจริงนี้ อย่าให้ตนเองเป็นเหตุแห่งความกรุณาที่ให้ผลเป็นความไม่กรุณาที่ปรากฏอยู่เนือง ๆ ทั่วไป เพื่อตนจะได้มีแสงส่องใจให้เพียงพรหมได้พอสมควร หรืออย่างสมบูรณ์พร้อมในวันหนึ่ง ซึ่งจะให้ผลดีทั้งแก่ตน แก่พวกของตน แก่ชาติ และแก่โลก

 

จากหนังสือ แสงส่องใจให้เพียงพรหม
๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ หน้า ๘๑ – ๙๑